ครม. ไฟเขียวหลักการร่าง พ.ร.ฎ. หลักเกณฑ์-อัตราจ่ายเงินสมทบ รับประโยชน์ทดแทนใหม่ ผู้ประกันตน ม.40

คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการ ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดหลักเกณฑ์และอัตราการจ่ายเงินสมทบ ประเภทของประโยชน์ทดแทนตลอดจนหลักเกณฑ์และเงื่อนไขแห่งสิทธิในการรับประโยชน์ทดแทนของบุคคล ซึ่งสมัครเป็นผู้ประกันตน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. …. ตามที่ กระทรวงแรงงาน เสนอ

สาระสำคัญของเรื่อง

1. ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดหลักเกณฑ์และอัตราการจ่ายเงินสมทบ ประเภทของประโยชน์ทดแทนตลอดจนหลักเกณฑ์และเงื่อนไขแห่งสิทธิในการรับประโยชน์ทดแทนของบุคคล ซึ่งสมัครเป็นผู้ประกันตน (ฉบับที่…) พ.ศ. ….  เป็นการแก้ไขเพิ่มเติมพระราชกฤษฎีกากำหนดหลักเกณฑ์และอัตราการจ่ายเงินสมทบ ประเภทของประโยชน์ทดแทน ตลอดจนหลักเกณฑ์และเงื่อนไขแห่งสิทธิในการรับประโยชน์ทดแทนของบุคคล ซึ่งสมัครเป็นผู้ประกันตน พ.ศ. 2561 ให้สอดคล้องกับสภาพเศรษฐกิจและสังคม ดังนี้
1.1 แก้ไขหลักเกณฑ์การได้รับประโยชน์ทดแทนของผู้ประกันตน ทางเลือกที่ 1 ทางเลือกที่ 2 และทางเลือกที่ 3 ในกรณีประสบอันตรายหรือเจ็บป่วยเป็นเงินทดแทนการขาดรายได้ โดยลดระยะเวลาให้น้อยลง หากแพทย์มีความเห็นให้หยุดพัก เพื่อการรักษาพยาบาล ตั้งแต่ 1 วันขึ้นไป (200 บาท/วัน ไม่เกิน 30 วัน หรือ 90 วัน) ปรับเพิ่มอัตราการได้รับประโยชน์ทดแทนของผู้ประกันตน ทางเลือกที่ 1 และทางเลือกที่ 2 หากไม่ได้พักรักษาพยาบาลในสถานพยาบาลและไม่มีความเห็นของแพทย์ให้หยุดพักเพื่อการรักษา พยาบาล โดยมีใบรับรองแพทย์มาแสดงต่อสำนักงานประกันสังคม (จาก ครั้งละ 50 บาท ปีละไม่เกิน 3 ครั้ง เป็นครั้งละ 200 บาท ปีละไม่เกิน 3 ครั้ง) และปรับเพิ่มอัตราการได้รับประโยชน์ทดแทนของผู้ประกันตน ทางเลือกที่ 3 หากไม่ได้พักรักษาพยาบาลในสถานพยาบาล และไม่มีความเห็นของแพทย์ให้หยุดพักเพื่อการรักษาพยาบาล โดยมีใบรับรองแพทย์มาแสดงต่อสำนักงานประกันสังคม (จาก ไม่ได้กำหนดไว้ เป็นครั้งละ 200 บาท ปีละไม่เกิน 3 ครั้ง)

1.2 กำหนดให้ผู้ประกันตน ทางเลือกที่ 1 ทางเลือกที่ 2 และทางเลือกที่ 3 ที่เจ็บป่วยด้วยโรคติดต่ออันตราย ตามกฎหมายว่าด้วยโรคติดต่อ รวมถึงโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) และเข้ารับการรักษาตามแนวทางของกระทรวงสาธารณสุขหรือตามมาตรการของรัฐ มีสิทธิได้รับประโยชน์ทดแทนในกรณีประสบอันตรายหรือเจ็บป่วย เป็นเงินทดแทนการขาดรายได้ (จาก ไม่ได้กำหนดไว้ เป็น 200 บาท/วัน 
ไม่เกิน 30 วัน หรือ 90 วัน)

1.3 แก้ไขหลักเกณฑ์การได้รับประโยชน์ทดแทนของผู้ประกันตน ทางเลือกที่ 1 และทางเลือกที่ 2 ในกรณีทุพพลภาพ เป็นเงินทดแทนการขาดรายได้ต่อเดือนตลอดชีวิต (เดิม 15 ปี) และปรับเพิ่มอัตราการได้รับประโยชน์ทดแทนในแต่ละเดือน (จาก 500 – 1,000 บาท/เดือน เป็น 1,000 – 2,000 บาท/เดือน) และปรับเพิ่มอัตราการได้รับประโยชน์ทดแทนในแต่ละเดือนของผู้ประกันตน ทางเลือกที่ 3 ในกรณีทุพพลภาพ (จาก 500 – 1,000 บาท/เดือน เป็น 1,500 – 3,000 บาท/เดือน)

1.4 แก้ไขระยะเวลา และอัตราการได้รับประโยชน์ทดแทนของผู้ประกันตน ทางเลือกที่ 3 ในกรณีสงเคราะห์บุตร โดยให้ผู้ประกันตนมีสิทธิได้รับเงินสงเคราะห์บุตรสำหรับบุตรซึ่งมีอายุไม่เกิน 7 ปีบริบูรณ์ (เดิม ไม่เกิน 6 ปีบริบูรณ์) จำนวนคราวละไม่เกิน 2 คน ในอัตรา 300 บาทต่อเดือนต่อบุตร 1 คน (เดิม 200 บาท/เดือน)

1.5 แก้ไขหลักเกณฑ์การจ่ายประโยชน์ทดแทนในกรณีผู้ประกันตนทางเลือกที่ 2 และทางเลือกที่ 3 ถึงแก่ความตายก่อนอายุครบ 60 ปีบริบูรณ์ หรือก่อนที่จะได้รับประโยชน์ทดแทนในกรณีชราภาพ
โดยให้จ่ายเงินบำเหน็จชราภาพให้แก่บุคคล ซึ่งผู้ประกันตนทำหนังสือระบุให้เป็นผู้มีสิทธิได้รับประโยชน์ทดแทนในกรณีชราภาพนั้นแต่ถ้าผู้ประกันตนมิได้ทำหนังสือระบุไว้ ให้นำมาเฉลี่ยจ่ายให้แก่สามี ภริยา บิดามารดา หรือบุตรของผู้ประกันตนในจำนวนที่เท่ากัน

1.6 กำหนดบทเฉพาะกาล เช่น ให้ผู้ประกันตน ทางเลือกที่ 1 ทางเลือกที่ 2 และทางเลือกที่ 3 ที่ป่วยด้วยโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ตั้งแต่วันที่ 26 มีนาคม 2563 ถึงวันที่ 30 กันยายน 2565 และเข้ารับบริการหรือการรักษาพยาบาลตามแนวทางของกระทรวงสาธารณสุข หรือตามมาตรการของรัฐ มีสิทธิได้รับเงินทดแทนการขาดรายได้ตามที่กฎหมายว่าด้วยการประกันสังคมกำหนดตามกฎหมายใหม่ 
กำหนดให้ผู้ประกันตน ทางเลือกที่ 1 ทางเลือกที่ 2 และทางเลือกที่ 3 ที่ประสบอันตรายหรือเจ็บป่วยอยู่ก่อนวันที่ร่างพระราชกฤษฎีกานี้ใช้บังคับไปจนถึงวันที่พระราชกฤษฎีกานี้ใช้บังคับ มีสิทธิได้รับประโยชน์ทดแทนเป็นเงินทดแทนการขาดรายได้ตามกฎหมายใหม่ กำหนดให้ผู้ประกันตน ทางเลือกที่ 1 ทางเลือกที่ 2 และทางเลือกที่ 3 ที่ได้รับประโยชน์ทดแทน ในกรณีทุพพลภาพ เป็นเงินทดแทนการขาดรายได้ตามกฎหมายเดิม ซึ่งสิ้นสุดการได้รับสิทธิไปแล้วหรือยังคงได้รับสิทธิอยู่ในปัจจุบัน มีสิทธิได้รับประโยชน์ทดแทนในกรณี
ทุพพลภาพเป็นเงินทดแทนการขาดรายได้ตามกฎหมายใหม่ และกำหนดให้ผู้ประกันตนทางเลือกที่ 3 ที่ได้รับประโยชน์ทดแทนในกรณีสงเคราะห์บุตรตามกฎหมายเดิม มีสิทธิได้รับประโยชน์ทดแทนในกรณีสงเคราะห์บุตรเพิ่มขึ้น ตามกฎหมายใหม่ ซึ่งคณะกรรมการประกันสังคม (ชุดที่ 13 และชุดที่ 14) ได้มีมติให้ความเห็นชอบกับการแก้ไขเพิ่มเติมหลักเกณฑ์ ระยะเวลา และอัตราการได้รับประโยชน์ทดแทนในกรณีประสบอันตรายหรือเจ็บป่วย กรณีทุพพลภาพ กรณีสงเคราะห์บุตร และกรณีชราภาพตามร่างกฎหมาย ดังกล่าวแล้ว

