นายกฯ ร่วมเดินพาเหรด “Bangkok Pride Parade 2025” เดินหน้าสนับสนุนเสรีภาพและความเป็นตัวของตัวเอง

นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ร่วมขบวน “บางกอกไพรด์ เฟสติวัล 2025” (Bangkok Pride Festival 2025) ภายใต้ธีม “Born This Way” เฉลิมฉลองความเท่าเทียมและการยอมรับอัตลักษณ์ทางเพศอย่างเต็มรูปแบบ ณ สนามกีฬาแห่งชาติ (สนามศุภชลาศัย) ถนนพระราม 1 เขตปทุมวัน  กรุงเทพมหานคร โดยมีนางสาวจิราพร สินธุไพร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายสรวงศ์ เทียนทอง   รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา นางสาวธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย คณะทำงานบางกอกไพรด์ พร้อมผู้แทนหน่วยงานราชการ องค์กรภาคเอกชน ภาคประชาสังคม ผู้สนับสนุนความหลากหลายทางเพศ เครือข่ายพันธมิตรสีรุ้ง สื่อมวลชน ตลอดจน เหล่าศิลปินดารา นักแสดงที่มีชื่อเสียงของประเทศไทยกว่า 300,000 คน เข้าร่วมขบวน “Bangkok Pride Festival 2025” ครั้งนี้ด้วย

นายกรัฐมนตรี ได้ร่วมขบวน “บางกอกไพรด์ เฟสติวัล 2025”  โดยได้กล่าวทักทายชาว LGBTQIAN+ อย่างเป็นกันเองว่า เดือนมิถุนายนเป็นเดือนแห่งการเฉลิมฉลองสิทธิเสรีภาพของความเสมอภาคเท่าเทียม และสิทธิเสรีภาพในการที่จะมีโอกาสได้เลือก ซึ่งจะมีการเฉลิมฉลองครั้งใหญ่ตลอดทั้งเดือน และวันนี้ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีในการที่ทุกคนมารวมตัวกัน

สำหรับภายในงาน มีขบวนพาเหรด 7 ขบวน รวมทั้งเวทีเสวนา Bangkok Pride Forum 2025 งานฟอรั่ม LGBTQIAN+  ซึ่งเปิดพื้นที่เสวนาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและข้อเสนอแนะ หัวข้อเกี่ยวกับสุขภาวะ LGBTQIAN+ เศรษฐกิจสีรุ้ง เทคโนโลยี สิ่งแวดล้อม สิทธิมนุษยชน การศึกษา และวัฒนธรรม จากภาคประชาสังคม ภาครัฐ และภาคเอกชน บนเวทีใหญ่ใจกลางสยาม

พร้อมกันนี้ นายกรัฐมนตรีมอบ “ธงไพรด์ประจำจังหวัด” สัญลักษณ์การเปิดเทศกาลเฉลิมฉลองเดือนไพรด์ให้กับเครือข่าย Pride City Network ในจังหวัดต่างๆ ทั่วประเทศ เพื่อปักหมุดไพรด์เฟสติวัลทั่วประเทศ

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รู้สึกยินดีที่ได้ร่วมเดินในขบวน “Bangkok Pride Parade” ปีนี้จัดเป็นปีที่ 3 ซึ่งแต่ละปีก็มีสีสันแตกต่างไป ทุกคนมารวมกันที่นี่ในวันนี้ เพื่อยืนยันเสียงเดียวกันว่าทุกคนเกิดมาเพื่อเป็นตัว
ของตัวเอง – Born This Way ทุกคนสมควรได้รับการยอมรับในสิทธิ เสรีภาพ และตัวตนอย่างเท่าเทียมกัน

นายกรัฐมนตรี กล่าวย้ำว่า ปีนี้ถือเป็นก้าวสำคัญของประเทศไทยและน่าภูมิใจมากๆ ที่กฎหมายสมรสเท่าเทียมเริ่มบังคับใช้ ทำให้ไทยเป็นประเทศแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่กฎหมายยอมรับความรักทุกรูปแบบและเห็นคุณค่าของทุกครอบครัว สมรสเท่าเทียมเป็นประตูบานแรก สู่การสร้างความเท่าเทียมในมิติอื่นๆ รัฐบาลเดินหน้าตั้งเป้าหมายผลักดันร่างกฎหมายอื่นๆ เพื่อคุ้มครองสิทธิ ไม่ว่าจะเป็นใคร จะมาจากไหน ทุกคนมีสิทธิ
เท่าเทียมกัน ทุกเพศในสังคมไทย และที่สำคัญต้องเป็นคนดีเป็นคนไทยที่มีกฎหมายคุ้มครอง

จากนั้น นายกรัฐมนตรีได้เข้าร่วมขบวน “บางกอกไพรด์ เฟสติวัล 2025” ซึ่งแบ่งออกเป็น 7 ขบวน 7 สี 7 คอนเซปต์ ภายใต้นิยามของการเป็นตัวเอง ได้แก่ 

1. Born Again – เฉลิมฉลองการเกิดใหม่ของตัวตน

2. Born to Be Loved (สีแดง) – แสดงพลังความรักและสิทธิสมรสเท่าเทียม

3. Born to Be Me (สีม่วง) – สะท้อนพลังการรักและเป็นตัวของตัวเอง

4. Born to Be Part of One (สีเขียว) – เชื่อมโยงตัวตนกับสังคมและสิ่งแวดล้อม

5. Born to Create & Inspire (สีเหลือง) – ยกย่องพลังศิลปะและวัฒนธรรมของชุมชน LGBTQIAN+

6. Born to Heal Generations (สีฟ้า) – เน้นการเข้าถึงบริการสุขภาพอย่างเท่าเทียม

7. Born to Be Together (สีชมพู) – สะท้อนความร่วมมือจากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยเพื่อสังคม
ที่เท่าเทียม

โดยการเดินขบวนโบกธงสีรุ้งยาวที่สุดในประเทศไทย กว่า 200 เมตร จากถนนพระราม 1 ตั้งแต่บริเวณสนามกีฬาแห่งชาติ (สนามศุภชลาศัย) ยาวไปจนถึงแยกราชประสงค์ บริเวณลานหน้าศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์
รวมระยะทางกว่า 3 กิโลเมตร สำหรับบรรยากาศภายในงาน เป็นไปด้วยสีสัน ความสนุกสนาน รอยยิ้มแห่งความสุขของทุกคนและรอยยิ้มแห่งความประทับใจของนักท่องเที่ยว

ทั้งนี้ ความสำเร็จในการจัดงานครั้งนี้ จะแสดงให้เห็นถึงศักยภาพในการเป็นผู้จัดงาน เพื่อเตรียมความพร้อมสู่การจัดงาน “Bangkok World Pride 2030” ที่ประเทศไทยจะเป็นเจ้าภาพจัดขึ้น เพื่อให้ประเทศไทยเป็นจุดหมายปลายทางของชาว LGBTQIAN+ จากทั่วโลกและยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้มีความหลากหลายทางเพศ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง