นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมติดตามสถานการณ์การท่องเที่ยวไทย ครั้งที่ 2/2568 โดยมีนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นายสรวงศ์ เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข นางสาวนัทรียา ทวีวงศ์ ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา นายชยธรรม์ พรหมศร ปลัดกระทรวงคมนาคม พลตำรวจเอก กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ หัวหน้าส่วนราชการระดับกระทรวงหรือเทียบเท่า และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม
นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี มีข้อสั่งการและติดตามความคืบหน้าของการท่องเที่ยว ในช่วงไตรมาสแรกและครึ่งปีหลัง นับจากนี้ เนื่องจากการท่องเที่ยวเป็นกลไกหลักสำคัญของประเทศที่สามารถสร้างรายได้ และขับเคลื่อนเศรษฐกิจ โดยที่ผ่านมา รัฐบาลได้จัดสรรงบประมาณภายใต้แผนการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ กรอบวงเงิน 157,000 ล้านบาท โดยมีเป้าหมายเพื่อสนับสนุนภาคการท่องเที่ยวและห่วงโซ่ที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวของไทยในทุกมิติ
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า วันนี้เป็นการท้าทายของภาคการท่องเที่ยวแม้จำนวนนักท่องเที่ยวจะลดลงเล็กน้อย แต่กลับพบว่ามูลค่าจำนวนเม็ดเงินเข้าประเทศกลับเพิ่มสูงขึ้น เป็นผลมาจากนักท่องเที่ยวกลุ่ม “ไฮเอนด์” ที่เดินทางมาไกล ทั้งจากทวีปยุโรปและทวีปอเมริกามีจำนวนพุ่งสูงขึ้น และกระทรวงการท่องเที่ยวฯ ได้รายงานพบว่าการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของนักท่องเที่ยวที่มาประเทศไทย ชื่นชอบการท่องเที่ยวที่มีระดับมากขึ้น
ทั้งนี้ เพื่อเตรียมการกับการต้อนรับนักท่องเที่ยวรูปแบบใหม่นี้ ทุกส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจ จะต้องนำปัญหาและอื่นๆ มาปรับปรุงแก้ไข และสร้างให้กลายมาเป็นความแข็งแกร่งให้กับภาคการท่องเที่ยวและบริการต่างๆ ของไทย โดยรัฐบาลจะเร่งผลักดันมาตรการเพื่อป้องกันปัญหาและกระตุ้นภาคการท่องเที่ยว อำนวยความสะดวกในทุกมิติของนักท่องเที่ยวไทยและชาวต่างประเทศให้ครอบคลุมทั้ง 5 ด้านได้แก่
1) ให้ทุกกระทรวงที่เกี่ยวข้อง เพิ่มการส่งเสริมการประชาสัมพันธ์และการสร้างภาพลักษณ์ของประเทศไทยในทุกรูปแบบให้เป็นที่รู้จักและดึงดูดนักท่องเที่ยวมากขึ้น ให้ยกระดับการจัดทำโครงการประชาสัมพันธ์ให้สามารถกระตุ้นภาคการท่องเที่ยวไทยได้จริง มีตัววัดผลที่ชัดเจน รวมถึง ตรวจสอบและให้ข้อมูลที่ถูกต้องเกี่ยวกับภาพลักษณ์ของประเทศในกรณีที่มีการบิดเบือนข่าวสารที่ไม่เป็นความจริง ในทุกช่องทางบนสื่อกระแสหลักและในโซเชียลมีเดีย
2) ให้ทุกกระทรวง และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ยกระดับความปลอดภัยของนักท่องเที่ยวในทุกมิติ ทั้งเรื่องสิ่งอำนวยความสะดวก ความสะอาด ความน่าสนใจของจุดท่องเที่ยว และความปลอดภัยในทุกๆ ด้าน อาทิ การติดตั้งกล้องวงจรปิด ระบบเอไอในพื้นที่ท่องเที่ยว กวดขันการปฏิบัติงานของตำรวจท่องเที่ยวและตำรวจท้องที่และให้วางมาตรการอำนวยความสะดวก รักษาความปลอดภัยอย่างเข้มข้น ตลอดจนเร่งปราบปรามผู้ใช้อิทธิพลที่ผูกขาดการบริการที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวให้เห็นผลเป็นรูปธรรมชัดเจน