ประโยชน์ทดแทนพ.ร.ฎ.ฯ พ.ศ. 2561ร่าง พ.ร.ฎ. ที่เสนอในครั้งนี้
กรณีประสบอันตรายหรือเจ็บป่วย
1. ทางเลือกที่ 1 และ 2
– กรณีแพทย์มีความเห็นให้หยุดพัก
 
– กรณีที่ไม่ได้พักรักษาพยาบาลประเภทผู้ป่วยในและไม่มีความเห็นแพทย์ให้หยุดพัก แต่มีใบรับรองแพทย์
 
2. ทางเลือกที่ 3
– กรณีแพทย์มีความเห็นให้หยุดพัก
 
– กรณีที่ไม่ได้พักรักษาพยาบาลประเภทผู้ป่วยในและไม่มีความ เห็นแพทย์ให้หยุดพัก แต่มีใบ รับรองแพทย์
• ให้หยุดพัก 3 วันขึ้นไป ได้รับ
200 บาท/วัน (ไม่เกิน 30 วัน)
 
• ได้รับ 50 บาท/ครั้ง (ไม่เกิน
3 ครั้ง/ปี)
 
 
 
 
• ให้หยุดพัก 3 วันขึ้นไป ได้รับ
200 บาท/วัน (ไม่เกิน 90 วัน)
 

    • ให้หยุดพัก 1 วันขึ้นไป ได้รับ 200 บาท/วัน (ไม่เกิน 30 วัน)
• ได้รับ 200 บาท/ครั้ง
(ไม่เกิน 3 ครั้ง/ปี)
 
• ให้หยุดพัก 1 วันขึ้นไป ได้รับ 200 บาท/วัน (ไม่เกิน 90 วัน)
 
• ได้รับ 200 บาท/ครั้ง
(ไม่เกิน 3 ครั้ง/ปี)
 
 
 
กรณีโรคติดต่ออันตราย/โรค
โควิด-19

 
1. ทางเลือกที่ 1 และ 2
 
 
 
2. ทางเลือกที่ 3
 
 
 

 
 
 

 
 
 
• ความเห็นทางการแพทย์ให้
หยุดพัก 3 วันขึ้นไป ได้รับ 200 บาท/วัน (ไม่เกิน 30 วัน)
 
• ความเห็นทางการแพทย์ให้
หยุดพัก 3 วันขึ้นไป ได้รับ 200 บาท/วัน (ไม่เกิน 90 วัน)
กรณีทุพพลภาพ
1. ทางเลือกที่ 1 และ 2
(เดิม 15 ปี เป็น ตลอดชีวิต)
 
 
 
 
2. ทางเลือกที่ 3
(ตลอดชีวิต)
 
• ได้รับ 500 บาท/เดือน
(จ่ายสมทบไม่น้อยกว่า 6 เดือน)
• ได้รับ 650 บาท/เดือน (จ่ายสมทบไม่น้อยกว่า 12 เดือน)
• ได้รับ 800 บาท/เดือน (จ่ายสมทบไม่น้อยกว่า 24 เดือน)
• ได้รับ 1,000 บาท/เดือน
(จ่ายสมทบไม่น้อยกว่า 36 เดือน)
 
