นายคารม พลพรกลาง รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาล โดยกระทรวงสาธารณสุข ได้จัดระบบสุขภาพเพื่ออำนวยความสะดวกชาวไทยที่จะเดินทางไปประกอบพิธีฮัจย์ ที่ประเทศซาอุดีอาระเบีย โดยจะมีชาวไทยที่จะเดินทางไปประกอบพิธีฮัจย์ จำนวน 6,603 คน ระหว่างวันที่ 29 เมษายน – 2 มิถุนายน 2568 และเดินทางกลับช่วงวันที่ 12 มิถุนายน – 7 กรกฎาคม 2568 โดยก่อนการเดินทาง กระทรวงสาธารณสุขได้เตรียมความพร้อมให้กับผู้แสวงบุญทุกคน ทั้งคัดกรองความเสี่ยง ให้คำแนะนำการดูแลสุขภาพ รวมถึงฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้กาฬหลังแอ่น และโรคไข้หวัดใหญ่
นายคารม กล่าวว่า รัฐบาลให้ความสำคัญในการจัดระบบดูแลสุขภาพชาวไทยมุสลิมที่เดินทางไปประกอบพิธีฮัจย์เป็นประจำทุกปี ซึ่งแต่ละปีมีชาวไทยมุสลิมได้รับโควตาประมาณ 13,000 คน โดยในปีนี้ดำเนินการภายใต้กรอบแนวคิด HEALTH FOR HAJJ โดยจัดทีมแพทย์ และบุคลากรทางการแพทย์ให้การดูแลสุขภาพ ประกอบด้วย แพทย์ 7 คน เภสัชกร 3 คน พยาบาล 15 คน เจ้าหน้าที่สาธารณสุข 2 คน รวม 27 คน แบ่งการเดินทางออกเป็น 2 ชุด โดยชุดแรกที่ออกเดินทางแล้วจำนวน 15 คน ปฏิบัติงานระหว่างวันที่ 28 เมษายน 2568 – 23 มิถุนายน 2568 ส่วนชุดที่ 2 ประกอบด้วย แพทย์ 3 คน เภสัชกร 2 คน พยาบาล 6 คน และเจ้าหน้าที่สาธารณสุข 1 คน รวม 12 คน ปฏิบัติงานระหว่างวันที่ 13 พฤษภาคม – 8 กรกฎาคม 2568 โดยทีมแพทย์พร้อมให้บริการ 2 แห่ง คือ นครเมกกะ และเมืองมะดีนะห์ นอกจากนี้ยังมีทีมปฏิบัติงานภาคสนามให้บริการดูแลสุขภาพ ติดตามเฝ้าระวังกลุ่มเสี่ยง ที่ทุ่งอาราฟะห์และมุสดาลีฟะห์ด้วย หลังจากผู้แสวงบุญเดินทางกลับถึงประเทศไทย หน่วยงานสาธารณสุขในพื้นที่จะติดตามเฝ้าระวังสุขภาพ โดยเฉพาะโรคติดเชื้อทางเดินหายใจตะวันออกกลาง (MERS-CoV) และโรคติดเชื้ออื่นๆ เป็นเวลา 14-30 วัน เพื่อให้มั่นใจว่าผู้แสวงบุญทุกคนจะมีความปลอดภัย
การดูแลส่งเสริมสุขภาพชาวไทยมุสลิมที่จะเดินทางไปแสวงบุญ นอกจากจะเป็นความร่วมมือกันในการรักษาความมั่นคงทางสุขภาพของประชาชนคนไทยทุกศาสนาแล้ว ยังเป็นการแสดงถึงการส่งเสริมความร่วมมือด้านการสาธารณสุขระหว่างไทยและซาอุดีอาระเบีย และช่วยกระชับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น ซึ่งปัจจุบันความร่วมมือทั้งด้านเศรษฐกิจ การค้าการลงทุน ความมั่นคงทางอาหาร พลังงาน การท่องเที่ยวและวัฒนธรรม ของทั้งสองประเทศกำลังขยายตัวไปด้วยดี
นายแพทย์ซุลกีฟลี ยูโซ๊ะ หัวหน้าสำนักงานแพทย์เพื่อกิจการฮัจย์แห่งประเทศไทย ได้นำทีมแพทย์ชุดที่ 1 ลงพื้นที่ปฏิบัติภารกิจเยี่ยมเยียนและติดตามอาการของฮุจญาจ (มุสลิมผู้แสวงบุญเพื่อประกอบกิจการฮัจย์) ชาวไทยที่มีโรคประจำตัว ณ โรงแรม Taibah ณ เมืองมาดีนะห์ ซึ่งนับเป็นการลงเยี่ยมครั้งแรก
หลังคณะฮุจญาจไทยเดินทางถึงประเทศซาอุดีอาระเบีย การปฏิบัติภารกิจในครั้งนี้ทีมแพทย์ได้เข้าดูแลฮุจญาจจำนวน 2 ราย ดังนี้
