“ข้าวสุข” จังหวัดนครพนม เกษตรมูลค่าสูงข้าวไทยสู่สากล ตรงความต้องการของตลาด

“เกษตรมูลค่าสูง” กลายเป็นคำที่เริ่มคุ้นหูในวงการเกษตรของไทยมากขึ้น โดยหัวใจสำคัญของหลักการนี้คือ เกษตรกรไม่จำเป็นต้องผลิตเยอะที่สุด แต่ต้องผลิตของที่ดีที่สุด ตรงความต้องการของตลาด มีเรื่องราว มีจุดขาย และสามารถตั้งราคาให้เหมาะสมได้ด้วยตนเอง

วิสาหกิจกิจชุมชน แปรรูปข้าวตำบลบ้านผึ้ง อำเภอเมือง จังหวัดนครพนม นำโดยนงลักษณ์ อัศวชัยกุล ประธานกลุ่ม ร่วมกับชาวนาในพื้นที่ เปลี่ยนวิถีการทำเกษตรของชาวนาในตำบลบ้านผึ้ง มาทำเกษตรอินทรีย์อย่างประณีต เพิ่มมูลค่าข้าว ใช้วลา 4 ปี ผลักดันข้าวสู่มาตรฐานสากล ภายใต้ชื่อแบรนด์ “ข้าวสุข”

หลังจากปั้นแบรนด์ข้าวสุขแล้ว นงลักษณ์ พาข้าวที่ปลูกจากหัวใจไปหาตลาดและผู้คนทั่วโลก จนเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวาง โดยทางกลุ่มได้รับการรับรองมาตรฐานการผลิตข้าวตามมาตรฐานการปฏิบัติทางการเกษตรที่ดีสำหรับพืชอาหาร รับรองมาตรฐานเกษตรอินทรีย์ (Organic Thailand) และ organic สากล รวมทั้งมาตรฐานระบบเกษตรอินทรีย์ Bioagricert ที่มีการตรวจรับรองตั้งแต่แปลงปลูก จนถึงขั้นตอนการสีข้าว และบรรจุเป็นข้าวสาร ทำให้กลุ่มสามารถจำหน่ายข้าวอินทรีย์ไปยังกลุ่มประเทศยุโรปได้ และยังคงเดินหน้าการันตีมาตรฐานการผลิต ผลักดันแบรนด์ข้าวสุข สู่ตลาดโลก ด้วยการออกบูธแสดงสินค้าในเวทีโลก

ปัจจุบันวิสาหกิจกิจชุมชน แปรรูปข้าวตำบลบ้านผึ้ง มีสมาชิกกว่า 230 แปลง ทั้งที่อยู่ในพื้นที่นครพนม มุกดาหารและสกลนคร สามารถส่งออกข้าวได้กว่า 300 ตัน สร้างเม็ดเงินเข้าประเทศปีละ กว่า 200 ล้านบาท ขณะที่เกษตรผู้ปลูกข้าวสามารถขายข้าวได้ในราคาที่สูงกว่าท้องตลาดกิโลกรัมละ 2 – 3 บาท มีสวัสดิการจากผลกำไรของกลุ่ม ได้รับการพัฒนาองค์ความรู้ผ่านโรงเรียนชาวนาที่ตั้งขึ้นที่นี่อย่างต่อเนื่อง และเกษตรกรสามารถเลือกปลูกข้าวสายพันธุ์ตามความเหมาะสมของพื้นที่ ทั้งนี้ผลิตภัณฑ์แบรนด์ข้าวสุก ส่งออกข้าวหลายสายพันธุ์ ใช้คุณค่าทางโภชนาการของข้าวแต่ละชนิด สร้างจุดเด่นของสินค้าในแนวคิด “กินข้าวให้เป็นยา”

นงลักษณ์ทิ้งท้ายกับทีมงานเราว่า หากต้องการผลิตสินค้าตามแนวทาง เกษตรมูลค่าสูง จะต้องทำเกษตรอย่างประณีตทุกขั้นตอน รวมกลุ่มกันทำเพื่อให้เกิดความเข้มแข็ง ยึดมาตรฐานสินค้าเป็นสำคัญและต้องออกตลาด ไปพบปะกับผู้ซื้อสม่ำเสมอ จะทำให้ลูกค้าไว้ใจและทำให้สินค้าขายได้อย่างต่อเนื่อง

ข่าวที่เกี่ยวข้อง