นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ครม. ได้อนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 เพื่อการดำเนินโครงการเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำเพื่อรองรับสถานการณ์ภัยแล้งในช่วงปี 2568 วงเงิน 7,404.34 ล้านบาท จำนวน 2,748 รายการ ตามที่สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) เสนอ และอนุมัติการจ่ายเงินช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในช่วงฤดูฝนปี 2567 เพิ่มเติมจำนวน 781.88 ล้านบาท จากงบกลางในปี 2568 เพื่อนำไปใช้จ่ายให้กับกลุ่มผู้ประสบอุทกภัยในช่วงฤดูฝนปี 2567 จำนวน 86,876 ครัวเรือน ในพื้นที่ 17 จังหวัด ตามที่กระทรวงมหาดไทย เสนอ
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติกรอบวงเงินและระยะเวลา การช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในช่วงฤดูฝนปี 2567 เพิ่มเติมจากมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 3 ธันวาคม 2567 และเมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2568 ตามที่กระทรวงมหาดไทย โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เสนอ ดังนี้
1. อนุมัติกรอบวงเงินงบประมาณ พ.ศ. 2568 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพิ่มเติมอีก จำนวนเงิน 781.884 ล้านบาท
2. อนุมัติระยะเวลาการช่วยเหลือตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 3 ธันวาคม 2567 วันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2568 และที่ขอรับสนับสนุนงบประมาณในครั้งนี้ เพิ่มเติม ให้แล้วเสร็จภายใน 15 วันทำการ นับตั้งแต่วันที่ได้รับการจัดสรรงบประมาณที่ขอรับการสนับสนุนงบประมาณในครั้งนี้ โดยให้กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นหน่วยรับงบประมาณ และจ่ายเงินช่วยเหลือแก่ผู้ประสบภัย ผ่านธนาคารออมสินให้เบิกจ่ายในงบเงินอุดหนุน ลักษณะเงินอุดหนุนทั่วไป รวมทั้งให้สามารถถัวจ่ายข้ามจังหวัดได้
สาระสำคัญของเรื่อง
1. เดิมคณะรัฐมนตรีมีมติเมื่อวันที่ 17 กันยายน 2567 วันที่ 8 ตุลาคม 2567 วันที่ 3 ธันวาคม 2567 และวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2568 เห็นชอบหลักเกณฑ์ เงื่อนไข และวิธีการจ่ายเงินช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในช่วงฤดูฝน ปี 2567 และอนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 และพ.ศ. 2568 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่าย เพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็นเพื่อจ่ายเงินช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในช่วงฤดูฝน ปี 2567 เพื่อเป็นค่าดำรงชีพเบื้องต้นแก่ครอบครัวผู้ประสบอุทกภัยเป็นกรณีพิเศษ กรณีที่อยู่อาศัยประจำอยู่ในพื้นที่น้ำท่วม ดินถล่ม น้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก น้ำล้นตลิ่งไม่เกิน 7 วัน และทรัพย์สินได้รับความเสียหาย หรือที่อยู่อาศัยประจำถูกน้ำท่วมขัง ติดต่อกันเกินกว่า 7 วันให้ความช่วยเหลืออัตราเดียว ครัวเรือนละ 9,000 บาท โดยอนุมัติกรอบวงเงินงบประมาณในการดำเนินการเพื่อจ่ายเงินช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย ในพื้นที่ 57 จังหวัด จากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น วงเงิน 3,045.519 ล้านบาทและในพื้นที่ 17 จังหวัด จากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น วงเงิน 8,693.514 ล้านบาท แต่เนื่องจากระยะเวลาการช่วยเหลือดังกล่าวสิ้นสุดลงในวันที่ 19 มีนาคม 2568 ประกอบกับมีจำนวนครัวเรือนผู้ประสบภัยที่เป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรีมากกว่าจำนวนครัวเรือนผู้ประสบภัยที่คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบอนุมัติกรอบวงเงินไว้แล้ว และขณะนี้ ยังคงมีผู้ประสบอุทกภัยที่จังหวัดตรวจสอบยืนยันแล้ว รออยู่ในกระบวนการจ่ายเงินช่วยเหลือ ทำให้การดำเนินการยังไม่เสร็จสิ้นและไม่สามารถดำเนินการได้ทันภายในระยะเวลาที่กำหนด จึงมีความจำเป็นต้องเสนอคณะรัฐมนตรี เพื่อพิจารณาต่อไป
2. ผลการดำเนินการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในช่วงฤดูฝนปี 2567 รายละเอียด ดังนี้
2.1 การจ่ายเงินช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในช่วงฤดูฝน ปี 2567 ตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 17 กันยายน 2567 และวันที่ 8 ตุลาคม 2567 ตามข้อ 1 ได้ดำเนินการจ่ายเงินช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย เสร็จสิ้นแล้ว รวมจำนวนเงินทั้งสิ้น 2,716.143 ล้านบาท และมีงบประมาณคงเหลือจำนวนเงิน 329.376 ล้านบาท (3,045.519 – 2,716.143 ล้านบาท) ซึ่งนำไปใช้ในการจ่ายเงินช่วยเหลือฯ ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 3 ธันวาคม 2567 และวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2568 (ข้อมูล ณ วันที่ 23 ธันวาคม 2567 เวลา 16.30 น.)
