ดร.ธีราภา ไพโรหกุล รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ฝ่ายการเมือง ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการสรรหาฯ เป็นประธานการประชุมชี้แจงสถานศึกษา ผ่านระบบ Teleconference เกี่ยวกับการรับสมัครนักเรียนระดับมัธยมศึกษาปีที่ 6 และนักศึกษาระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพปีที่ 3 “โครงการทุนการศึกษาเพื่อขยายโอกาสและพัฒนาประเทศ (Outstanding Development Opportunity Scholarship: ODOS)” ระดับปริญญาตรี
ดร.ธีราภา กล่าวว่า โครงการนี้เป็นหนึ่งในนโยบายที่รัฐบาลภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรี แพทองธาร ชินวัตร ให้ความสำคัญอย่างยิ่ง ในฐานะกลไกลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษาและการสร้างกำลังคนคุณภาพ ที่ประเทศต้องการในระยะยาว โครงการ ODOS ได้รับมติคณะรัฐมนตรีเห็นชอบเมื่อวันที่ 13 พฤษภาคม 2568 โดยมีเป้าหมายเพื่อสนับสนุนให้เด็กและเยาวชนที่เก่งแต่ขาดโอกาส ได้มีช่องทางเรียนต่อในระดับที่สูงขึ้น โดยเฉพาะในสาขา STEM ประกอบด้วย วิทยาศาสตร์ (Science) เทคโนโลยี (Technology) วิศวกรรมศาสตร์ (Engineering) และคณิตศาสตร์ (Mathematics) ซึ่งเป็นรากฐานสำคัญของอุตสาหกรรมแห่งอนาคต
ซึ่งรัฐบาลเปิดโอกาสให้นักเรียนจากครัวเรือนที่มีรายได้น้อยมีโอกาสศึกษาต่อ ตั้งแต่สำเร็จการศึกษาภาคบังคับ(ม.3) จนสำเร็จการศึกษาระดับ ม.ปลาย/ปวช. – ปริญญาตรี รวม 7 – 8 ปี ทั้งในและต่างประเทศได้เต็มศักยภาพสุดความสามารถ เพื่อลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษาและพัฒนาประเทศ ซึ่งเป็นการแก้ไขปัญหาสำคัญของประเทศที่มีเด็กช้างเผือก จำนวนมากกว่า 20,000 คน ที่หลุดออกจากระบบการศึกษาหลังสำเร็จการศึกษาภาคบังคับ
ทั้งนี้ รัฐบาลตั้งเป้ามอบทุนรวม 7,200 ทุน ในช่วงปีงบประมาณ 2568 – 2576 แบ่งออกเป็น 3 ประเภท ได้แก่
- ทุนระดับมัธยมปลาย/ปวช. ในประเทศ จำนวน 4,800 ทุน ดำเนินการโดย กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.)
- ทุนระดับ ปวส. และปริญญาตรีในต่างประเทศ จำนวน 200 ทุน ดำเนินการโดย สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (สำนักงาน ก.พ.) โดยมีประเทศปลายทาง ได้แก่ สหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร และออสเตรเลีย
- ทุนระดับปริญญาตรีในประเทศ จำนวน 2,200 ทุน ดำเนินการโดย สำนักงานปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สป.อว.) ผ่านระบบ TCAS
โดยจำกัดรายได้เฉลี่ยของครัวเรือน ไม่เกิน 12,000 บาท/คน/เดือน และเงื่อนไขการชดใช้ทุนสำหรับ
ทุนการศึกษาระดับ ปวส. ต่างประเทศ และปริญญาตรี ทั้งในประเทศและต่างประเทศคือ เมื่อสำเร็จการศึกษาแล้วจะต้องทำงานในประเทศไทย โดยสามารถเลือกปฏิบัติงานได้ทั้งหน่วยงานของรัฐหรือเอกชน
รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ฝ่ายการเมือง กล่าวว่า โครงการ ODOS เคยดำเนินการมาแล้วในอดีตและแม้จะมีเป้าหมายที่ดี แต่ก็พบปัญหาและอุปสรรคหลายประการ อาทิ การคัดเลือกผู้รับทุนที่ไม่ตรงกับกลุ่มเป้าหมายที่ขาดโอกาสจริง นักเรียนขาดการเตรียมความพร้อมด้านภาษาและสุขภาพจิต ทำให้ไม่สามารถปรับตัวกับการเรียนและการใช้ชีวิตในต่างประเทศได้และขาดระบบติดตามที่ต่อเนื่อง และข้อผูกพันในการกลับมาทำงานเพื่อพัฒนาประเทศอย่างชัดเจน ในการกลับมาของโครงการครั้งนี้ ได้เรียนรู้จากบทเรียนเหล่านั้นและออกแบบโครงการใหม่ให้รอบคอบและครอบคลุมมากขึ้น ทั้งในเรื่องเกณฑ์คัดเลือกที่โปร่งใส การเตรียมความพร้อมด้านภาษาและทักษะชีวิต ระบบดูแลระหว่างศึกษา รวมถึงข้อผูกพันที่ชัดเจนในการกลับมาทำงานในประเทศไทย โดยเฉพาะในภูมิภาค เชื่อมั่นว่าโครงการ ODOS รุ่นใหม่นี้ จะเป็น “สะพานของโอกาส”ที่พาเด็กช้างเผือก เดินข้ามความเหลื่อมล้ำทางการศึกษาไปสู่การเป็นพลเมืองที่มีคุณภาพของประเทศ