รายที่ 1 เป็นฮุจญาจที่มีภาวะโรคไตเรื้อรัง โดยทีมแพทย์ได้ทำการประเมินสุขภาพเบื้องต้น พบว่า สุขภาพโดยรวมยังอยู่ในเกณฑ์แข็งแรงดี อย่างไรก็ตาม ยังคงต้องเฝ้าระวังและติดตามอาการอย่างใกล้ชิด เพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นในระหว่างการประกอบพิธีฮัจย์
รายที่ 2 เป็นฮุจญาจที่มีอาการความดันโลหิตสูงและอ่อนแรง ซึ่งได้รับการดูแลจากทีมแพทย์มาแล้วก่อนหน้านี้ การเยี่ยมในครั้งนี้ ทีมแพทย์ได้ประเมินอาการเพิ่มเติม พบว่ามีแนวโน้มดีขึ้นเล็กน้อย พร้อมกันนี้ได้ประสานงานกับ แซะห์ (ผู้ที่นำผู้แสวงบุญไปประกอบพิธีฮัจญ์) และญาติผู้ดูแล เพื่อให้คำแนะนำด้านการปฏิบัติตัว การดูแลสุขภาพ และแนวทางการปฏิบัติศาสนกิจอย่างเหมาะสม พร้อมทั้งให้กำลังใจแก่ฮุจญาจเพื่อความปลอดภัยตลอดการเดินทาง
อย่างไรก็ตาม ทีมแพทย์จะเยี่ยมฮุจญาจอย่างต่อเนื่องด้วยความห่วงใย เพื่อให้ชาวไทยทุกคนได้รับการดูแลด้านสุขภาพอย่างใกล้ชิดตลอดระยะเวลาการประกอบศาสนกิจในครั้งนี้
สำหรับผู้ที่จะเดินทางไปประกอบพิธีฮัจย์ กระทรวงสาธารณสุข ได้เปิดให้บริการในการฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้กาฬหลังแอ่น และไข้หวัดใหญ่ก่อนเดินทาง พร้อมส่งทีมแพทย์ดูแลระหว่างประกอบพิธี และติดตามเฝ้าระวังสุขภาพหลังเดินทางกลับ ผู้แสวงบุญในจังหวัดต่าง ๆ สามารถติดต่อขอรับบริการได้ ณ สถานบริการกระทรวงสาธารณสุขในพื้นที่ ได้ตั้งแต่บัดนี้ – 31 พฤษภาคม 2568
ขณะที่กองโรคติดต่อทั่วไป กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข แนะนำสำหรับผู้แสวงบุญที่เดินทางไปประกอบพิธีฮัจย์ ประจำปี พ.ศ. 2568 (ฮ.ศ. 1446) ณ ราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบีย โดยมีคำแนะนำรับวัคซีน
2 ชนิด ประกอบด้วย
วัคซีนจำเป็น
– วัคซีนป้องกันโรคไข้กาฬหลังแอ่น
– วัคซีนป้องกันโรคโควิด 19
กลุ่มเสี่ยง : ผู้ที่มีอายุมากกว่า 65 ปี ผู้ที่กำลังตั้งครรภ์ โรคหัวใจเรื้อรัง โรคทางเดินหายใจ โรคไตวายเรื้อรัง โรคเลือดทางพันธุกรรม และภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่อง
วัคซีนแนะนำ
– วัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่
– วัคซีนป้องกันโรคโควิด 19
สำหรับบุคคลทั่วไป เพื่อป้องกันความเสี่ยงต่อการเกิดโรค
ผู้ที่ไม่มีประวัติรับวัคซีนป้องกันโรคโควิด 19 แนะนำให้เข้ารับวัคซีนป้องกันโรคโควิด 19 ก่อนการเดินทาง จำนวน 1 โดส ในสถานพยาบาลใกล้บ้านที่มีวัคซีนโควิด 19 และขอรับเอกสารรับรองการฉีดวัคซีนโควิด 19 ฉบับภาษาอังกฤษ
สำหรับผู้ที่เคยได้รับวัคซีนโควิด 19 ขอรับหนังสือรับรองการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรค สำหรับการเดินทางระหว่างประเทศ กรณีวัคซีนโควิด 19 แบบอิเล็กทรอนิกส์ ผ่านแอปพลิเคชันหมอพร้อม ที่เมนู “INTERNATIONAL CERTIFICATE”