นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า จากสถานการณ์ความไม่สงบบริเวณชายแดนกัมพูชา ส่งผลให้มีการปิดด่านการค้าบางจุด ทำให้การกระจายผลไม้จากจังหวัดภาคตะวันออกที่ส่งออกไปยังประเทศเพื่อนบ้านชะลอลง โดยเฉพาะจุดผ่านแดนถาวรบ้านแหลม และบ้านผักกาด จังหวัดจันทบุรี แม้การซื้อขายภายในพื้นที่ยังคงดำเนินได้ตามปกติ แต่เพื่อไม่ให้เกษตรกรได้รับผลกระทบ กระทรวงพาณิชย์จึงได้มอบหมายให้กรมการค้าภายในลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และเร่งผลักดันการระบายผลผลิตภายในประเทศทันที
นายพิชัย กล่าวว่า ขณะนี้กรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ได้ร่วมกับหน่วยงานและภาคเอกชนต่างๆ เร่งกระจายผลไม้จากภาคตะวันออก โดยเฉพาะมังคุดและทุเรียน ซึ่งอยู่ในช่วงปลายฤดูกาลเก็บเกี่ยว คาดว่าผลผลิตจะหมดภายในสิ้นเดือนมิถุนายน โดยตั้งเป้าระบายผลไม้ จำนวน 3,000 ตัน ทั้งผ่านห้างค้าปลีกขนาดใหญ่ ในเครือ ซีพี แอ็กซ์ตร้า จำกัด (มหาชน) ที่ได้ซื้อมังคุดคัดเกรดขนาดกลางจำนวน 1,000 ตัน เพื่อนำไปจำหน่ายในแม็คโครและโลตัสทั่วประเทศ รวมถึงห้าง GO WHOLESALE ที่เตรียมเข้ามารับซื้อเพิ่มเติม
นอกจากนี้ ยังมีความร่วมมือจากสมาคมธนาคาร สำนักงานตำรวจแห่งชาติ บริษัท ไทยแอร์เอเชีย จำกัด ในการร่วมรับซื้อผลไม้ไทยเพื่อนำไปจัดทำเป็นอาหารเพื่อจำหน่ายบนสายการบินของไทยแอร์เอเชีย อีกจำนวน 1,000 ตัน รวมถึงเครือข่ายห้างค้าปลีกท้องถิ่นทั่วประเทศ โดยกรมการค้าภายในจะจัดกิจกรรม “Thai Fruits Festival” ภายในงาน Phuket City Pride 2025 ในช่วงปลายเดือนมิถุนายนนี้ ณ จังหวัดภูเก็ต เพื่อผลักดันการบริโภคผลไม้ไทยคุณภาพในประเทศ
นายพิชัย ระบุว่า นอกจากพันธมิตรที่จะมาช่วยรับซื้อผลไม้แล้ว ยังมีการสนับสนุนในเรื่องของการจัดส่ง ได้แก่ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด ในการช่วยเหลือค่าจัดส่งสำหรับการซื้อขายผลไม้ผ่านออนไลน์ โดยสามารถส่งฟรีที่ไปรษณีย์ไทยได้ทุกสาขา ทั้งนี้ กรมการค้าภายในได้ตั้งเป้าปริมาณผลไม้ที่จะกระจายผ่านช่องทางไปรษณีย์อีกถึง 3,000 ตัน และขณะนี้ได้รับความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ทั้งหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และที่สำคัญคือพี่น้องประชาชนที่ช่วยกันอุดหนุนผลไม้ไทยอย่างต่อเนื่อง จึงมั่นใจว่าผลผลิตผลไม้ภาคตะวันออกในช่วงปลายฤดูนี้จะสามารถระบายได้หมดและขอให้เกษตรกรมั่นใจว่า รัฐบาลโดยการนำของ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และกระทรวงพาณิชย์ จะอยู่เคียงข้างในการดูแลราคาและตลาดอย่างต่อเนื่อง
นายวิทยากร มณีเนตร อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่า ปีนี้ประเทศไทยมีปริมาณผลผลิตผลไม้เพิ่มขึ้นจากปีก่อนประมาณร้อยละ 17 โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคตะวันออก เช่น มังคุดและเงาะ ซึ่งกำลังเข้าสู่ช่วงปลายฤดูผลผลิต อย่างไรก็ตาม จากสถานการณ์การปิดด่านของประเทศเพื่อนบ้าน สร้างความกังวลในการขายผลไม้ในจังหวัดภาคตะวันออกของไทย กรมการค้าภายในจึงได้เร่งประสานความร่วมมือกับพันธมิตรทุกภาคส่วนในการช่วยกันกระจายผลผลิตในพื้นที่ออกไปจำหน่ายในจังหวัดต่างๆ ทั่วประเทศ
สำหรับกิจกรรมในครั้งนี้ กรมการค้าภายในจับมือร่วมกับ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด ที่มีระบบขนส่งที่มีประสิทธิภาพครอบคลุมทั่วประเทศ และสามารถกระจายผลผลิตของเกษตรกรได้รวดเร็วและทั่วถึง
ด้วยปัจจุบันการจำหน่ายผลไม้ในช่องทางออนไลน์ หรือการส่งผลไม้เป็นของฝากของขวัญ ต้องใช้บริการจัดส่งแบบรวดเร็วเพื่อคงความสดใหม่ของผลไม้ไปสู่ผู้บริโภคในประเทศ และช่วยบรรเทาภาระของเกษตรกรในการนำผลผลิตออกจากแหล่งผลิต รวมถึงประชาชนไม่ต้องกังวลเรื่องผลไม้ตกค้าง โดยทางกรมการค้าภายในได้จัดเตรียม “#บรรจุภัณฑ์ผลไม้ DIT” ซึ่งประกอบด้วยกล่องขนาด 10 กิโลกรัม จำนวน 188,000 กล่อง และตะกร้าขนาด 5 กิโลกรัม จำนวน 50,000 ตะกร้า รวมทั้งสิ้น 238,000 ชิ้น เพื่อช่วยลดต้นทุนการจัดส่งให้แก่เกษตรกรและผู้ประกอบการที่ขายผลไม้ทางออนไลน์ โดยจะเริ่มทยอยกระจายไปยังสำนักงานพาณิชย์จังหวัดทั่วประเทศ โดยเกษตรกรและผู้ที่เกี่ยวข้องสามารถติดต่อขอรับกล่องและตะกร้าดังกล่าวได้ที่สำนักงานพาณิชย์จังหวัดในพื้นที่ เป้าหมายของโครงการนี้คือกระจายผลไม้สำคัญของประเทศ เช่น ทุเรียน มังคุด ลำไย ลองกอง เงาะ และมะม่วง ให้ได้ไม่น้อยกว่า 3,000 ตัน ทั้งนี้ กรมฯ ขอความร่วมมือให้ใช้บรรจุภัณฑ์เหล่านี้สำหรับบรรจุเฉพาะผลไม้ไทย เพื่อสนับสนุนภารกิจช่วยเหลือเกษตรกรตามวัตถุประสงค์ของการร่วมมือกันในครั้งนี้
ด้านบริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด มีความยินดีที่ได้ร่วมเป็นพันธมิตรกับกรมการค้าภายในเพื่อผลักดันผลไม้ไทยสู่ผู้บริโภค โดยมีความพร้อมอย่างเต็มที่ในการให้บริการจัดส่งสินค้าจากสวนถึงปลายทางทั่วประเทศอย่างรวดเร็ว ปลอดภัย และตรงเวลา
นอกจากนี้ กรมการค้าภายในยังได้วางแผนจัดกิจกรรม “Thai Fruits Festival 2025” ในช่วงเดือนกรกฎาคม เพื่อต้อนรับเทศกาลผลไม้จากภาคใต้ อาทิ ทุเรียน มังคุด เงาะ ลองกอง และผลไม้ประจำภาค อย่างจำปาดะ สละ รวมถึงผลไม้จากภาคเหนือ ได้แก่ ลำไย ลิ้นจี่ และส้ม เพื่อส่งเสริมให้เกิดการรับรู้ว่า ผลไม้ไทยมีอีกหลายชนิด โดยมุ่งเน้นที่คนเมืองอย่างกรุงเทพและปริมณฑลเพื่อกระตุ้นการบริโภคในประเทศและสร้างช่องทางการตลาดเพิ่มเติมให้แก่เกษตรกร
นายวิทยากร ระบุว่า กรมการค้าภายในขอขอบคุณพี่น้องประชาชนที่ให้การสนับสนุนเกษตรกรไทยอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นการติดต่อผ่าน Facebook หรือโทรศัพท์เข้ามาแสดงความห่วงใย และพร้อมร่วมมือกับทุกฝ่ายในการช่วยเหลือเกษตรกรไทยในช่วงที่มีผลผลิตปริมาณเยอะ ภายใต้แนวคิด “เกษตรกรปลูกด้วยใจ คนไทยกินด้วยความรัก” ซึ่งสะท้อนถึงคุณค่าของผลไม้ไทยที่มีคุณภาพ ไม่แพ้ชาติใดในโลก ประชาชนที่สนใจข้อมูลเพิ่มเติมสามารถติดต่อได้ที่สำนักงานพาณิชย์จังหวัดใกล้บ้าน หรือทาง Facebook กรมการค้าภายใน DIT หรือสายด่วน 1569