• ได้รับ 500 บาท/เดือน
(จ่ายสมทบไม่น้อยกว่า 6 เดือน)
• ได้รับ 650 บาท/เดือน (จ่ายสมทบไม่น้อยกว่า 12 เดือน)
• ได้รับ 800 บาท/เดือน (จ่ายสมทบไม่น้อยกว่า 24 เดือน)
• ได้รับ 1,000 บาท/เดือน
(จ่ายสมทบไม่น้อยกว่า 36 เดือน)
 
• ได้รับ 1,000 บาท/เดือน
(จ่ายสมทบไม่น้อยกว่า 6 เดือน)
• ได้รับ 1,300 บาท/เดือน
(จ่ายสมทบไม่น้อยกว่า 12 เดือน)
• ได้รับ 1,600 บาท/เดือน (จ่ายสมทบไม่น้อยกว่า 24 เดือน)
• ได้รับ 2,000 บาท/เดือน
(จ่ายสมทบไม่น้อยกว่า 36 เดือน)
 
• ได้รับ 1,500 บาท/เดือน
(จ่ายสมทบไม่น้อยกว่า 6 เดือน)
• ได้รับ 2,000 บาท/เดือน
(จ่ายสมทบไม่น้อยกว่า 12 เดือน)
• ได้รับ 2,500 บาท/เดือน (จ่ายสมทบไม่น้อยกว่า 24 เดือน)
• ได้รับ 3,000 บาท/เดือน
(จ่ายสมทบไม่น้อยกว่า 36 เดือน)
กรณีสงเคราะห์บุตร
1. ทางเลือกที่ 1 และ 2
 
 
2. ทางเลือกที่ 3 (คราวละไม่เกิน 2 คน)
 

 
 
• ได้รับ 200 บาท/เดือน
(ไม่เกิน 6 ขวบ)
 

 
 
• ได้รับ 300 บาท/เดือน
(ไม่เกิน 7 ขวบ)
หลักเกณฑ์การจ่ายประโยชน์ทดแทนในกรณีผู้ประกันตนถึงแก่ความตายก่อนอายุครบ 60 ปีบริบูรณ์ หรือก่อนที่จะได้รับประโยชน์ทดแทนในกรณีชราภาพ
1. ทางเลือกที่ 1
2. ทางเลือกที่ 2
 

 3. ทางเลือกที่ 3
• ให้จ่ายเงินบำเหน็จชราภาพให้แก่สามีภริยา บิดามารดา บุตรของผู้ประกันตน หรือบุคคลซึ่งผู้ประกันตน ทำหนังสือระบุให้เป็น ผู้มีสิทธิ ได้รับประโยชน์ทดแทน ในกรณีชราภาพในจำนวนที่เท่ากัน
 
 

        • ให้จ่ายเงินบำเหน็จชราภาพให้แก่สามีภริยา บิดามารดา บุตรของผู้ประกันตน หรือบุคคลซึ่งผู้ประกันตน ทำหนังสือระบุให้เป็น ผู้มีสิทธิ ได้รับประโยชน์ทดแทนในกรณีชราภาพในจำนวนที่เท่ากัน

• ให้จ่ายเงินบำเหน็จชราภาพให้แก่บุคคลซึ่งผู้ประกันตนทำหนังสือระบุให้เป็นผู้มีสิทธิได้รับประโยชน์ทดแทนในกรณีชราภาพนั้นแต่ถ้าผู้ประกันตนมิได้ทำหนังสือระบุไว้ ให้นำมาเฉลี่ยจ่ายให้แก่สามีภริยา บิดามารดา หรือบุตรของผู้ประกันตนในจำนวนที่เท่ากัน
 

    • ให้จ่ายเงินบำเหน็จชราภาพให้แก่บุคคลซึ่งผู้ประกันตน ทำหนังสือระบุให้เป็นผู้มีสิทธิได้รับประโยชน์ทดแทนในกรณีชราภาพนั้น แต่ถ้าผู้ประกันตนมิได้ทำหนังสือระบุไว้ ให้นำมาเฉลี่ยจ่ายให้แก่สามีภริยา บิดามารดา หรือบุตรของผู้ประกันตนในจำนวนที่เท่ากัน
      บทเฉพาะกาล
1. ทางเลือกที่ 1 2 และ 3
 
