นายกรัฐมนตรี สั่งการให้ทุกหน่วยงานเตรียมรับมือเศรษฐกิจไทย หลังธนาคารโลก ประเมินตกต่ำทั่วโลก

นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรีวันนี้ นายกรัฐมนตรีมีข้อสั่งการ ผลกระทบจากสถานการณ์เศรษฐกิจโลกที่ผันผวน ซึ่งมีสาเหตุสำคัญจากสงครามการค้าและการประกาศนโยบายขึ้นภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ ทำให้ประเทศต่างๆ ไม่สามารถปรับตัวได้ทัน ส่งผลให้ World bank และสถาบันต่างๆ คาดการณ์ว่าการเติบโตทางเศรษฐกิจของโลกจะตกต่ำลง ส่วนประเทศไทย ก็จะได้รับผลกระทบดังกล่าวไปด้วย คาดว่าจะต่ำกว่าที่ได้เคยคาดการณ์ไว้ ทั้งนี้ รายได้ของประชาชนในภาพรวมจะลดลง โดยเฉพาะภาคการส่งออกของไทยที่ยังจำเป็นต้องพึ่งพาตลาดต่างประเทศ ซึ่งจะส่งผลในการจัดเก็บภาษีอันเป็นรายได้ของประเทศ ซึ่งประเทศไทยก็คงจะเก็บได้ต่ำกว่าเป้าอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ซึ่งแผนการดำเนินการโครงการ  ต่างๆ ของรัฐบาล โดยเฉพาะที่ต้องอาศัยงบประมาณก็จำเป็นที่จะต้องได้รับการทบทวน ให้เกิดประสิทธิภาพ ประสิทธิผลและสอดคล้องกับรายได้ของประเทศที่ลดลง

ทั้งนี้ ประเทศไทยมีความจำเป็น ต้องถือโอกาสนี้เร่งปรับเปลี่ยนโครงสร้างเศรษฐกิจ โดยให้ความสำคัญกับการสร้างการเติบโตของเศรษฐกิจในประเทศ (Domestic Economy) ให้มากขึ้น เพื่อให้มีภูมิคุ้มกันต่อความผันผวนของเศรษฐกิจโลก รวมไปถึงมาตรการดูแลประชาชนและการช่วยเหลือ ภาคธุรกิจ /ผู้ประกอบการ SMEs ที่ได้รับผลกระทบอีกด้วย พร้อมมอบหมายให้นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง รับเรื่องนี้ไปหารือในคณะกรรมการกระตุ้นเศรษฐกิจและนำมาเสนอต่อ ครม. โดยเร็ว และขอเน้นย้ำกับคณะรัฐมนตรีทุกคนว่า ท่ามกลางวิกฤตย่อมมีโอกาสและขอให้พี่น้องประชาชนและพวกเราทุกคนมีกำลังใจที่จะร่วมกันฟันฝ่าวิกฤตการณ์ครั้งนี้ไปด้วยกัน โดยอาศัยความสามัคคีของทุกคนในประเทศ โดยมีคณะรัฐมนตรีและข้าราชการทุกท่านเป็นแกนนำร่วมกันระดมความร่วมมือ ร่วมแรง ร่วมใจ จากทุกฝ่าย ทุกภาคส่วน ทั้งในภาครัฐภาคเอกชน และประชาชน เพื่อช่วยกันฟันฝ่าและนำพาประเทศให้ผ่านพ้นวิกฤตนี้ไปให้ได้

นายกรัฐมนตรี สั่งการสถานการณ์การก่อความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ว่า ซึ่งแต่เดิมที่มีแนวโน้มที่กำลังคลี่คลายไปในทิศทางที่ดีขึ้น แต่ในช่วงหลังกลับมีการก่อเหตุร้ายรุนแรงและบ่อยขึ้น จึงขอมอบหมายให้นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ร่วมกับทหารทุกเหล่าทัพ  ตำรวจ และหน่วยงานความมั่นคง เร่งดำเนินการหามาตรการป้องกันเพิ่มเติมและแก้ไขปัญหานี้โดยด่วน และขอสั่งการให้นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย สั่งการให้ผู้ว่าราชการจังหวัดในพื้นที่ เร่งร่วมมือกับทุกภาคส่วนอย่างจริงจังในการแก้ปัญหา โดยเฉพาะการดูแลทุกข์สุขและสร้างขวัญกำลังใจให้กับประชาชนในพื้นที่

นายกรัฐมนตรี ยังมีข้อสั่งการต่อคณะรัฐมนตรีอีกว่า ตามที่ได้เคยแจ้งกับทางคณะรัฐมนตรีทุกท่านว่า การนำเสนอวาระต่อ ครม.ของแต่ละกระทรวง ขอความร่วมมือให้มีการสอบถามความเห็นจากทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ครบถ้วนตามกฎหมาย  ก่อนที่จะนำเสนอต่อ ครม. ภายในระยะเวลาที่เหมาะสม ซึ่งพบว่า ในช่วง 15 วันที่ผ่านมา  มีวาระจรเข้ามามากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งวาระที่เกี่ยวข้องกับงบประมาณ จึงขอเน้นย้ำกับ ครม. ทุกท่าน ให้วางแผนเรื่องเวลาในการส่งเรื่องมา เพื่อจะได้นำเข้าในวาระปกติ ไม่จำเป็นต้องเข้ามาเป็นวาระจรโดยไม่จำเป็น เพราะจะเกิดความไม่รอบคอบและขาดการรับฟังความคิดเห็นที่ครบถ้วนจากทุกหน่วยงาน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง