นายคารม พลพรกลาง รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลโดยกระทรวงแรงงาน ร่วมบูรณาการกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งดำเนินมาตรการปราบปรามแรงงานต่างชาติที่ลักลอบเข้ามาทำงานโดยไม่มีใบอนุญาตอย่างเข้มข้นและต่อเนื่อง เพื่อปกป้องสิทธิของแรงงานไทยและรักษาเสถียรภาพของตลาดแรงงานในประเทศ
ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2567 ถึง 18 เมษายน 2568 ได้มีการตรวจสอบสถานประกอบการทั่วประเทศแล้วกว่า 38,734 แห่ง พบสถานประกอบการที่กระทำผิด 1,329 แห่ง และตรวจสอบแรงงานต่างชาติรวม 523,706 คน แยกเป็นสัญชาติเมียนมา 398,493 คน กัมพูชา 70,371 คน ลาว 32,983 คน จีน 9,189 คน เวียดนาม 522 คน และสัญชาติอื่น ๆ 12,148 คน โดยได้ดำเนินคดีแรงงานต่างชาติแล้วทั้งสิ้น 2,575 ราย
ในจำนวนนี้ มีแรงงานต่างชาติ 883 ราย ถูกดำเนินคดีจากการประกอบอาชีพต้องห้าม เช่น งานเร่ขายสินค้า งานตัดผม งานขับขี่ยานพาหนะ และงานนวด รวมถึงกรณีทำงานนอกเหนือจากที่กฎหมายอนุญาต เช่น งานขายของหน้าร้าน งานช่างก่อสร้างและงานกรรมกร
รัฐบาลย้ำเตือนว่า แรงงานต่างชาติที่ไม่มีใบอนุญาต หรือทำงานผิดเงื่อนไข มีโทษปรับตั้งแต่ 5,000–50,000 บาท และถูกส่งกลับประเทศ รวมถึงถูกห้ามขอใบอนุญาตทำงานเป็นเวลา 2 ปี ขณะที่นายจ้างที่รับแรงงานต่างชาติผิดกฎหมาย จะถูกปรับตั้งแต่ 10,000–100,000 บาทต่อคน หากทำผิดซ้ำ มีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับตั้งแต่ 50,000–200,000 บาท และห้ามจ้างแรงงานต่างด้าวอีกเป็นเวลา 3 ปี
ทั้งนี้ หากประชาชนพบเห็นการจ้างแรงงานต่างด้าวโดยผิดกฎหมาย สามารถแจ้งเบาะแสได้ที่ กองทะเบียนจัดหางานกลางและคุ้มครองคนหางาน โทร. 02 354 1729 สำนักงานจัดหางานกรุงเทพมหานครพื้นที่ 1–10 และสำนักงานจัดหางานจังหวัด สายด่วนกระทรวงแรงงาน 1506 กด 2 หรือสายด่วนกรมการจัดหางาน 1694