ด้าน ดร.ไกรยส ภัทราวาท ผู้จัดการ กสศ. กล่าวว่า โครงการทุน ODOS เป็นการทำงานร่วมกันระหว่างกระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม สำนักงาน ก.พ. และ กสศ. ซึ่งจะนำรูปแบบการทำงานในอดีตมาปรับปรุงพัฒนาในโครงการนี้อย่างรัดกุมทุกมิติ สำหรับเกณฑ์การพิจารณาในรุ่นที่ 1 ที่ประชุมคณะอนุกรรมการกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการสรรหาและคัดเลือกผู้รับทุนการศึกษาเพื่อขยายโอกาสและพัฒนาประเทศการคัดเลือกผู้มีสิทธิรับทุนการศึกษา เมื่อวันที่ 6 มิถุนายน 2568 ได้เห็นชอบให้นักเรียนจากครัวเรือนยากจนและยากจนพิเศษ ได้รับการพิจารณาเป็นลำดับแรก แต่หากโรงเรียนใดไม่มีนักเรียนในกลุ่มดังกล่าว จึงจะพิจารณานักเรียนจากครัวเรือนที่มีรายได้เกินเกณฑ์ตามลำดับ นอกจากนี้ต้องเป็นนักเรียนที่มีเกรดเฉลี่ยสะสม 3.00 ขึ้นไป มีความประพฤติดี มีสุขภาพสมบูรณ์ ทั้งกายและจิตใจ ที่สำคัญคือผู้ปกครองยินยอมให้นักเรียนที่ได้รับทุนเดินทางไปศึกษาต่อได้ทั้งในและต่างประเทศ
ทั้งนี้ สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) และกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น (สถ.) ได้จัดทำบัญชีรายชื่อสถานศึกษาที่มีความพร้อมในการจัดการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ เทคโนโลยีและสิ่งแวดล้อม (SMTE) ด้าน STEM และภาษาอังกฤษ ครบจำนวน 602 แห่ง โดยสถานศึกษาตามบัญชีนี้ สามารถเสนอชื่อนักเรียนของแต่ละแห่งได้ไม่เกิน 2 คน
สำหรับรายชื่อนักเรียนที่ได้รับทุน ODOS รุ่นแรก จะมีการประกาศในเดือนกันยายน 2568 โดยจะมีนักเรียนจำนวน 100 คนที่ได้รับคัดเลือกให้ไปศึกษาต่อยัง 3 ประเทศ ได้แก่ สหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร และออสเตรเลีย โดยเฉพาะในกรณีของประเทศออสเตรเลียจะเน้นสำหรับเด็กสายอาชีพ ส่วนเด็กสาย STEM+ จะถูกส่งไปศึกษาต่อที่สหรัฐอเมริกาและสหราชอาณาจักร ส่วนผู้ที่ไม่ผ่านการคัดเลือกให้ไปศึกษาต่อต่างประเทศจะยังคงได้รับโอกาสทางการศึกษาโดยจะได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) รวมถึงจากสลากการกุศล เพื่อให้สามารถศึกษาต่อในสาขา STEM กับมหาวิทยาลัยชั้นนำของประเทศไทยได้
ดร.ไกรยส ระบุว่า ทุน ODOS ของรัฐบาลจะเป็นส่วนหนึ่งของมาตรการที่ช่วยปิดช่องว่างสำคัญในเส้นทางการศึกษาของเด็กยากจน จากรายงานความเหลื่อมล้ำทางการศึกษาของ กสศ. พบว่า ในปีการศึกษา 2567 มีนักเรียนยากจนและนักเรียนยากจนพิเศษ จำนวนเพียง 22,345 คน จากนักเรียนทั้งหมด 165,585 คน หรือคิดเป็น 13.49% เท่านั้น ที่สามารถคงอยู่ในระบบการศึกษาจนสามารถเข้าศึกษาต่อในระดับอุดมศึกษาได้ ซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ยอัตราการเรียนต่อระดับอุดมศึกษาของประชากรไทยกว่า 2 เท่า นี่คือโจทย์สำคัญที่ กสศ. ร่วมมือกับหน่วยงานต่างๆ ผลักดันการสร้างหลักประกันโอกาสทางการศึกษาให้เด็กเยาวชนตลอด 20 ปี จากปฐมวัยถึงมีงานทำผ่านการบูรณาการข้อมูลรายบุคคลเพื่อให้เกิดการค้นหาเด็กช้างเผือก รับทุน ODOS รอบ 1 ครอบคลุม 602 สถานศึกษาสาย STEM เสนอชื่อภายใน 4 กรกฎาคม 2568 เพิ่มโอกาสลดเหลื่อมล้ำทางการศึกษา ช่วยเด็กเก่งแต่ขาดโอกาส
ทุน ODOS เปิดรับสมัคร ตั้งแต่วันที่ 10 มิถุนายน – 4 กรกฎาคม 2568 ทางเว็บไซต์ของ กสศ. www.uat-scholarshipreg.eef.or.th สามารถโทรสอบถามเพิ่มเติมได้ที่เบอร์ 02-0795457 ต่อ 11 ไม่เว้นวันหยุดราชการ