นายเฉลิมชัย ศรีอ่อนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้สั่งการเร่งด่วนให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการกู้เรือบรรทุกสินค้าสัญชาติเมียนมา “MV.AYAR LINN” ที่ประสบเหตุเกยตื้นบนแนวปะการังบริเวณอ่าวจาก อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสุรินทร์ จังหวัดพังงา เมื่อวานนี้ (2 มิ.ย.68) เวลา 09.00 น. โดยเน้นย้ำให้แผนการกู้เรือส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศปะการังน้อยที่สุด พร้อมให้ดำเนินคดีทางกฎหมายอย่างถึงที่สุดทั้งทางอาญาและทางแพ่ง เพื่อเรียกร้องค่าเสียหายทั้งหมดที่เกิดขึ้นกับทรัพยากรธรรมชาติ ซึ่งเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสุรินทร์ เจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการดำน้ำและเจ้าหน้าที่ชุดสายตรวจได้เข้าดำเนินการสำรวจความเสียหาย พบแนวปะการังถูกชนและได้รับความเสียหายเป็นระยะทางประมาณ 75 เมตร ตั้งแต่จุดแรกที่เกิดการชนไปจนถึงจุดที่เรือเกยตื้นสนิท ความเสียหายส่วนใหญ่เกิดกับปะการังลักษณะก้อนสูงที่ไม่พ้นท้องเรือ โดยเฉพาะบริเวณที่เรือเกยตื้นและทับอยู่บนแนวปะการังในช่วงระยะ 45 – 75 เมตร ทำให้ปะการังใต้ท้องเรือแตกหักและถูกทับเกือบทั้งหมด คาดการณ์พื้นที่ปะการังที่ได้รับความเสียหายเบื้องต้นประมาณ 150 ตารางเมตร สำหรับชนิดปะการังที่ได้รับผลกระทบหลัก คือ ปะการังสีน้ำเงิน เสียหายมากที่สุดประมาณร้อยละ 80 ของปะการังที่ถูกชน ปะการังเขากวาง เสียหายประมาณร้อยละ 15 ปะการังโขด เสียหายประมาณร้อยละ 5 ปะการังสมองร่องสั้น แตกหัก 4 โคโลนี ปะการังดอกกะหล่ำ แตกหัก 3 โคโลนี และปะการังดาวเหลี่ยม แตกหัก 1 โคโลนี ซึ่งนอกจากความเสียหายโดยตรงต่อแนวปะการังแล้ว ยังพบข้อกังวลเกี่ยวกับปัญหาขยะทะเล เนื่องจากเรือดังกล่าวเป็นเรือขนส่งสินค้า จึงมีขยะจำพวกกระดาษลัง เศษผ้า ยางรถบรรทุก สายยางและขยะอื่นๆ จำนวนหนึ่งตกค้างและติดอยู่บนแนวปะการัง
ด้านนายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ได้สั่งการด่วนให้อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสุรินทร์ อยู่ในสังกัดสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 5 (นครศรีธรรมราช) ประสานงานกับหน่วยงานภาคีเครือข่ายอย่างใกล้ชิด ประกอบด้วย กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (ทช.) , ศูนย์วิจัยทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งทะเลอันดามันตอนบน (ศวภ.) ภูเก็ต , สำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขาพังงา , หน่วยรักษาความปลอดภัยทางทะเล กองทัพเรือ พื้นที่หมู่เกาะสุรินทร์ , สถานีตำรวจภูธรคุระบุรี และศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลจังหวัดพังงา (ศรชล.พังงา) ร่วมกันลงพื้นที่สำรวจประเมินสถานการณ์อย่างละเอียดและกำหนดแนวทางการแก้ปัญหาที่เหมาะสมรวดเร็ว รวมถึง รวบรวมพยานหลักฐานเพื่อดำเนินการตามกระบวนการทางกฎหมายทั้งทางอาญาและแพ่งกับผู้รับผิดชอบอย่างเคร่งครัดต่อไป