2.2 การจ่ายเงินช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในช่วงฤดูฝน ปี 2567 เพิ่มเติมตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 3 ธันวาคม 2567 และวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2568 (ข้อมูล ณ วันที่ 10 มีนาคม 2568 เวลา 09.00 น.)
มีผลการดำเนินการ ดังนี้
(1) ดำเนินการจ่ายเงินให้แก่ผู้ประสบอุทกภัยแล้ว จำนวน 596,307 ครัวเรือน จำนวนเงิน 5,366.763 ล้านบาท
(2) อยู่ระหว่างโอนจ่ายเงินให้แก่ผู้ประสบอุทกภัย จำนวน 402,437 ครัวเรือน จำนวนเงิน 3,621.933 ล้านบาท
(3) อยู่ระหว่างปรับปรุงสถานะบุคคล จำนวน 3,532 ครัวเรือน จำนวนเงิน 31.788 ล้านบาท
3. การช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในช่วงฤดูฝน ปี 2567 ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 3 ธันวาคม 2567 และวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2568กำหนดให้จังหวัดที่ประสบอุทกภัยเร่งรัดดำเนินการตรวจสอบความถูกต้องตามหลักเกณฑ์และช่วยเหลือให้แล้วเสร็จ ภายใน 90 วัน ตั้งแต่วันที่ได้รับการจัดสรรงบประมาณ ซึ่งกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ได้รับการจัดสรรเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น งบเงินอุดหนุน ลักษณะเงินอุดหนุนทั่วไปจากสำนักงบประมาณ เมื่อวันที่ 20 ธันวาคม 2567 โดยมีกำหนดสิ้นสุดระยะเวลาการช่วยเหลือ ดังกล่าวในวันที่ 19 มีนาคม 2568 แต่เนื่องจากการให้ความช่วยเหลือมีขั้นตอนการตรวจสอบและรับรองความถูกต้องของข้อมูลผู้ประสบอุทกภัยที่ขอรับความช่วยเหลือ เพื่อให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ เงื่อนไข และวิธีการจ่ายเงินช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในช่วงฤดูฝน ปี 2567 ที่กำหนดไว้ให้เกิดความถูกต้อง ชัดเจน ครอบคลุม โปร่งใสเป็นธรรมกับประชาชนที่ประสบอุทกภัย ทำให้การจ่ายเงินช่วยเหลือต้องใช้ระยะเวลาพอสมควร ประกอบกับมีจำนวนครัวเรือนผู้ประสบอุทกภัยที่เป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรีมากกว่าจำนวนครัวเรือนผู้ประสบอุทกภัยที่คณะรัฐมนตรี มีมติเห็นชอบอนุมัติกรอบวงเงินไว้แล้ว ซึ่งขณะนี้ ยังคงมีผู้ประสบอุทกภัยที่จังหวัดตรวจสอบยืนยันแล้วรออยู่ในกระบวนการจ่ายเงินช่วยเหลือ คงเหลืออยู่อีก 86,876 ครัวเรือน และคาดว่าจะต้องใช้งบประมาณเพื่อจ่ายเงินช่วยเหลือ ประมาณ 781.884 ล้านบาท ทำให้การดำเนินการยังไม่เสร็จสิ้นและไม่สามารถดำเนินการได้ทันภายในระยะเวลาที่กำหนด
4. ขอความเห็นชอบอนุมัติให้ใช้จ่ายเงินช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในช่วงฤดูฝนปี 2567 เพิ่มเติม และขออนุมัติงบประมาณ พ.ศ. 2568 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพิ่มเติม
จากเดิม
อนุมัติกรอบวงเงินงบประมาณในการดำเนินการเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน กรณีอุทกภัย ในพื้นที่ 17 จังหวัด จากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น วงเงิน 8,693.514 ล้านบาท เพื่อจ่ายเงินช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในช่วงฤดูฝน ปี 2567 ตามหลักเกณฑ์ เงื่อนไขและวิธีการจ่ายเงินช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในช่วงฤดูฝน ปี 2567 อัตราครัวเรือนละ 9,000 บาท ทั้งนี้ ให้จังหวัดที่ประสบอุทกภัยเร่งรัดดำเนินการตรวจสอบความถูกต้องตามหลักเกณฑ์และช่วยเหลือให้แล้วเสร็จ ภายใน 90 วัน ตั้งแต่วันที่ได้รับการจัดสรรงบประมาณ เพิ่มเติม (วันที่ 19 มีนาคม 2568) โดยให้กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเป็นหน่วยรับงบประมาณและจ่ายเงินช่วยเหลือแก่ผู้ประสบอุทกภัยผ่านธนาคารออมสิน ให้เบิกจ่ายในงบเงินอุดหนุน ลักษณะเงินอุดหนุนทั่วไป รวมทั้งให้สามารถถัวจ่ายข้ามจังหวัดได้
