นายพงศ์พล ยอดเมืองเจริญ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมและโฆษกกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่ากระทรวงอุตสาหกรรมนำโดยนายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เตรียมเปิดตัว “มอก.วอทช์” ระบบอัจฉริยะที่ใช้ (Artificial Intelligence : AI) ตรวจสอบสินค้าไม่ได้มาตรฐานบนแพลตฟอร์มออนไลน์ทุกช่องทางครอบคลุมการตรวจสอบนับแสนรายการ พร้อมขยายภารกิจ “ทีมสุดซอย” สู่โลกออนไลน์อย่างเต็มรูปแบบ เพื่อปกป้องผู้บริโภคและแก้ไขปัญหาสินค้าข้ามชาติ ไร้คุณภาพทะลักที่กำลังส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมไทย
นายพงศ์พล ได้อ้างอิงรายงานสถานการณ์การทะลักเข้ามาของสินค้าข้ามชาติของสภาอุตสาหกรรมที่ระบุว่าสถานการณ์การทะลักเข้าของสินค้าข้ามชาติมีจำนวนมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง และส่วนมากเป็นสินค้าไม่ได้มาตรฐาน ไม่มีคุณภาพ ส่งผลกระทบอย่างมากต่อผู้ประกอบการและผู้ผลิตไทย ทั้งในเรื่องของการแข่งขันด้านราคา การละเมิดลิขสิทธิ์ และลักลอบนำเข้ามาสวมสิทธิ์ในการส่งออก ซึ่งปัจจุบันได้เกิดปัญหานี้ในสินค้าทุกชนิด เกิดผลกระทบต่อภาคเศรษฐกิจและภาคอุตสาหกรรมไทยอย่างรุนแรง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เล็งเห็นถึงความปลอดภัยของประชาชนเป็นสำคัญ และด้วยข้อจำกัดของจำนวนเจ้าหน้าที่จึงได้มอบหมายให้คณะกรรมการเทคโนโลยีและนวัตกรรมเพื่อปฏิรูปอุตสาหกรรม นำโดยนายพงศ์พล ยอดเมืองเจริญ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ดำเนินการปราบปรามและป้องกันสินค้าไม่ได้มาตรฐาน โดยใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมเพื่อสนับสนุนการทำงานของกระทรวงอุตสาหกรรมให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
โดยคณะกรรมการเทคโนโลยีและนวัตกรรมฯ ได้พิสูจน์ผลงานมาแล้วจากความสำเร็จของระบบ “แจ้งอุต” ช่องทางออนไลน์ ร้องเรียนภาคอุตสาหกรรมเพื่อประชาชนได้รับความนิยมอย่างสูงสุด และตลอด 5 เดือนที่ผ่านมาคณะกรรมการเทคโนโลยีและนวัตกรรมฯ เดินหน้าพัฒนาระบบที่ป้องกันผู้บริโภคจากสินค้าไม่ได้มาตรฐานที่เรียกว่า “มอก.วอทช์” ซึ่งได้ใช้กลไกในการพัฒนาเวอร์ชันแรกในการตรวจจับสินค้าที่ไม่ได้ มอก. โดยใช้ “บอทอัตโนมัติ” แทนมนุษย์ในการเข้าไปตรวจสอบข้อมูลสินค้าบนหน้าเว็บไซต์จำหน่ายสินค้าออนไลน์ ที่ใช้เทคโนโลยี AI จับ Keyword หรือรูปภาพ เปรียบเทียบข้อมูลในระบบของ มอก. พร้อมรวบรวมลิงก์ที่ผิด พ.ร.บ. มอก. ซึ่งในระยะเวลา 5 เดือนที่ผ่านมา AI “มอก.วอทช์” ได้ตรวจจับและรวบรวมรายการที่เข้าข่ายไม่ได้มาตรฐานแล้วกว่า 98,756 รายการ แสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพของระบบคัดกรองสินค้าที่อาจเป็นอันตรายต่อผู้บริโภคอย่างชัดเจน
