นายกฯ เร่งเดินหน้าดูแลคนไทยทุกช่วงวัย ห่างไกล NCDs เน้นป้องกันโรคตั้งแต่ต้นทาง

นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานเปิดโครงการบริการทุกช่วงวัย ด้วยความห่วงใยจากกระทรวงสาธารณสุข “30 บาท รักษาทุกที่ อสม.มั่นคง สาธารณสุขเข้มแข็ง เพื่อคนไทยห่างไกล NCDs” เขตสุขภาพที่ 4 ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 ที่อาคารอิมแพ็ค เอ็กซิบิชัน เซ็นเตอร์ ฮอลล์ 9 – 10  ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมอิมแพ็ค เมืองทองธานี โดยมีนายสรวงศ์ เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข นางมนพร เจริญศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม นายเดชอิศม์ ขาวทอง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข ผู้แทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน จำนวนกว่า 10,000 คนเข้าร่วม

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า วันนี้วิถีชีวิตคนไทยเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว ทั้งพฤติกรรมการทานอาหาร การพักผ่อน กิจกรรมต่าง ๆ รวมถึงการเคลื่อนไหวร่างกาย ดังคำกล่าวที่คุ้นเคยกันดีว่า “ไม่มีโรค เป็นลาภอันประเสริฐ”  ซึ่งเป็นความจริง ดังที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขกล่าวไว้ว่า ประชาชนมีสุขภาพแข็งแรง ไม่เพียงช่วยให้รัฐสามารถประหยัดงบประมาณ แต่ยังช่วยลดภาระของเจ้าหน้าที่ผู้ดูแลสุขภาพประชาชน

นายกรัฐมนตรี กล่าวด้วยว่า ไม่ว่าจะประกอบอาชีพใดก็ตาม สุขภาพร่างกายที่แข็งแรง คือ พื้นฐานความสุขที่แท้จริง ร่างกายเหมือนบ้าน หากบ้านสะอาดและปลอดภัย ก็อยู่ได้อย่างมีความสุข หากร่างกายไม่มีโรค แข็งแรง พักผ่อนเพียงพอและออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ก็จะมีพลังและศักยภาพในการทำงานและใช้ชีวิตอย่างเต็มที่

นายกรัฐมนตรี ย้ำว่า สุขภาพเป็นสิ่งที่รัฐบาลให้ความสำคัญอย่างยิ่ง มุ่งหวังให้คนไทยทุกคนมีสุขภาพแข็งแรง สิ่งแรกคือ การตระหนักรู้ว่า อาหารหรือสิ่งที่บริโภคเข้าไป มีคุณหรือโทษต่อร่างกายอย่างไร ปัจจุบันโรค NCDs หรือโรคที่ไม่ติดต่อเรื้อรังเป็นสาเหตุการเสียชีวิตจำนวนมาก  ทั้งนี้ กระทรวงสาธารณสุขดำเนินมาตรการต่างๆ เพื่อทำให้มีตัวเลขของผู้เสียชีวิตลดลง และประชาชนมีความรู้ในวิธีการรักษาสุขภาพของตนเองมากยิ่งขึ้น สุขภาพจึงเป็นต้นทุนที่สำคัญของประเทศ เมื่อทุกคนมีสุขภาพดีและมีศักยภาพ ประเทศชาติก็มีโอกาสก้าวไปข้างหน้าอย่างมั่นคง การให้ความรู้เกี่ยวกับการป้องกันโรค รวมถึงการปฏิบัติตน เพื่อหลีกเลี่ยงจากสาเหตุของการเกิดโรคตั้งแต่แรกถือเป็นสิ่งที่สำคัญมาก

นายกรัฐมนตรี กล่าวขอบคุณทุกภาคส่วน ทั้งหน่วยงานราชการ แพทย์ พยาบาล เจ้าหน้าที่สาธารณสุขและอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.)  ที่ทำหน้าที่เป็นด่านหน้าในการสื่อสารข้อมูลและสร้างความเข้าใจให้กับประชาชนว่า รัฐบาลมีความตั้งใจส่งเสริมให้ประชาชนมีสุขภาพแข็งแรง เพื่อให้มีศักยภาพในการร่วมกันพัฒนาประเทศต่อไป ซึ่งทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่างทุ่มเททำงานอย่างหนักเพื่อให้นโยบายสาธารณสุขประสบผลสำเร็จและทำให้คนไทยมีสุขภาพที่ดี ส่วนประเด็นสำคัญ คือ การเปิดโอกาสให้ประชาชนสามารถเข้าถึงบริการสาธารณสุข หลังจากที่มีความรู้ความเข้าใจเรื่องสุขภาพมากยิ่งขึ้น ต้องการให้ทุกคนเข้าถึงบริการสาธารณสุขได้ โดยไม่ลำบาก ทั้งเรื่องการเดินทางไกลและการรับยา รัฐบาลจะลดช่องว่างเรื่องเหล่านี้ลงให้ได้  ปัจจุบันหลายจังหวัดได้นำระบบส่งยาถึงบ้าน (Telemedicine) เข้ามาใช้ เพื่อช่วยให้ประชาชนสามารถพบแพทย์และรับการรักษาได้ง่ายและสะดวกยิ่งขึ้น

