นายกฯ สั่งการขอแก้ทีละเรื่อง ย้ำผู้นำ 2 ประเทศ เห็นตรงสันติภาพ  รักษาอธิปไตยเป็นสำคัญ

นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานประชุมติดตามสถานการณ์การคลี่คลายปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา และมาตรการสนับสนุนและช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ 5 จังหวัดชายแดน โดยมีนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย พลเอก ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ร่วมด้วย

โดยนายกรัฐมนตรี ได้รับฟังรายงานสถานการณ์จากผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ ซึ่งช่วงหนึ่งมีการรายงานถึงการเปิดและปิดด่านชายแดนที่ไม่ตรงกัน โดยไทยเปิดและปิดด่าน เวลา 08.00-15.00 น. แต่ทางกัมพูชาเปิดด่านเวลา 09.00 น-16.00 น ซึ่งเป็นเวลาที่เหลื่อมกันทำให้ผู้ว่าฯ มีการตั้งข้อสังเกตว่า ไม่แน่ใจว่ามีนัยยะอะไรหรือไม่ ทำให้นายกรัฐมนตรีถึงกับเปิดไมค์และถามกลับในทันทีว่า แทนที่จะกล่าวว่าสงสัยว่าเป็นเพราะอะไรที่เปิดปิดด่านไม่ตรงกัน จะสามารถประสานฝ่ายตรงข้ามได้หรือไม่ ให้เปิด-ปิดด่านตรงกัน โดยขอให้ฝ่ายความมั่นคงไปดู เพื่อยึดถือผลประโยชน์ของประชาชน หากเปิดปิดเวลาตรงกันได้ จะทำให้การค้าขายสะดวกกว่า

ขณะที่ พลโท บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 กล่าวว่า จะประสานกับกองกำลังฝ่ายกัมพูชาดู ซึ่งน่าจะมีนัยบางอย่างในลักษณะการเมืองนิดหน่อย เพื่อชิงความได้เปรียบ แต่ฝ่ายความมั่นคงกับผู้ว่าฯในพื้นที่จะหารือกัน

โดยนายกรัฐมนตรี สั่งการในที่ประชุมว่า ต้องให้ความรู้กับนักเรียน ว่า เมื่อไหร่จึงควรใช้หลุมหลบภัย อยากให้บรรจุอยู่ในเป็นการสอนปกติทุกปี ไม่ใช่เหตุการณ์นี้จบไป พอสงบก็ไม่ทราบว่าจะใช้อย่างไร เมื่อไหร่ เพื่อให้เหมือนในประเทศญี่ปุ่นและที่สำคัญขอขอบคุณแม่ทัพภาคที่ 2 ที่อยู่หน้างานตลอดและทราบถึงแรงกดดันมากๆ เพราะได้ติดต่อกับทั้งกลาโหม และมหาดไทยมาโดยตลอด รวมถึงผู้นำฝ่ายกัมพูชา ทราบและเห็นใจมากๆ อยู่หน้างาน ไม่เหมือนเราคุยกันข้างหลัง เพราะบางทีเกิดกระแสอะไรในโซเชียลมากมาย แต่คนหน้างานจริงๆ แล้วคือคนที่เห็นเหตุการณ์ และต้องปรับไปตามสิ่งที่เกิดขึ้น เพราะฉะนั้นจึงพยายามจะเน้นย้ำในเรื่องของสันติภาพและความสงบสุขไว้ แต่ได้ทราบข้อมูลจากฐานหน้างาน ไม่อยากให้เกิดกระแสตีให้เกิดความรุนแรงขึ้น หรือลุยเลย เพราะจริงๆ ต้องคิดถึงชีวิตของคนหน้างาน เพราะมีความกดดันสูง อยู่ตรงนั้นเราก็เห็นอาวุธของกันและกัน และดูอาวุธ ดูความพร้อม ดูทุกอย่าง หากต้องเกิดความไม่สงบจริงๆ หรือเหตุการณ์ที่มากขึ้นจริงๆ แน่นอนว่า ไม่ใช่เรื่องเล็กอย่างแน่นอน เป็นเรื่องที่ใหญ่มากๆ จึงพยายามสื่อสารในเรื่องนี้ถึงความสงบสุข เพราะอย่างน้อย ถ้านายกฯ คุยกัน ได้ยืนยันเรื่องนี้ และล่าสุดที่ได้มีการอัปเดตพูดตรงกันว่า อยากให้ทั้งสองประเทศเกิดความสงบสุขและตนยืนยันในการรักษาอธิปไตยประเทศของเราไว้