ขอเพิ่มเติม
อนุมัติกรอบวงเงินงบประมาณในการดำเนินการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในช่วงฤดูฝนปี 2567 เพิ่มเติมอีก จำนวน 781.884 ล้านบาท และขอขยายระยะเวลาดำเนินการตามติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 3 ธันวาคม 2567 วันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2568 และที่ขอรับการสนับสนุนงบประมาณในครั้งนี้ เพิ่มเติมอีก 15 วันทำการ นับตั้งแต่วันที่ได้รับการจัดสรรงบประมาณที่ขอรับการสนับสนุนงบประมาณในครั้งนี้ สำหรับกรณีต่อไปนี้
(1) เกิดสถานการณ์ตั้งแต่วันที่ 20 พฤษภาคม 2567 ถึงวันที่ 2 พฤศจิกายน 2567 ในพื้นที่ 4 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดชัยนาท บุรีรัมย์ สมุทรสาคร และสิงห์บุรี
(2) เกิดสถานการณ์ตั้งแต่วันที่ 3 พฤศจิกายน 2567 – 31 ธันวาคม 2567 ในพื้นที่ 13 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดกระบี่ ชุมพร นครศรีธรรมราช นราธิวาส ปัตตานี ประจวบคีรีขันธ์ ตรัง พัทลุง ยะลา ระนอง สงขลา สตูล และสุราษฎร์ธานี
ทั้งนี้ ครัวเรือนที่จะได้รับความช่วยเหลือในกรณีนี้จะต้องไม่เป็นครัวเรือนที่ได้รับความช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในช่วงฤดูฝน ปี 2567 มาแล้ว โดยให้กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นหน่วยรับงบประมาณและจ่ายเงินช่วยเหลือแก่ผู้ประสบอุทกภัยผ่านธนาคารออมสิน ให้เบิกจ่ายในงบเงินอุดหนุน ลักษณะเงินอุดหนุนทั่วไป รวมทั้งให้สามารถถัวจ่ายข้ามจังหวัดได้
ประโยชน์ที่จะได้รับ
ผู้ประสบอุทกภัยตามข้อมูลพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ/พื้นที่ประกาศเขตพื้นที่ประสบสาธารณภัย/พื้นที่ประกาศเขตการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน ตั้งแต่วันที่ 20 พฤษภาคม 2567 ถึงวันที่ 2 พฤศจิกายน 2567 ในพื้นที่ 4 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดชัยนาท บุรีรัมย์ สิงห์บุรี และสมุทรสาคร และตั้งแต่วันที่ 3 พฤศจิกายน 2567 ในพื้นที่ 13 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดกระบี่ ชุมพร นครศรีธรรมราช นราธิวาส ปัตตานี ประจวบคีรีขันธ์ ตรัง พัทลุง ยะลา ระนอง สงขลา สตูล และสุราษฎร์ธานี เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการจ่ายเงินช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในช่วงฤดูฝน ปี 2567 สำหรับเป็นค่าดำรงชีพเบื้องต้นแก่ครอบครัวผู้ประสบอุทกภัย เป็นกรณีพิเศษ และเพื่อให้การดำรงชีพของประชาชนเข้าสู่ภาวะปกติโดยเร็ว
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี งบประมาณ พ.ศ. 2568 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ภายใต้กรอบวงเงิน 7,404.34 ล้านบาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายดำเนินโครงการเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ สถานการณ์ภัยแล้งและฝนทิ้งช่วง ปี 2568 (โครงการการบริหารจัดการน้ำฯ ปี 2568) จำนวน 2,748 รายการ ตามที่ สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) เสนอ โดยรายละเอียดของแผนการใช้จ่ายงบประมาณให้เป็นไปตามความเห็นของสำนักงบประมาณ (สงป.)