นายกรัฐมนตรี ระบุว่า ต้องขอบคุณและชื่นชมพี่น้อง อสม. ที่ขับเคลื่อนโครงการสาธารณสุขอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของการให้ความรู้ การดูแลชุมชน เป็นสะพานเชื่อมระหว่างรัฐกับประชาชน ซึ่งเป็นบทบาทที่สำคัญอย่างมากที่จะทำให้พี่น้องประชาชนได้เปลี่ยนพฤติกรรม เข้าใจเรื่องสุขภาพมากยิ่งขึ้น ขอให้ทุกคนร่วมแรงร่วมใจกันสื่อสารความรู้ที่สำคัญเหล่านี้ไปถึงประชาชนทุกคน ทุกพื้นที่ ทำให้คนไทย มีร่างกายที่แข็งแรงมากยิ่งขึ้นและขอขอบคุณทุกภาคส่วนที่ร่วมมือกันอย่างบูรณาการ ทุกนโยบายของรัฐบาลจะเกิดผลได้ ต้องอาศัยความร่วมมือจากภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาชนทำงานร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อให้นโยบายต่าง ๆ ส่งถึงมือพี่น้องประชาชนได้อย่างทั่วถึงทั่วประเทศ

จากนั้น นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคมและรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข ร่วมกันวางป้ายโครงการบริการทุกช่วงวัย ด้วยความห่วงใยจากกระทรวงสาธารณสุข “30 บาท รักษาทุกที่ อสม.มั่นคง สาธารณสุขเข้มแข็ง เพื่อคนไทยห่างไกล NCDs” ทำพิธีเปิดงานอย่างเป็นทางการ และเดินเยี่ยมชมนิทรรศการ อาทิ นิทรรศการตรวจเบาหวานขึ้นจอตา นิทรรศการโรคไตหมั่นคัดกรองป้องกันได้ นิทรรศการโรคอ้วนรู้ทันป้องกันได้ นิทรรศการโรคไม่ติดต่อเรื้อรังหายได้ ด้วยเวชศาสตร์วิถีชีวิต”  นิทรรศการ “ลด ละ เลิก ” เพื่อสังคมไทยปลอดภัยจากยาเสพติด และนิทรรศการออกกำลังกายลดดื้อด้วย “Metareverse”

ด้านนายสมศักดิ์ กล่าวว่า รัฐบาลมีนโยบายสำคัญในการดูแลสุขภาพประชาชนทุกมิติ ทั้งการคัดกรอง ป้องกัน ค้นหา และการดูแลรักษา ยกระดับการเข้าถึงบริการสุขภาพที่เป็นปัญหาสำคัญของประชาชน อาทิ           โรคอ้วนที่พบมากขึ้นทั้งในผู้ใหญ่และเด็ก โรคไม่ติดต่อเรื้อรัง หรือ NCDs โดยเฉพาะโรคไตเรื้อรัง พบผู้ป่วยระยะที่ 3 ถึง 506,593 ราย ในปี 2567 พบอัตราการเสียชีวิตในผู้ป่วยโรคกล้ามเนื้อหัวใจตายชนิดหลอดเลือดหัวใจอุดตันเฉียบพลัน ร้อยละ 9.01 ส่วนโรคหลอดเลือดสมอง ในปี 2566 มีผู้ป่วยถึง 349,126 ราย เสียชีวิต 36,214 ราย ส่วนใหญ่มีอายุน้อยกว่า 60 ปี ขณะที่ผู้ป่วยเบาหวานทั่วประเทศกว่า 3.6 ล้านราย ได้รับการคัดกรองภาวะแทรกซ้อนทางตาเพียง 1.7 ล้านราย หรือร้อยละ 47 และยังมีผู้สูงอายุที่สายตาไม่ดี การมองเห็นไม่ชัดเจน และเกิดภาวะสายตาเลือนรางสูงถึงร้อยละ 70 รวมถึงโรคมะเร็งปากมดลูก ที่พบเป็นอันดับ 5 ในเพศหญิง เป็นต้น

นายสมศักดิ์ กล่าวอีกว่า กระทรวงสาธารณสุขจึงจัดโครงการบริการทุกช่วงวัย ด้วยความห่วงใยจากกระทรวงสาธารณสุขฯ ให้บริการทางการแพทย์และการตรวจสุขภาพเชิงรุกครอบคลุมทุกช่วงวัย ทั้งการดูแลผู้ที่มีภาวะโรคอ้วน, การจัดการโรค NCDs เช่น เบาหวานและความดันโลหิตสูง, การดูแลไตตั้งแต่ระยะเริ่มต้น การรักษาในคลินิกชะลอไตเสื่อม, การนำเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาประเมินความเสี่ยงต่อการเกิดโรค เช่น การใช้ AI ตรวจจอประสาทตาในผู้ป่วยเบาหวาน, การคัดกรองและป้องกันโรค เช่น การฉีดวัคซีน HPV ป้องกันมะเร็งปากมดลูก และฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ให้แก่ประชาชนกลุ่มเสี่ยง รวมถึงการดูแลคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุ เช่น การมอบเครื่องช่วยฟังให้ผู้สูงอายุที่มีปัญหาการได้ยิน โดยมี อสม. เป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนนโยบายคนไทยห่างไกล NCDs เป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมและถ่ายทอดความรู้ไปสู่ประชาชน โดยตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม จนสิ้นสุดโครงการวันที่ 30 กันยายน 2568 ตั้งเป้าว่าจะมีประชาชนได้รับบริการทางการแพทย์รวม 38,203,000 คน ซึ่งจะสามารถลดค่าใช้จ่ายในปีงบประมาณ 2568 คิดเป็นมูลค่าทางเศรษฐกิจ 22,873,265,000 บาท 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง