“อนุทิน” เตรียมบินอุบลฯ ดูความเรียบร้อย ก่อนหารือผู้ว่าฯ 7 จังหวัด 11 มิ.ย. นี้ สั่งตรึงแนวหลัง พร้อมอพยพประชาชนหากเกิดเหตุ
(7 มิ.ย. 68) นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวถึงสถานการณ์ความตึงเครียดชายแดนไทย-กัมพูชา ว่าระหว่างปฏิบัติภารกิจอยู่ที่กรุงเจนีวา ประเทศสวิสเซอร์แลนด์ ทุกเช้าจะต้องประชุมกับปลัดกระทรวงมหาดไทย อธิบดีกรมการปกครอง และผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี ถึงการเตรียมพร้อมและได้ติดต่อตรงทางไลน์ตลอด ซึ่งความพร้อมของฝ่ายปกครอง คือการสนับสนุนเป็นแนวหลัง เพื่อเกิดความมั่นคงและความมั่นใจว่า ประชาชนจะใช้ชีวิตได้ตามปกติสุข หากมีความจำเป็นเร่งด่วนใดๆ ที่จะต้องอพยพ เราพร้อมที่จะมีศูนย์พักพิงให้ มีโรงพยาบาลสนามเตรียมไว้ มีอาหารการกิน มีการจัดชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน หรือ ชรบ. และชุดอาสารักษาดินแดน หรือ อส. ไปดูแลบ้านเรือน ชุมชนของประชาชนตามแนวชายแดน 7 จังหวัดไม่ใช่เพียงแต่อุบลราชธานี ซึ่งเรามีความพร้อมเต็มที่และมีความพร้อมสนับสนุนในการประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ หรือ สมช. ที่นายกรัฐมนตรีเป็นประธานมีบทสรุปมาว่า การตัดสินใจเรื่องยุทธศาสตร์เป็นเรื่องของกองทัพ ซึ่งหากกองทัพต้องการสนับสนุนใด ๆ เช่น การปิดด่าน ปิดชายแดน ก็ให้แจ้งมา ผู้ว่าราชการจังหวัดพร้อมที่จะดำเนินการตามการตัดสินใจของผู้ที่มีอำนาจ
ส่วนขวัญกำลังใจประชาชนในพื้นที่ นายอนุทิน กล่าวว่า จะมีคนคอยลาดตระเวนดูแลในส่วนแนวหลัง เพื่อให้เกิดความมั่นใจว่า จะเกิดความปลอดภัยสูงสุด ยังไม่มีกรณีลอบทำร้ายกันระหว่างสองฝั่งหรือฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ประชาชนยังใช้ชีวิตอย่างเป็นปกติ โดยจะไม่รบกวนกำลังของทหาร ที่ต้องดูแลการคุกคามของฝ่ายตรงข้ามตามแนวชายแดน ในส่วนนี้ทางกองอาสารักษาดินแดน (อส.) ชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) และหน่วยฝ่ายปกครอง นายอำเภอ ปลัดอำเภอจะต้องคอยตรึงแนวหลัง ให้มั่นใจในความสงบเรียบร้อย คิดว่าไม่มีปัญหา ซึ่งวันที่ 8 มิถุนายน 2568 จะเดินทางไปจังหวัดอุบลราชธานี ไปเป็นคณะเล็กๆ ชวนปลัดกระทรวงมหาดไทยและอธิบดีกรมการปกครอง ไปอย่างไม่เป็นทางการ และวันพุธที่ 11 มิถุนายน นี้ จะเชิญผู้ว่าราชการจังหวัดตามแนวเขตชายแดนไทย-กัมพูชา ทั้ง 7 จังหวัดไปประชุมที่จังหวัดอุบลราชธานี เพื่อให้เกิดความมั่นใจว่าแนวทางในการสนับสนุนส่วนหน้า และแนวทางในการดูแลประชาชนจะต้องเกิดประสิทธิภาพสูงสุด
“วราวุธ” กำชับ หน่วยงาน พม. จังหวัดชายแดน ไทย-กัมพูชา ดูแลสภาพจิตใจ คนกลุ่มเปราะบางในพื้นที่
(7 มิ.ย. 68) นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เปิดเผยว่า จากสถานการณ์ความตึงเครียดที่เกิดขึ้นตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ได้แจ้งไปยังปลัดกระทรวง พม. กำชับไปยังเจ้าหน้าที่หน่วยงานในสังกัดกระทรวง พม. ที่ปฏิบัติงานอยู่ในจังหวัดที่อยู่ติดชายแดนดังกล่าว อาทิ จังหวัดตราด จันทบุรี สระแก้ว อุบลราชธานี ศรีสะเกษ สุรินทร์ และบุรีรัมย์ ให้ปฏิบัติตามแนวทางปฏิบัติงานของศูนย์บริหารการดูแลกลุ่มเปราะบางจากภัยพิบัติ (ศบปภ.) อย่างเข้มงวด เนื่องจากภัยอันเกิดจากความไม่สงบถือเป็นภัยพิบัติอย่างหนึ่ง ซึ่งกระทรวง พม. พร้อมเข้าดูแลกลุ่มเปราะบาง และกลุ่มเป้าหมายของกระทรวง ซึ่งเราพร้อมให้ความช่วยเหลือทั้ง เด็ก คนพิการ ผู้สูงอายุ
ขอให้เจ้าหน้าที่ทุกส่วนคอยติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด พร้อมที่จะบูรณาการทำงานประสานความร่วมมือกับหน่วยงานความมั่นคง กระทรวงอื่น ๆ ทั้งมหาดไทย กลาโหม สาธารณสุข และหน่วยงานอื่นๆ ติดตามดูแล พี่น้องประชาชนที่อยู่ในพื้นที่ โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบางซึ่งอยู่ภายใต้ความดูแลของกระทรวง พม. ในแต่ละจังหวัด อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ประชาชนบางคนที่ดูข่าวจนเกิดความตึงเครียด มีภาวะกระทบกระเทือนทางจิตใจ มีความกลัวต่างๆ เกิดขึ้น หรือหากมีปัญหา มีเหตุจำเป็นที่จะทำให้ต้องย้ายออกจากเคหสถาน ทาง ศบปภ. กระทรวง พม. ก็พร้อมที่จะดำเนินการช่วยเหลือในทันที พร้อมจัดทีมนักสังคมสงเคราะห์ นักจิตวิทยา และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ลงพื้นที่เยี่ยมบ้านเพื่อให้คำปรึกษา บำบัดฟื้นฟูสภาพจิตใจ เพื่อผ่อนคลายความวิตกกังวล ซึ่ง ศบปภ. มีข้อมูลที่อยู่ของคนกลุ่มเปราะบางในพื้นที่ เราพร้อมที่จะประสานข้อมูลกับหน่วยงานในจังหวัด หน่วยงานต่างๆ เช่น ทีมกู้ภัย ว่าจะอพยพคนกลุ่มเปราะบางจากที่ใดไปที่ใดหากจะต้องเคลื่อนย้ายเมื่อเกิดเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ขึ้น
ขอฝากไปถึงทุกคนด้วยว่า ช่วงเวลาที่มีความเคร่งเครียดเกิดขึ้น ขอให้บริโภคข่าว รับรู้ข่าวสารอย่างระมัดระวัง อย่าถึงกับสร้างความเครียดให้ตัวเองมากจนเกินไป เพราะอาจจะทำให้เกิดความเจ็บป่วยได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มผู้สูงอายุ ที่มีความกังวลต่อสถานการณ์ หรือเด็กๆ ที่ยังมีประสบการณ์น้อยจากการรับมือต่อเหตุการณ์ต่างๆ ขอให้ระมัดระวังในการที่จะรับทราบข่าวจากสื่อต่างๆ ขอให้รับฟังข่าวสารจากทางราชการเป็นหลัก เพราะในเวลาเช่นนี้มักจะมีข่าวลือ ข่าวลวง ข่าวปล่อยเกิดขึ้นมาก จึงขอฝากความห่วงใยไปถึงพี่น้องประชาชนกลุ่มเปราะบางทุกคน