นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมติดตามมาตรการป้องกันและปราบปรามธุรกิจต่างชาติที่กระทำผิดกฎหมาย โดยมีผู้บริหารระดับสูงจากกระทรวงและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม อาทิ กระทรวงการคลัง กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงอุตสาหกรรม กรมศุลกากร กรมการค้าต่างประเทศ กรมโรงงานอุตสาหกรรมและสำนักงานตำรวจตรวจคนเข้าเมือง
นายนายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นายกรัฐมนตรีได้เน้นย้ำเป้าหมายสำคัญในการประชุมครั้งนี้คือ การติดตามความคืบหน้าการบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจังกับธุรกิจต่างชาติที่ฝ่าฝืนกฎหมายไทย เพื่อยกระดับความน่าเชื่อถือของประเทศในระยะยาว ควบคู่ไปกับการสร้างความยุติธรรมแก่ประชาชนอย่างทั่วถึง
โดยที่ประชุมได้รายงานผลการดำเนินงานใน 4 ประเด็นหลัก ได้แก่
1. การปราบปรามธุรกิจนอมินี คณะอนุกรรมการป้องกันธุรกิจอำพรางของคนต่างด้าว (NOMINEE) ได้จัดประเภทธุรกิจที่มีความเสี่ยงสูงไว้ 6 กลุ่ม ได้แก่ ธุรกิจท่องเที่ยว อสังหาริมทรัพย์ e-Commerce เกษตรกรรม โรงแรม และก่อสร้าง โดยตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน 2567 – 31 พฤษภาคม 2568 สามารถดำเนินคดีต่อผู้กระทำผิดได้รวม 861 ราย มูลค่าความเสียหายกว่า 15,296 ล้านบาท
2. การลักลอบนำเข้าสินค้าที่ไม่ได้มาตรฐาน ระหว่างวันที่ 5 กรกฎาคม 2567 – 29 พฤษภาคม 2568 จัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม 7% จากสินค้านำเข้าราคาต่ำกว่า 1,500 บาท ได้กว่า 1,875 ล้านบาท
3. การลักลอบสวมสิทธิ์เป็นสินค้าไทย กรมการค้าต่างประเทศได้จัดทำ “รายการสินค้าเฝ้าระวัง” สำหรับส่งออกไปยังสหรัฐฯ โดยเพิ่มจาก 49 รายการเป็น 65 รายการ
4. การดำเนินคดีกับโรงงานต่างชาติที่ฝ่าฝืนกฎหมาย กระทรวงอุตสาหกรรมรายงานผลการตรวจสอบระหว่างวันที่ 1 พฤศจิกายน 2567 – 4 มิถุนายน 2568 พบโรงงาน/สถานประกอบการกระทำผิด 79 แห่ง
นายกรัฐมนตรี เน้นย้ำให้ทุกหน่วยงาน ดำเนินการตามแผนงานอย่างเคร่งครัด เพื่อผลักดันให้ประเทศไทยมีระบบเศรษฐกิจที่โปร่งใส เป็นธรรม และมีความน่าเชื่อถือในระดับสากล