นายคารม พลพรกลาง รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาล โดยกระทรวงสาธารณสุข เปิดตัว “รถตรวจสุขภาพสูงวัยเคลื่อนที่” เพื่อผู้สูงอายุ ซึ่งจากข้อมูลปัจจุบันพบว่ามีผู้สูงอายุกว่า 38% มีโรคประจำตัวมากกว่า 2 โรค ได้เข้าใช้บริการผู้ป่วยนอกกว่า 68 ล้านครั้ง และบางส่วนยังเข้าไม่ถึงการบริการ โดย “รถตรวจสุขภาพสูงวัยเคลื่อนที่” จะให้บริการสุขภาพเชิงรุก 6 ด้าน ทั้งตรวจรักษาโรค NCDs ตรวจสุขภาพเบื้องต้น คัดกรองช่องปาก Tele-Consult ให้คำปรึกษาโภชนาการ และฉีดวัคซีน ทั้งนี้ เพื่อช่วยลดความเหลื่อมล้ำ เพิ่มการเข้าถึงบริการสุขภาพได้ถึง 12% หรือ 21,600 คนต่อปี
นายคารม กล่าวว่า ข้อมูลจากกระทรวงสาธารณสุข พบว่าปัจจุบันประเทศไทยเข้าสู่สังคมสูงอายุอย่างสมบูรณ์ มีประชากรอายุ 60 ปีขึ้นไป มากกว่า 14.37 ล้านคน คิดเป็น 21.87% ของประชากรทั้งหมด และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ซึ่งเป็นความท้าทายด้านสุขภาพจากปัญหาการป่วยด้วยโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs) สำหรับโรคที่พบมากที่สุดคือ ความดันโลหิตสูง เบาหวาน และโรคหัวใจ โดยผู้สูงอายุมากกว่า 38% มีโรคประจำตัวมากกว่า 2 โรค รวมถึงมีปัญหาสุขภาพที่พบบ่อย เช่น การมองเห็น สุขภาพช่องปาก ภาวะสมองเสื่อมและการพลัดตกหกล้ม หากไม่ได้รับการดูแลที่เหมาะสม อาจนำไปสู่ภาวะพึ่งพิงและส่งผลต่อคุณภาพชีวิตในระยะยาว ทำให้ต้องเข้ารับบริการสาธารณสุขอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้เกิดความแออัดในโรงพยาบาลรัฐมากขึ้น
รัฐบาล โดยสถาบันเวชศาสตร์สมเด็จพระสังฆราชญาณสังวรเพื่อผู้สูงอายุ กรมการแพทย์ ได้พัฒนา “รถตรวจสุขภาพสูงวัยเคลื่อนที่” เพื่อนำบริการสาธารณสุขออกไปถึงชุมชนและกลุ่มเป้าหมาย รถตรวจสุขภาพเคลื่อนที่ 1 คัน จะช่วยเพิ่มโอกาสเข้าถึงบริการของผู้สูงอายุได้ถึง 12% หรือ 21,600 คน โดยรถตรวจสุขภาพสูงวัยเคลื่อนที่มี 6 บริการหลัก ได้แก่ 1.การตรวจรักษา ติดตาม ให้คำปรึกษาด้านโรค NCDs ภาวะสมองเสื่อมและภาวะหกล้ม 2.ตรวจคัดกรองสุขภาพช่องปาก 3.ให้คำปรึกษาทางไกล (Tele-Consult) โดยทีมสถาบันเวชศาสตร์สมเด็จพระสังฆราชญาณสังวรเพื่อผู้สูงอายุ 4.ตรวจสุขภาพเบื้องต้น (วัดความดัน ตรวจเบาหวาน ชั่งน้ำหนัก ฯลฯ) 5.ให้คำปรึกษาด้านโภชนาการและกิจกรรมพัฒนาร่างกาย และ 6.ฉีดวัคซีนและเวชภัณฑ์เบื้องต้น ซึ่งการดำเนินการดังกล่าว ถือเป็นนวัตกรรมสำคัญที่จะช่วยลดความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงบริการ ส่งเสริมการป้องกันโรค และสนับสนุนการดูแลสุขภาพผู้สูงอายุให้สามารถดำรงชีวิตได้อย่างมีคุณภาพ ลดภาระของโรงพยาบาลและลดภาระของประชาชนในการเดินทาง โดยเฉพาะพื้นที่ห่างไกล