นายกฯให้กองทัพ ประเมินสถานการณ์หน้างาน ปะทะหรือไม่ ยืนยัน กองทัพกับรัฐบาลเป็นเนื้อเดียวกัน

นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม พลเอก ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม นายฉัตรชัย บางชวด เลขาธิการ สมช. พลเอก ทรงวิทย์ หนุนภักดี ผู้บัญชาการทหารสูงสุด และพลเอก ธงชัย รอดย้อย เสนาธิการทหารบก ร่วมกันแถลงผลการประชุม หลังใช้เวลาประชุม 2 ชั่วโมง

โดยนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ที่ประชุมได้พูดคุยกันในเรื่องของมาตรการต่างๆ ที่จะพร้อมรับมือ ภาพที่ออกไปเมื่อวานนี้ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และทีมฝ่ายกองทัพได้ไปคุยกับกัมพูชา ทุกอย่างยังโอเคอยู่ ได้คุยกันว่าทุกหน่วยทุกฝ่าย ไม่ว่าจะเป็นกองทัพหรือรัฐบาล ได้มีการปรึกษากันก่อน ดำเนินการใดใดมาโดยตลอด อำนาจไหน หน้าที่ไหน เป็นของใครและมีการพูดคุยเป็นอย่างดี รู้หน้าที่ของตัวเองเป็นอย่างดี สิ่งที่ต้องการคือความเป็นเอกภาพและมีการพูดคุยกับรัฐมนตรีกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ไม่อยากให้เกิดกระแส หรือการปลุกปั่นใดๆ ที่เกิดขึ้นว่ารัฐบาลกับกองทัพนั้นมีปัญหากัน แต่จริงๆ แล้วไม่มีปัญหาอะไรทั้งสิ้น ทำงานสนับสนุนกันอย่างดี กองทัพก็สนับสนุนรัฐบาล และรัฐบาลกับกองทัพ อำนาจหน้าที่อะไรก็แบ่งกันชัดเจน หากถึงหน้างานกองทัพสามารถตัดสินใจได้เลย การเจรจา รายละเอียดข้างในคงไม่ได้ลงรายละเอียด เป็นกรอบความเข้าใจเกิดความเข้าใจทั้งหมด ไม่มีความรุนแรง ที่ขยายมากยิ่งขึ้น กองทัพยืนยัน ข้อจำกัด เพื่อไม่ให้เกิดความรุนแรง ซึ่งเป็นแนวทางที่รัฐบาลสนับสนุนอยู่แล้ว

ส่วนหากเปรียบเทียบกับการรุกล้ำพื้นที่เข้ามา 200 เมตร เปรียบมีคนบุกรุกเข้าบ้านจันทร์ส่องล่า หรือบ้านของนายกรัฐมนตรี นายกรัฐมนตรีจะมีการดำเนินการอย่างไร เพราะประชาชนมองว่า รัฐบาลแก้ไขปัญหาช้า นายกรัฐมนตรี ระบุว่า เมื่อวานนี้คุยกันไปหมดแล้ว ไปตกลงกันเราต้องเคารพกันทั้งสองฝ่าย รายละเอียด ได้มากน้อยแค่ไหน เพราะขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการเจรจา ทราบดีว่าอยากได้เนื้อข่าวอยากได้ ข้อมูลเพิ่มเติมการคุยด้วยกันทั้งสองฝ่ายเป็นไปด้วยความเรียบร้อยดี กองทัพก็ออกมายืนยันแล้วเหตุการณ์ทุกอย่างเตรียมพร้อมทุกรูปแบบ สำหรับทุกทุกสถานการณ์ ซึ่งกองทัพทราบดีอยู่แล้วว่าหน้างานสถานการณ์เป็นอย่างไร ว่าจะต้องปะทะแล้วหรือยัง เป็นการตัดสินใจของกองทัพ หากไม่จำเป็นต้องปะทะ แต่เราปะทะไปก็จะเกิดความเสียหาย มากกว่าแรงเชียร์ที่จะให้เกิดการปะทะ ต้องใช้สันติวิธีให้ได้มากที่สุด

นายกรัฐมนตรี ยังย้ำว่า ในเรื่องนี้ไม่มีใครช้า ทุกคนคุยกันหมดแล้ว แต่จะเลือกว่าเราจะฟังส่วนไหน หรือไม่ฟังส่วนไหน รัฐบาลได้ออกแถลงการณ์มาสองฉบับ ในการดำเนินการ ถึงข้อตกลงและแนวทางที่ประเทศไทยจะไปต่อ

นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวว่า เป็นการพูดคุยบนหลักการที่ต้องยึดมั่นปกป้องอธิปไตยของประเทศ ดำรงความสัมพันธ์กับประเทศเพื่อนบ้านให้เกิดประโยชน์สูงสุดและได้พูดคุยกับทุกฝ่าย หลักสำคัญคือ เรามี 3 ด้าน คือ ด้านต่างประเทศ ด้านกองทัพและด้านการสื่อสาร มีการปรับให้ชัดเจนและทำงานให้มากขึ้น กองทัพยืนยันว่า เรามีความพร้อมเรื่องการรักษาเอกราชอธิปไตยของประเทศและภาคส่วนดินแดนคือ เรื่องที่ชัดเจนได้มีการคุยเป็นเรื่องเดียวกัน

