ยอมรับแนวคิดปราบยาเสพติด ตำรวจและฝ่ายปกครอง ต้องร่วมมือกัน

พลตํารวจเอก กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวถึงกรณีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ปาฐกถาพิเศษที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด หรือ ป.ป.ส. วานนี้ ว่า ประเด็นที่สำคัญคือ มุ่งเน้นไปในการปราบปรามยาเสพติด โดยตำรวจ และกระทรวงมหาดไทย ต้องจับคู่ทำงานกันอย่างเหนียวแน่น เน้นปราบปรามไปที่ชุมชน ซึ่งในสมัยตอนที่ตนเองดำรงตำแหน่งรักษาการผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เมื่อเดือนเมษายน – พฤษภาคม 2567 กำหนดแนวคิดให้กับผู้ปฏิบัติงานในพื้นที่และกองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติดว่า ในพื้นที่ตำบล หรือหมู่บ้าน ต้องไม่มีผู้ค้ายาเสพติดแม้แต่รายเดียว ดังนั้นจะต้องตรวจสอบอย่างละเอียด จึงนำมาสู่การทำข้อมูลและระดมเป้าหมายกวาดล้าง ตั้งแต่พฤษภาคม 2567 จนถึงปัจจุบัน ซึ่งปราบปรามไปแล้ว 5-6 ครั้ง และจับกุมผู้ต้องหาได้เป็นจำนวนมาก ซึ่งได้ทำงานมาอย่างต่อเนื่องและแนวคิดที่เจ้าหน้าที่ตำรวจทำอยู่ก็ตรงกับที่นายทักษิณปาฐกถา

นอกจากนี้ การปฏิบัติการของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้ทำงานร่วมกับ ป.ป.ส. และฝ่ายปกครอง ถือแนวคิดที่ว่า ยาเสพติดตามชุมชนและหมู่บ้าน ทุกอย่างต้องสะอาด ดังนั้นจะทุ่มเททุกสรรพกำลังไปที่ชุมชน

ขณะที่นโยบายการปราบยาเสพติดคือ การต้องปราบปรามการลักลอบขนยาตามแนวชายแดน ซึ่งจะไปสอดคล้องกับนโยบายของนายกรัฐมนตรีที่ให้ Seal Stop Safe (ซีลชายแดน) ที่จะต้องสกัดทั้งทางบก น้ำ อากาศ และพัสดุ รวมไปถึงจะต้องจัดตั้งด่านตรวจโดยมีอุปกรณ์ตรวจสอบที่มีประสิทธิภาพและต้องรู้ว่าที่พักยาเสพติดอยู่บริเวณใดบ้าง ซึ่งปัจจุบันมีข้อมูลแล้ว ที่เฝ้าระวัง จับตาดูและสืบสวนเพิ่มเติม เพื่อขยายผลการจับกุม หากหลุดจากที่พักยาก็จะกระจายไปสู่ชุมชนที่มีผู้เสพคือ ดีมาน ผู้ค้า คือ ซัพพลายรายย่อย หากตัดเส้นเรื่องนี้ได้ จะส่งผลกับการขนส่งยาเสพติด โดยนายกรัฐมนตรี ได้กำหนดเรื่องนี้เป็นวาระแห่งชาติ

พลตํารวจเอก กิตติ์รัฐ ยังกล่าวอีกว่า ตำรวจและฝ่ายปกครอง ควรร่วมมือกันและจับมือกัน เช่น ผู้ว่าราชการจังหวัดกับผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัด นายอำเภอกับผู้กำกับการสถานีตำรวจ ต้องทำงานร่วมกัน แล้วต้องลงพื้นที่ดูแลประชาชนในทุกเรื่อง ไม่ใช่เฉพาะยาเสพติด

ข่าวที่เกี่ยวข้อง