สถานีสูบน้ำพลังงานแสงอาทิตย์ ชูระบบอนุรักษ์ดินและน้ำ รอบหนองหาร แก้การชะล้างพังทลาย

นายอิทธิ ศิริลัทธยากร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวภายหลังเปิดโครงการส่งเสริมการเกษตรแบบผสมผสาน โดยจัดระบบอนุรักษ์ดินและน้ำ ลดการชะล้างพังทลายของดินรอบหนองหาร เพื่อพัฒนาและฟื้นฟูพื้นที่เกษตรกรรมด้วยการบริหารจัดการน้ำอย่างเป็นระบบและใช้ประโยชน์ได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด ณ บ้านบึงแดง หมู่ที่ 6 ต.โคกก่อง อ.เมือง จ.สกลนคร ว่า กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้ขับเคลื่อนนโยบายการบริหารจัดการน้ำให้เกิดประสิทธิภาพ จึงมอบหมายให้กรมพัฒนาที่ดินดำเนินโครงการส่งเสริมการเกษตรแบบผสมผสาน โดยจัดระบบอนุรักษ์ดินและน้ำ ลดการชะล้างดินรอบหนองหาร

โดยดำเนินกิจกรรม “ระบบส่งน้ำและกระจายน้ำด้วยพลังงานแสงอาทิตย์” ในพื้นที่บริเวณหนองหาร ซึ่งเป็นทะเลสาบน้ำจืดที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของประเทศ โดยมีเป้าหมายสำคัญคือ ป้องกันและลดการชะล้างพังทลายของดินและลดปริมาณตะกอนลงสู่แหล่งน้ำ อนุรักษ์ฟื้นฟูให้สามารถใช้ที่ดินได้อย่างถูกต้องและเหมาะสมตามศักยภาพของพื้นที่พัฒนาพื้นที่ตามแบบรูปมาตรการอนุรักษ์ดินและน้ำด้วยวิธีกลและเพื่อให้เกษตรกรสามารถบริหารจัดการน้ำอย่างเป็นระบบและใช้ประโยชน์ในพื้นที่การเกษตรบริเวณรอบหนองหารได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุดและสามารถปลูกพืชหลังนาสร้างรายได้อย่างยั่งยืน

สำหรับกิจกรรมที่ดำเนินการภายใต้โครงการดังกล่าว ประกอบด้วย กิจกรรมระบบกระจายน้ำด้วยท่อโดยใช้พลังงานแสงอาทิตย์ โดยก่อสร้างสถานีสูบ น้ำ 2 แห่ง ได้แก่ พื้นที่ตำบลม่วงลาย บริเวณริมหนองหารและพื้นที่ตำบลโคกก่อง บริเวณบึงหนองแดง พื้นที่รับประโยชน์ จำนวน 2,520 ไร่  กิจกรรมปรับระดับพื้นที่นาให้เหมาะสมกับสภาพพื้นที่ พื้นที่รับประโยชน์ จำนวน 2,365 ไร่ และกิจกรรมงานโครงสร้างระบบกระจายน้ำ ได้แก่ งานฝายน้ำล้น งานรางคอนกรีต และงานท่อน้ำออก พื้นที่รับประโยชน์ 1,655 ไร่ ทั้งนี้ เพื่อลดและป้องกันการชะล้างพังทลายของดิน และพัฒนาฟื้นฟูพื้นที่เกษตรกรรม ด้วยการบริหารจัดการดินและน้ำ อย่างเป็นระบบและใช้ประโยชน์อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด

โอกาสนี้ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ร่วมปล่อยพันธุ์ปลาตะเพียนทอง จำนวน 1 แสนตัว ลงสู่แหล่งน้ำเพื่อเพิ่มปริมาณพันธุ์สัตว์น้ำและอนุรักษ์พันธุ์สัตว์น้ำในธรรมชาติให้คงความอุดมสมสมบูรณ์ ตลอดจนสามารถเพิ่มผลผลิตสัตว์น้ำ เพื่อสร้างอาชีพด้านการประมงและเพิ่มรายได้ให้กับประชาชนในท้องถิ่นได้อย่างยั่งยืนต่อไป

ข่าวที่เกี่ยวข้อง