3) ให้แก้ไขปัญหาการอำนวยความสะดวกให้นักท่องเที่ยว ตั้งแต่การบริการตรวจคนเข้าเมืองให้มีความรวดเร็ว จัดระเบียบการใช้บริการขนส่งสาธารณะในพื้นที่สนามบินไม่ให้เกิดการหลอกลวงนักท่องเที่ยว ค่าใช้บริการขนส่งต้องเป็นไปตามกฎหมายและจัดสร้างพื้นที่สูบบุหรี่ระหว่างการ Transit ให้ชัดเจน ให้เป็นไปตามหลักสากลของสนามบินทั่วโลก ตลอดจน เน้นย้ำให้มีการตั้งคณะทำงานเฉพาะกิจเพื่อสำรวจและแก้ไขปัญหาการท่องเที่ยวในพื้นที่โดยด่วนและแก้ไขปัญหาให้เป็นรูปธรรม
4) ให้เร่งพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเพื่อสนับสนุนการท่องเที่ยวโดยเฉพาะการบังคับใช้มาตรการกำหนดเพดานค่าโดยสารสำหรับสายการบินราคาประหยัดอย่างมีประสิทธิภาพ และเร่งแก้ปัญหาการจัดสร้างโครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคมแบบ Mass Transit รวมถึง เร่งเตรียมเชื่อมโยง 3 สนามบิน (กระบี่ พังงา ภูเก็ต)
5) ให้เร่งสร้างกิจกรรมเพื่อการส่งเสริมการท่องเที่ยวในปัจจุบันและอนาคต เพื่อให้ประเทศไทยเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีกิจกรรมน่าสนใจ ดึงดูดนักท่องเที่ยวได้ตลอดทั้งปี รวมถึง วางรากฐานการพัฒนาข้อมูลและงานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับพฤติกรรมนักท่องเที่ยว เพื่อใช้เป็นแหล่งข้อมูลในการวางแผนการให้บริการที่สอดคล้องกับความต้องการนักท่องเที่ยว
นายจิรายุ กล่าวว่า 5 มาตรการนี้จะต้องถูกผลักดันเป็นวาระแห่งชาติ และสั่งการให้ทุกหน่วยงานต้องดำเนินการอย่างเข้มงวดโดยเฉพาะการบังคับใช้กฎหมาย โดยมีเป้าหมายเพื่อให้นักท่องเที่ยวและประชาชนมีความปลอดภัยประเทศไทยน่าเที่ยวและให้มีกรอบระยะเวลาในการดำเนินการทุกเรื่องอย่างชัดเจน และนำกลับมารายงานผลความคืบหน้าการแก้ไขปัญหาเป็นระยะให้นายกรัฐมนตรีทราบ โดยมีเป้าหมายสำคัญที่จะกระตุ้นการท่องเที่ยวของไทย เพื่อช่วยเหลือและเดินหน้าเคียงข้างผู้ประกอบการและประชาชน และเพื่อให้ภาคการท่องเที่ยวของไทยเติบโตและเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญของเศรษฐกิจไทยต่อไป
นายสรวงศ์ เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยภายหลังร่วมประชุมติดตามสถานการณ์การท่องเที่ยวไทย ครั้งที่ 2/2568 ที่มีนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุม ว่าได้รายงานความคืบหน้าของทุกกระทรวงและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยว ที่ต้องทำงานบูรณาการร่วมกัน ขณะนี้เข้าสู่ช่วงโลซีซัน นายกรัฐมนตรีได้มอบนโยบายในหลายด้าน ทั้งการทำให้นักท่องเที่ยวมีความสะดวกสบาย ความปลอดภัย และมีงบที่จะใช้ในการกระตุ้นเศรษฐกิจ 157,000 ล้านบาทมาช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้นักท่องเที่ยว พร้อมรายงานตัวเลขนักท่องเที่ยว แม้ว่าจะมีจำนวนลดลง แต่รายได้เข้าประเทศยังสูงขึ้น ประกอบกับนักท่องเที่ยวที่มาจากทางไกลในตลาดยุโรป ตลาดอเมริกาเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด นอกจากนี้ ยังได้ติดตามงานของเมืองหลักและเมืองรองของงบกระตุ้นเศรษฐกิจที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาได้ขอไป ทั้งโครงการเที่ยวไทยคนละครึ่ง หรือการนำตลาดจีนกลับมาพร้อมกับตลาดที่มีคุณภาพมากขึ้น ย้ำถึงโครงการเที่ยวคนละครึ่ง จะนำเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีในเร็วๆ นี้ และการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยได้ทำแพลตฟอร์มที่จะให้ผู้ประกอบการและคนไทยที่สนใจได้ลงทะเบียนควบคู่กันไป คาดว่าจะใช้ได้ในวันที่ 1 กรกฎาคมนี้