นายอนุกูล พฤกษานุศักดิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า จากการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและผันผวนของเศรษฐกิจโลกในปัจจุบัน ส่งผลให้หลายประเทศ รวมถึงประเทศไทย ต้องเผชิญกับความท้าทายจากสินค้าและธุรกิจต่างชาติที่ดำเนินการโดยไม่เป็นไปตามกฎหมาย สร้างผลกระทบต่อเศรษฐกิจ ความมั่นคงและสังคมในหลายด้าน
รัฐบาลได้สั่งการให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมขับเคลื่อนมาตรการแก้ไขปัญหาสินค้าและธุรกิจต่างประเทศที่ฝ่าฝืนกฎหมาย โดยกรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ ได้ร่วมมือกับกระทรวงมหาดไทยจัดตั้งคณะทำงานระดับจังหวัด เพื่อดำเนินการตรวจสอบ สืบสวน สอบสวน จับกุมและดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิด โดยเฉพาะกรณีธุรกิจนอมินี
ขณะนี้มีนิติบุคคลเป้าหมายที่อยู่ระหว่างการตรวจสอบแล้วกว่า 46,918 ราย และจากผลการดำเนินงานตั้งแต่เดือนกันยายน 2567 – พฤษภาคม 2568 หน่วยงานที่เกี่ยวข้องสามารถดำเนินคดีกับสินค้าผิดกฎหมายได้ถึง 57,739 คดี มูลค่าความเสียหายรวมกว่า 2,287 ล้านบาท
นอกจากนี้ ยังสามารถจัดเก็บภาษีจากสินค้านำเข้าที่มีมูลค่าต่ำกว่า 1,500 บาท ได้ถึง 1,875 ล้านบาท รวมถึงการใช้มาตรการ Notice and Takedown เพื่อลบรายการสินค้าผิดกฎหมายออกจากระบบออนไลน์แล้ว กว่า 14,976 รายการ และมีการดำเนินคดีกับธุรกิจนอมินีแล้ว 861 ราย มูลค่าความเสียหายรวมกว่า 15,296 ล้านบาท
รัฐบาลยังคงเดินหน้าดำเนินมาตรการเชิงรุกอย่างต่อเนื่อง เพื่อรับมือกับสถานการณ์การทะลักของสินค้านำเข้าที่อาจเกิดจากการเปลี่ยนแปลงของมาตรการภาษีในต่างประเทศ โดยกระทรวงพาณิชย์ได้เร่งรัดกระบวนการไต่สวนมาตรการปกป้องและตอบโต้ทางการค้าให้แล้วเสร็จภายในไม่เกิน 1 ปี พร้อมทั้งประสานความร่วมมือกับภาคเอกชนในการติดตามสถานการณ์และพิจารณาใช้มาตรการเซฟการ์ด (Safeguard) อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อปกป้องตลาดในประเทศจากผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น