จากข้อมูลและการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่า สินค้าไม่มี มอก. และถูกฝ่าฝืนมากที่สุด 3 อันดับแรกได้แก่ 1. กลุ่มพลาสติกสัมผัสอาหาร 2. กลุ่มของเล่นเด็ก 3. กลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้า สินค้า 3 กลุ่มนี้ล้วนเป็นสินค้าที่ต้องมี มอก. บังคับใช้ตามกฎหมายอย่างชัดเจน เพื่อรับประกันคุณภาพและความปลอดภัยของประชาชนทุกคน ตอกย้ำความจำเป็นของระบบ “มอก.วอทช์” ในการเข้ามาจัดการปัญหานี้ แม้จะไม่มีงบประมาณสนับสนุนสำหรับระบบ “มอก.วอทช์” ต้องขอขอบคุณผู้บริหารและเจ้าหน้าที่กระทรวงอุตสาหกรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่งคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence : AI) ตรวจจับสินค้าไม่ได้มาตรฐานอุตสาหกรรม นำโดยสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) ที่มุ่งมั่น ทุ่มเท และได้ร่วมกันผลักดันการทำงานอย่างไม่ย่อท้อ
นางสาวศศิกานต์ วัฒนะจันทร์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาล โดยกระทรวงอุตสาหกรรม เดินหน้าผลักดันมาตรการเชิงรุกในการคุ้มครองผู้บริโภคและสนับสนุนผู้ประกอบการไทยได้เปิดตัวระบบตรวจสอบสินค้าออนไลน์อัจฉริยะ “มอก.วอทช์ (MOT WATCH)” เพื่อเป็นเครื่องมือสำคัญในการคัดกรองสินค้าไม่ได้มาตรฐานจากโลกออนไลน์ ระบบ “มอก.วอทช์” ใช้เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) และบอทอัตโนมัติ สแกนหน้าเว็บไซต์จำหน่ายสินค้าออนไลน์แบบครอบคลุมทุกแพลตฟอร์มทั้งในและต่างประเทศ เพื่อตรวจจับสินค้าที่ฝ่าฝืนกฎหมาย ไม่ผ่านมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (มอก.)
นางสาวศศิกานต์ ระบุว่า มาตรการ ‘มอก.วอทช์’ ไม่ใช่เพียงนโยบายชั่วคราว แต่คือการปักหมุด แนวป้องกันเชิงรุก เพื่อยกระดับความปลอดภัยของผู้บริโภค สนับสนุนผู้ประกอบการไทย และสร้างสภาพแวดล้อมทางการค้าออนไลน์ที่โปร่งใสและเป็นธรรม มอก.วอทช์ คือจุดเริ่มต้นของการใช้เทคโนโลยี เพื่อสร้างแนวป้องกันใหม่ให้กับเศรษฐกิจไทย และยืนยันว่าประเทศไทยจะไม่เป็นตลาดสำหรับสินค้าที่ไร้มาตรฐานอีกต่อไป ขอให้ประชาชนมั่นใจว่า ทุกมาตรการของรัฐทำเพื่อประโยชน์สูงสุดของคนไทยทุกคน”
นอกจากนี้ รัฐบาลยังขอความร่วมมือจากประชาชนทุกคน หากพบเห็นสินค้าน่าสงสัยหรืออาจไม่ได้มาตรฐานสามารถแจ้งเบาะแสผ่านช่องทาง “แจ้งอุต” หรือไลน์ไอดี “traffyfondue” เลือกไปยัง “แจ้งอุต” โดยเมื่อได้รับแจ้งกระทรวงอุตสาหกรรมจะส่งทีมสุดซอยลงดำเนินการทันที เพื่อร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการปกป้องความปลอดภัยของผู้บริโภคไทย
สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) รายงานว่า ณ วันที่ 10 มิถุนายน 2568 มีสินค้าควบคุมมาตรฐาน (มอก.) จำนวน 146 มาตรฐาน (รอมีผลแทนที่หรือบังคับใหม่ จำนวน 8 มาตรฐาน)
สำหรับบทลงโทษผู้ฝ่าฝืน ทำ นำเข้าสินค้าไม่ได้มาตรฐาน มีโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี ปรับไม่เกิน 2 ล้านบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ หากเป็นผู้ได้รับใบอนุญาตแต่ไม่แสดงเครื่องหมายมาตรฐานกับสินค้า มีโทษปรับไม่เกิน 3 แสนบาท ส่วนผู้โฆษณาและผู้จำหน่าย จำคุกไม่เกิน 6 เดือน มีโทษปรับไม่เกิน 5 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ หากพบว่าสินค้าไม่แสดงรายละเอียดสินค้า เครื่องหมายมาตรฐาน และ QR code จะเอาผิดทั้งผู้นำเข้า ผู้โฆษณาและผู้จำหน่ายขั้นเด็ดขาดโดยไม่มีการละเว้น