นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) ลงพื้นที่จังหวัดสมุทรปราการ เพื่อติดตามสถานการณ์การกัดเซาะชายฝั่งและภาวะน้ำทะเลหนุนสูงในพื้นที่อ่าวไทยตอนบน ซึ่งเป็นผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
การลงพื้นที่ครั้งนี้มีเป้าหมายเพื่อผลักดันนโยบายเชิงรุกและการจัดทำ “แผนแม่บทระดับประเทศในการรับมือกับภัยพิบัติธรรมชาติ” โดยมีผู้แทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม อาทิ นายฉัตริน จันทร์หอม รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง, นายสงคราม กิจเลิศไพโรจน์ ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี, นางอรนุช หล่อเพ็ญศรี รองปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม, ดร.พิรุณ สัยยะสิทธิ์พานิช อธิบดีกรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ, และนายศุภมิตร ชิณศรี ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรปราการ
ปัญหาการกัดเซาะชายฝั่งและน้ำทะเลหนุน ส่งผลกระทบต่อชุมชนชายฝั่ง พื้นที่เศรษฐกิจและประชาชนกว่า 12 ล้านคน หากไม่เร่งแก้ไขจะเกิดความเสียหายทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมอย่างรุนแรง จากการสำรวจพื้นที่ชายฝั่งอ่าวไทยตอนบน ครอบคลุม 5 จังหวัด ได้แก่ ฉะเชิงเทรา สมุทรปราการ กรุงเทพมหานคร สมุทรสาคร และสมุทรสงคราม มีชายฝั่งยาวรวม 147.33 กิโลเมตร พบปัญหาการกัดเซาะในหลายระดับ ได้แก่ กัดเซาะรุนแรง 0.43 กม. กัดเซาะปานกลาง 1.09 กม. กัดเซาะเล็กน้อย 0.1 กม.
แม้มีการดำเนินการแก้ไขไปแล้วกว่า 120.76 กม. แต่ยังมีบางพื้นที่ที่ยังเผชิญปัญหา เช่น พื้นที่กัดเซาะรุนแรง 4.52 กม. และปานกลาง 3 กม. รัฐบาลจึงมอบหมายให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติฯ จัดทำแผนแม่บทโดยครอบคลุมการศึกษาผลกระทบทั้งเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม พร้อมการประเมินสิ่งแวดล้อมระดับยุทธศาสตร์ (SEA) คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในไตรมาส 4 ของปี 2569
รัฐบาลเร่งเดินหน้ามาตรการคู่ขนาน 2 ประเด็นสำคัญ โดยเน้นย้ำให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการใน 2 ด้านควบคู่กับการจัดทำแผนแม่บท ได้แก่ ปัญหาน้ำท่วมและน้ำทะเลหนุน เร่งขุดลอกท่อระบายน้ำ กำจัดสิ่งกีดขวาง ปรับระดับผิวจราจรให้สอดคล้องกับทิศทางน้ำ พิจารณาก่อสร้างประตูระบายน้ำ สถานีสูบน้ำ หรือเขื่อน บรรจุโครงการในแผนบูรณาการน้ำระดับจังหวัด พร้อมขอรับงบประมาณสนับสนุนจากรัฐบาลด้านปัญหาการกัดเซาะชายฝั่ง ฟื้นฟูป่าชายเลน ควบคุมการบุกรุกพื้นที่ชายฝั่งใช้มาตรการวิศวกรรม เช่น ถมทะเล เขื่อนกันคลื่น หรือกำแพงกันน้ำทะเล เน้นแนวคิด “เลียนแบบธรรมชาติมากกว่าฝืนธรรมชาติ” เพื่อลดผลกระทบต่อพื้นที่ใกล้เคียงรัฐบาลหวังว่ามาตรการเหล่านี้ จะเป็นแนวทางที่ชัดเจนและเป็นรูปธรรม ในการรับมือกับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เพื่อให้ทุกหน่วยงานสามารถบูรณาการการทำงานร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพ