นายถนอม อ่อนเกตุพล โฆษก COVID19 ประจำทำเนียบรัฐบาล ชี้แจง เรื่องหน้ากากอนามัยขาดแคลนว่า ประเทศไทย มี 11 โรงงานผลิตหน้ากากได้วันละ 1.2 ล้านชิ้นต่อวัน 36 ล้านชิ้นต่อเดือน คนไทยมีประมาณ 67 ล้านคน แสดงว่า 2 คน มีใช้ 1 คน1 ชิ้น ต่อเดือน
เดิมที่ไม่ขาดแคลน เพราะใช้เฉพาะคนป่วย คนกลุ่มเสี่ยงเท่านั้น และยังมีการนำเข้าอีก 20 ล้านชิ้นต่อเดือน
ปัจจุบัน จีนผู้ส่งออกไม่ส่งออกแล้ว เหลือที่นำเข้าได้ตอนนี้เพียง 1 ล้านชิ้นต่อเดือนเท่านั้น
- ล่าสุดกรมการค้าภายในส่ง เจ้าหน้าที่ทหารไปคุมโรงงานผลิตแล้วนำส่งตัวเลขการผลิตให้ศูนย์หน้ากากอนามัยที่ กระทรวงพาณิชย์ร่วมกับกระทรวงสาธารณสุข บริหารจัดสรรปันส่วน แบ่งเป็น
- 700,000 ชิ้นแรก จัดให้บุคลากรทางการแพทย์ทุกแห่ง ทั้งรัฐ เอกชน และผู้มีหน้าที่ให้เพียงพอ
- ส่วน 2,500,000 ชิ้น จัดให้บุคลากร องค์กรที่ต้องใช้ควบคุม ป้องกันการแพร่ระบาดของโรคให้พอ เช่น สายการบิน ตม. และกระจายไปภูมิภาค ผ่านร้านธงฟ้า รถธงฟ้า 111 คัน เป็นต้น และถ้าส่วนแรกไม่พอก็ให้นำส่วนของ 500,000 ชิ้นไปเติมให้ส่วนแรกให้เพียงพอก่อน
กรมการค้าภายในยอมรับว่า จัดสรรอย่างไรก็ไม่พอต่อความต้องการใช้ เพราะของมีจำกัด นำเข้าก็ไม่ได้
ส่วนทางแก้อีกทางหนึ่งสำหรับคนที่ไม่ป่วย คือ
✅✅ รัฐให้ งบฯ อปท. จำนวน 225 ล้านไปทำหน้ากากผ้าใช้เองในแต่ละพื้นที่ ทั้ง 7,774 อปท.ทั่วประเทศ จำนวน 50 ล้านชิ้น
✅✅ ให้ผู้ผลิตอุตสาหกรรมสิ่งทอฯ ทำหน้ากากผ้าแจกอีก 30 ล้านชิ้น
✅✅ ให้ อสม.ทำแจกใช้เองอีก 1.3 ล้านชิ้น เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนและปัญหาขาดแคลนไปก่อน
สำหรับการดูแลการกักตุนหน้ากากอนามัย และการจำหน่ายหน้ากากอนามัยเกินราคา ตามประกาศคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ (กกร.) หากกักตุนหน้ากากอนามัย จะมีความผิดตามกฎหมาย มีโทษจำคุก 7 ปี ปรับ 1.4 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และตั้งแต่วันจันทร์ที่ 9 มีนาคม 2563 เป็นต้นไป จะต้องจำหน่ายหน้ากากอนามัยในราคาชิ้นละ 2.50 บาท หากขายเกินราคาสูงสุดที่กำหนด จะมีโทษตามกฎหมาย คือ จำคุก 5 ปี ปรับ 1 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