ส่วนเรื่องการสื่อสารนั้น ได้มีการตกลงแล้วว่า กระทรวงการต่างประเทศเป็นเจ้าภาพหลัก โดยจะเอาโฆษกกกระทรวงกลาโหม โฆษกกองทัพบก และกระทรวงดีอี จะดูแลเรื่องนี้อย่างเต็มที่ หรือการหาข้อสรุปเกิดความยากลำบาก ยืนยันว่า สมช. เห็นตรงกันว่าอธิปไตยเป็นเรื่องหลักที่เราต้องดูแลอย่างเต็มที่ ส่วนเรื่องอื่นจะมองให้เป็นความสัมพันธ์ที่ดี ไม่ให้เกิดการเสียประเทศเราและเพื่อนบ้าน เพราะเรามีภาระความจำเป็นที่ต้องร่วมมือกัน ความสัมพันธ์ชายแดนในทุกประเทศรอบเรามีเรื่องไซเบอร์ เศรษฐกิจ ยาเสพติด ต้องร่วมมือทำงานกับปัญหาเหล่านี้ ความขัดแย้งอยากให้จำกัดวงให้มากที่สุดและเราได้ตกลงแล้วว่าจะไปคุยกัน

ด้านนายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวว่า ในส่วนของการต่างประเทศและการทหารต้องไปด้วยกันเป็นเนื้อเดียวกัน ซึ่งความสัมพันธ์ระหว่างประเทศเป็นสิ่งสำคัญ เนื่องจากทั้งสองประเทศมีความสัมพันธ์ที่ดีกันมาอย่างยาวนานและเห็นพ้องกันว่าการเจรจากับฝ่ายกัมพูชา ต้องใช้กลไกที่มีอยู่ในปัจจุบันเป็นหลักคือ ทวิภาคี และเป็นสิ่งที่ผู้นำสองฝ่ายได้พูดคุยกันตั้งแต่ต้น คือใช้กลไกคณะกรรมการที่มีอยู่แล้ว ทั้ง JBC RBC หรือ GBC ที่เป็นกลไกหลักในขณะนี้ และเป้าหมายของการเจรจาในวันที่ 14 มิถุนายนนี้ ระหว่างคณะกรรมการร่วมสองฝ่ายจะต้องเน้น เรื่องของจุดปะทะ เพื่อแก้ปัญหาการกระทบกระทั่งกันเป็นหลัก เรื่องอื่นๆ เราจะยังไม่ให้ความสำคัญ จะพูดเรื่องของการแก้ปัญหาที่มีการเผชิญหน้าและลดความตึงเครียด ในกรอบของกำลังทหารร่วมกัน ให้เป็นเรื่องเป็นราว ซึ่ง JBC มีหน้าที่อยู่แล้ว ที่จะเจรจาเรื่องเขตแดน เพราะฉะนั้นจะดำเนินการไปพร้อมกัน แต่สิ่งที่จะต้องให้ความสำคัญเป็นอันดับแรก คือการพูดคุยลดความรุนแรง ลดบรรยากาศ ที่จะมีการกระทบกระทั่งกัน เป็นหลัก

ส่วนการชี้แจง จะมีการประสานความร่วมมือกันกับกระทรวงการต่างประเทศและกองทัพบก ร่วมกับกระทรวงกลาโหม เพื่อให้การสื่อสารแก่ประชาชนให้เข้าใจ ทุกอย่างไปในทิศทางเดียวกัน พร้อมระบุว่า เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความเข้าใจผิดเรื่องข่าวสาร มากยิ่งขึ้นกว่านี้ ยืนยันว่า การทหารและการต่างประเทศไปด้วยกันอย่างแน่นอน

ขณะที่ พลเอก ทรงวิทย์ หนุนภักดี ผู้บัญชาการทหารสูงสุด เปิดเผย 3 ประเด็น โดยประเด็นแรกได้เน้นย้ำว่ากองทัพสนับสนุนรัฐบาลในการแก้ปัญหาและคลี่คลายสถานการณ์ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชาด้วยสันติวิธี เป็นเรื่องแรก ส่วนเรื่องที่ 2 กองทัพได้ปฏิบัติหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญในการรักษาอธิปไตยและคุ้มครองปกป้องประชาชนตามแนวชายแดนซึ่งได้ดำเนินการมาตลอดเรื่องที่ 3 ได้ยืนยันว่าในการประชุมผู้บัญชาการเหล่าทัพวันนี้ เป็นการประชุมตามวงรอบปกติทุก 2 เดือน ซึ่งแน่นอนว่าจะมีการพูดคุยเรื่องสถานการณ์ไทย-กัมพูชาด้วย ในลักษณะที่สนับสนุนแนวทางของรัฐบาลและแนวทางของสภาความมั่นคงแห่งชาติ ที่ได้ประชุมกันวันนี้และเพื่อความโปร่งใสหลังการประชุมเสร็จ จะมีเอกสารการแถลงข่าวออกมาว่าสิ่งที่คุยกันวันนี้เป็นอย่างไรบ้าง

ส่วนที่ไม่ได้เชิญสื่อมวลชน เพราะเป็นการทำงานแบบมืออาชีพและอยากให้เป็นการสื่อสารในแนวทางเดียวคือ กระทรวงต่างประเทศ รัฐบาล กระทรวงกลาโหมและกองทัพ และตนในฐานะผู้ปฏิบัติงานขอสงวนการให้ข้อมูลในเรื่องนี้

ข่าวที่เกี่ยวข้อง