นายกรัฐมนตรี ยังระบุอีกว่าที่ผ่านมา หน่วยงานที่สำคัญไม่น้อยกว่ากระทรวงกลาโหม ก็คือมหาดไทย เพราะมหาดไทยเป็นบ้านทหารเป็นรั้ว ทุกฝ่ายทำงานร่วมกันอย่างบูรณาการ โดยที่มีผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นหัวหน้าทีม ในการดูแลบ้านแต่ละจังหวัด ที่จะต้องทำงานร่วมกันด้วยการประสานงาน ว่าเกิดเหตุการณ์อะไรบ้างในพื้นที่ชายแดนและในบ้านของเรา มีที่ปลอดภัยพอหรือไม่ หรือมีปัจจัย 4 พอหรือไม่สำหรับคนในบ้าน ซึ่งขอให้ตรวจเรื่องนี้อย่างเต็มที่และขอให้ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน เพราะเวลาเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ต้องทำงานแบบบูรณาการเท่านั้นจึงจะเห็นผลที่ชัดเจนมากยิ่งขึ้น

นายกรัฐมนตรีดังกล่าวอีกว่า เรื่องความสงบ ได้ติดต่อกับรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ว่าข้อความที่จะพูดกับประชาชนนั้นจะเป็นอย่างไร หรือข้อความอย่างไรที่ภายในคุยกันไว้ ไม่สามารถที่จะสื่อสารได้ การคุยระหว่างประเทศเราจะต้องเคารพกติกา หรือข้อตกลงระหว่างประเทศ เช่น ระดับแม่ทัพหรือทหารคุยกันคุยว่าอย่างไร ระดับรัฐมนตรีคุยกันว่าอย่างไร นายกรัฐมนตรีคุยกันว่าอย่างไร เราจะต้องมีการคุยกันตลอด เพื่อที่จะสื่อสารตรงกันและไม่เข้าใจผิดซึ่งกันและกัน ถือเป็นสิ่งที่สำคัญมากๆ เพราะพูดกันไปมากๆ สร้างกระแสทำให้เข้าใจผิดกันและเกิดเรื่องใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ

ก็พยายามที่จะทำเรื่องนี้ให้ดีที่สุด ขอบคุณหน้างานมากๆ และประสานงานกันจนเกิดผลสำเร็จ ขอบคุณทั้งกลาโหมและมหาดไทย ที่ร่วมมือกันเพื่อรักษาอธิปไตยของเราไว้และความสงบสุขของบ้านเมืองไว้ต้องขอชื่นชมทุกคน

นายกรัฐมนตรี ยังยืนยันว่า รัฐบาลให้การสนับสนุนประชาชนอย่างเต็มที่ และเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงาน อะไรที่เกิดความเร่งด่วน หรือจำเป็น ขอให้แต่ละกระทรวงรายงานตรงไปยังกระทรวง เพราะทั้งสองรองนายกฯติดต่อตรงกับตนอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นอะไรที่พร้อมให้ก็จะสนับสนุนเต็มที่

นายกรัฐมนตรี ยังเน้นย้ำกับ 5 ผู้ว่าฯ ให้ทำความเข้าใจกับประชาชนให้มาก ว่าทำอะไรกันอยู่บ้าง เพื่อที่จะให้ทุกคนทำเข้าใจตรงกัน ไม่เข้าใจผิด ไม่ปล่อยข่าวปลอม ซึ่งบางทีโดนไอโอปล่อยบ้าง ไม่รู้มาจากไหน แต่ปล่อยข้อมูลที่เข้าใจผิด ทำให้เกิดความวุ่นวายในสังคม เพราะฉะนั้นทุกท่านที่มีตำแหน่งตรงนี้ มีความน่าเชื่อถือ สามารถติดต่อกับประชาชน ว่า อะไรคือเรื่องจริง หรือเรื่องไม่จริง อะไรที่ไม่จริง ก็ขอให้รีบแก้ ไม่อยากให้ขยายความกันไปมากกว่านี้

นายกรัฐมนตรียังกล่าวในช่วงท้ายว่า ขอให้ทุกคนทำงานร่วมกันอย่างเต็มที่ ทำงานเป็นทีมเดียวกัน ประเทศไทยทั้งประเทศเป็นของพวกเราทุกคน เราต้องรักษาไว้ ปฏิบัติหน้าที่ของเราให้เต็มที่ รัฐบาลพร้อมสนับสนุนทุกหน่วย ต่อจากนี้ ที่เราคุยกันทั้งหมดไม่ว่าจะเป็นในระดับผู้นำหรือกองทัพ ยืนยันเป้าหมายเดียวกัน คือต้องการรักษาสันติภาพไว้ ส่วนเรื่องรายละเอียดต่างๆ ก็ว่าเป็นไปตามหัวข้อ หรือเรื่องที่จะตกลงกัน ว่าเป็นเรื่องเฉพาะเรื่อง ไม่ใช่เอาทุกเรื่องมารวมกัน ไม่เช่นนั้นการตัดสินใจหรือการเคลียร์จะไม่เคลียร์ จะกลายเป็นปนกันไป เพราะกฎหมายมันเยอะไปหมดเราจะเคลียร์ไปทีละเรื่องไป

ข่าวที่เกี่ยวข้อง