สาระสำคัญของเรื่อง
คณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ ในคราวการประชุม ครั้งที่ 4/2567 เมื่อวันที่ 11 ตุลาคม 2567 ได้มีมติเห็นชอบโครงการเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ เพื่อรองรับสถานการณ์ภัยแล้งและฝนทิ้งช่วง ปี 2568 (โครงการการบริหารจัดการน้ำฯ ปี 2568) เพื่อเตรียมความพร้อมรองรับสถานการณ์ภัยแล้งให้มีความสอดคล้องตามมาตรการรองรับฤดูแล้ง ปี 2567/2568 จำนวน 8 มาตรการ ได้แก่
1) คาดการณ์และเฝ้าระวังพื้นที่เสี่ยงขาดแคลนน้ำพร้อมวางแผนเตรียมเครื่องจักรเครื่องมือ และจัดหาแหล่งน้ำสำรอง
2) สร้างความมั่นคงน้ำเพื่อการอุปโภคบริโภคและการเกษตร พร้อมปฏิบัติการเติมน้ำอย่างมีประสิทธิภาพ
3) กำหนดแผนจัดสรรน้ำและพื้นที่เพาะปลูกพืชฤดูแล้ง บริหารจัดการน้ำให้เป็นไปตามลำดับความสำคัญการใช้น้ำที่คณะกรรมการลุ่มน้ำกำหนด
4) เพิ่มประสิทธิภาพการใช้น้ำ ประหยัดน้ำ และลดการสูญเสียน้ำในทุกภาคส่วน
5) เฝ้าระวังและแก้ไขคุณภาพน้ำ
6) เสริมสร้างความเข้มแข็งด้านการบริหารจัดการน้ำของชุมชน/องค์กรผู้ใช้น้ำ
7) สร้างการรับรู้ประชาสัมพันธ์
8) ติดตามและประเมินผลการดำเนินการ สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) จึงได้ดำเนินการให้หน่วยงานเสนอแผนงานโครงการที่มีความจำเป็นเร่งด่วนสอดคล้อง กับโครงการการบริหารจัดการน้ำฯ ปี 2568 และเสนอขอรับการสนับสนุนงบประมาณจากสำนักงบประมาณ (สงป.) เพื่อดำเนินการตามโครงการดังกล่าวในวงเงินงบประมาณ รวมทั้งสิ้น 51,584 ล้านบาท จำนวน 19,970 รายการ โดยนายกรัฐมนตรีเห็นชอบหลักการให้หน่วยรับงบประมาณ จำนวน 4 กระทรวง 12 หน่วยงาน ดำเนินตามโครงการการน้ำฯ ปี 2568 จำนวน 2,748 รายการ ภายในกรอบวงเงิน 7,404.34 ล้านบาท จากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น โดยมีรายละเอียดแยก
รายกระทรวง ดังนี้
หน่วยงาน | จำนวนโครงการ | วงเงินงบประมาณ (ล้านบาท) |
1) กระทรวงมหาดไทย | 2,153 | 3,743.31 |
2) กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ | 243 | 1,223.72 |
3) กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม | 328 | 2,369.02 |
4) กระทรวงกลาโหม | 24 | 68.29 |
รวมจำนวนโครงการและงบประมาณทั้งสิ้น | 2,748 | 7,404.34 |