นางสาวศศิกานต์ วัฒนะจันทร์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รายงานข้อมูลการใช้สิทธิประโยชน์ทางการค้าภายใต้ความตกลงการค้าเสรี (FTA) ในช่วงเดือนมกราคม – กุมภาพันธ์ ปี 2568 มีมูลค่าการใช้สิทธิฯ รวมทั้งสิ้น 15,086.20 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือคิดเป็น 81.36% ของมูลค่าสินค้าส่งออกที่ได้รับสิทธิฯ ซึ่งเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้าถึง 24.11%
ทั้งนี้ ประเทศไทยมีการส่งออกภายใต้ความตกลงการค้าสินค้าของอาเซียน (ATIGA) สูงสุดเป็นอันดับหนึ่ง มูลค่า 5,303.67 ล้านดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็นสัดส่วนการใช้สิทธิฯ 68.50% อันดับสอง ความตกลงอาเซียน – จีน (ACFTA) มูลค่า 3,163.48 ล้านดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็นสัดส่วนการใช้สิทธิฯ 90.66% อันดับสาม ความตกลงอาเซียน – อินเดีย (AIFTA) มูลค่า 3,206.08 ล้านดอลลาร์สหรัฐ สัดส่วนการใช้สิทธิฯ อยู่ที่ 89.97% อันดับสี่ ความตกลงหุ้นส่วนเศรษฐกิจไทย – ญี่ปุ่น (JTEPA) มูลค่า 1,027.36 ล้านดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็น 75.93% และอันดับห้า การค้าเสรีไทย – ออสเตรเลีย (TAFTA) มูลค่า 894.95 ล้านดอลลาร์สหรัฐ สัดส่วนการใช้สิทธิฯ อยู่ที่ 58.16%
ภาพรวมของสินค้า 5 อันดับแรกที่มีการใช้สิทธิฯ FTA ส่งออกมากที่สุด ได้แก่ 1. แพลทินัมยังไม่ได้ขึ้นรูป (อันรอต) กึ่งสำเร็จรูปหรือเป็นผง มูลค่า 1,513.63 ล้านดอลลาร์สหรัฐ 2. ยานยนต์สำหรับขนส่งของอื่นๆ (เครื่องยนต์ดีเซลหรือกึ่งดีเซล) น้ำหนักรวมไม่เกิน 5 ตัน มูลค่า 999.73 ล้านดอลลาร์สหรัฐ 3.แพลทินัมยังไม่ได้ขึ้นรูป (อันรอต) กึ่งสำเร็จรูปหรือเป็นผงอื่นๆ มูลค่า 697.10 ล้านดอลลาร์สหรัฐ 4. ยางสังเคราะห์ผสมยางธรรมชาติ มูลค่า 602.57 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และ 5. น้ำตาลที่ได้จากอ้อยอื่นๆ มูลค่า 372.23 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ภาครัฐยังเดินหน้าเจรจาความตกลง FTA ฉบับใหม่กับประเทศคู่ค้าใหม่ๆ อาทิ ไทย – ศรีลังกา ไทย – สมาคมการค้าเสรียุโรป (เอฟต้า) ไทย – ภูฏาน เป็นต้น เพื่อขยายตลาดการส่งออกใหม่ๆ และลดการพึ่งพาตลาดสหรัฐฯ การใช้สิทธิภายใต้ความตกลงการค้าเสรี (FTA) ไม่เพียงช่วยผลักดันการส่งออกของไทยให้เติบโตอย่างมีนัยสำคัญ แต่ยังเป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยลดต้นทุน เพิ่มความสามารถในการแข่งขัน และขยายโอกาสทางการค้าในระยะยาว โดยเฉพาะในตลาดที่มีศักยภาพสูงอย่างอินเดีย ซึ่งไทยกำลังเร่งเจรจาขยายความตกลงให้ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น เพื่อสร้างแต้มต่อให้ผู้ประกอบการไทยก้าวสู่เวทีโลกอย่างมั่นคงและยั่งยืน