 
 
 

 
 
 
 
 
 
 
 
 

          2. ทางเลือกที่ 3
 

 
 
 
 
 

 
 
 
 
 
 
 

 
 
 
 
 
 
 
 
 

 
• ผู้ประกันตนที่ป่วยด้วยโรคโควิด-19 ตั้งแต่วันที่ 26 มีนาคม 2563 ถึงวันที่ 30 กันยายน 2565 มีสิทธิได้รับเงินทดแทนการขาดรายได้
ตามกฎหมายใหม่
• ผู้ประกันตนที่ประสบอันตรายหรือเจ็บป่วยอยู่ก่อนวันที่พระราชกฤษฎีกานี้ใช้บังคับไปจนถึงวันที่พระราชกฤษฎีกานี้ใช้บังคับ มีสิทธิได้รับประโยชน์ทดแทนเป็นเงินทดแทนการขาดรายได้
ตามกฎหมายใหม่
• ผู้ประกันตนที่ได้รับประโยชน์ทดแทน ในกรณีทุพพลภาพเป็นเงินทดแทนการขาดรายได้ตามกฎหมายเดิม ซึ่งสิ้นสุดการได้รับสิทธิไปแล้วหรือยังคงได้รับสิทธิอยู่ในปัจจุบัน มีสิทธิได้รับประโยชน์ทดแทนในกรณีทุพพลภาพเป็นเงินทดแทนการขาดรายได้ตามกฎหมายใหม่
• ผู้ประกันตนที่ได้รับประโยชน์ทดแทนในกรณีสงเคราะห์บุตรตามกฎหมายเดิมอยู่ในวันก่อนวันที่พระราชกฤษฎีกานี้ใช้บังคับมีสิทธิได้รับประโยชน์ทดแทนในกรณีสงเคราะห์บุตรเพิ่มขึ้น ตามกฎหมายใหม่

2. กระทรวงแรงงาน ได้เสนอรายละเอียดข้อมูลที่หน่วยงานของรัฐต้องเสนอพร้อมกับการขออนุมัติต่อคณะรัฐมนตรีตามมาตรา 27 แห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. 2561 มาด้วยแล้ว

หมายเหตุ:

  • สำนักงานประกันสังคมเปิดโอกาสสร้างหลักประกันในชีวิต ให้ผู้ประกอบอาชีพอิสระ พ่อค้าแม่ค้า แม่บ้าน รับจ้างทั่วไป ฟรีแลนซ์ สามารถเข้าสู่ระบบประกันสังคมได้ ในมาตรา 40
  • ผู้ที่สามารถสมัครมาตรา 40 ได้ คือบุคคลทั่วไปที่มีอายุไม่ต่ำกว่า 15 ปีบริบูรณ์และไม่เกิน 60 ปีบริบูรณ์ และไม่เป็นผู้ประกันตนมาตรา 33, มาตรา 39 ไม่เป็นข้าราชการหรือบุคคลที่ถูกยกเว้นตามกฎหมายประกันสังคม

โดยแบ่งออกเป็น 3 ทางเลือก

ทางเลือกที่ 1 : ผู้ประกันตนจ่าย 70 บาท/เดือน รับสิทธิประโยชน์ 3 กรณี ได้แก่ ประสบอันตรายหรือเจ็บป่วย ทุพพลภาพ ตาย

ทางเลือกที่ 2 : ผู้ประกันตนจ่าย 100 บาท/เดือน รับสิทธิประโยชน์ 4 กรณี ได้แก่ ประสบอันตรายหรือเจ็บป่วย ทุพพลภาพ ตาย ชราภาพ (รับบำเหน็จ)

ทางเลือกที่ 3 (ทางเลือกใหม่) : ผู้ประกันตนจ่าย 300 บาท/เดือน รับสิทธิประโยชน์ 5 กรณี ได้แก่ ประสบอันตรายหรือเจ็บป่วย ทุพพลภาพ ตาย ชราภาพ (รับบำเหน็จ) และสงเคราะห์บุตร

ข่าวที่เกี่ยวข้อง