เปิดเส้นทาง L-U-C-K สายที่ 2 เช็คอินถิ่นอีสาน ‘อุดรธานี มีดี’ ชมแหล่งผลิตภัณฑ์ ‘มีดี’ เมืองมรดกโลก

นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า กรมพัฒนาธุรกิจการค้า ดำเนินกิจกรรมเปิดเส้นทาง L-U-C-K ถือเป็นโครงการสำคัญที่มุ่งส่งเสริม Soft Power ผลิตภัณฑ์ชุมชนไทย ผ่านเรื่องราวความ ‘มีดี’ ของชุมชนแต่ละพื้นที่ ที่มีเสน่ห์และอัตลักษณ์ชุมชนที่โดดเด่น พร้อมนำจุดเด่นของแต่ละพื้นที่ ไม่ว่าจะเป็นวัฒนธรรม วิถีชีวิต ทรัพยากรธรรมชาติ รวมถึงภูมิปัญญาของชุมชนที่สะท้อนเอกลักษณ์ความเป็นไทยอย่างชัดเจน มาเป็นจุดเชื่อมโยงตลาด ต่อยอดขยายโอกาสทางการค้าทั้งในและต่างประเทศ รวมทั้งให้ความสำคัญกับการสร้างแบรนด์ของผลิตภัณฑ์ชุมชนไทยผ่านแคมเปญ ‘Thailand Brand’

การเดินทางลงพื้นที่ครั้งนี้คือ เส้นทาง L-U-C-K สายที่ 2 ‘อุดรธานี มีดี’ ซึ่งเป็นเมืองศูนย์กลางเศรษฐกิจการค้า การลงทุนและการคมนาคมที่ทันสมัยของภาคอีสาน จึงเป็นเป้าหมายสำคัญที่จะผลักดันผลิตภัณฑ์ชุมชนในถิ่นภาคอีสานให้เป็นที่รู้จักและเข้าถึงผู้บริโภคได้มากยิ่งขึ้น ทั้งนี้ จังหวัดอุดรธานี เป็นเมืองเสน่ห์สองมรดกโลกทางวัฒนธรรม คือ แหล่งโบราณคดีบ้านเชียง และอุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาท รวมถึงมีผลิตภัณฑ์ชุมชนที่สะท้อนถึงอัตลักษณ์ของท้องถิ่นที่ถ่ายทอดเรื่องราวจากอดีตสู่อนาคตได้อย่างงดงาม โดยกรมฯ ได้ลงพื้นที่ไปยัง 5 ชุมชนที่เป็นผู้ผลิตภัณฑ์ชุมชนที่สืบทอดวิถีชีวิตและภูมิปัญญามาแต่โบราณ

เริ่มต้นที่ 1) พาลิ้มรสวิถีพื้นถิ่น ‘ไทหอม ข้าวตอกคั่วกะทิ’ ตำบลหมูม่น อำเภอเมืองอุดรธานี ขนมอัตลักษณ์ชาติพันธุ์ลุ่มน้ำโขง ที่ได้อนุรักษ์รสชาติดั้งเดิมของ ‘ข้าวตอกแตก’ ผสานนวัตกรรมการผลิตเพื่อคงคุณค่าโภชนาการและดีต่อสุขภาพ ให้ความหอม กรอบ อร่อย ต่อด้วยงานหัตถศิลป์เส้นใยสร้างสรรค์ 

2) กลุ่มทอผ้าโบราณบ้านโนนกอก ตำบลหนองนาคำ อำเภอเมืองอุดรธานี กลุ่มทอผ้าที่สืบสานวิธีการทอผ้าหมี่ขิดดั้งเดิม อนุรักษ์ไว้ซึ่งความงดงามของลวดลายผ้า และลายนูนที่เป็นเอกลักษณ์ผ่านการทอด้วยกี่โบราณ ใช้สีธรรมชาติจากบัวแดงในพื้นถิ่น ที่เป็นเสน่ห์เฉพาะตัวของผ้าโบราณบ้านโนนกอก

จากนั้นไปชุมชนผู้ผลิตผ้าแบรนด์ไทยที่สร้างความภาคภูมิใจ 3) Hattra หัตราผ้าไทย ตำบลหมากแข้ง อำเภอเมืองอุดรธานี ที่มีดีไซน์ร่วมสมัย สวย สะดุดตา ด้วยภูมิปัญญาทอผ้าที่สืบทอดมากว่า 200 ปี ใช้เทคนิค ‘ขิด สะกิด ล้วง’ ต่อยอดพัฒนาเป็นผ้าทอ ‘ลายเบญจวิถี’ ตามเอกลักษณ์ของแบรนด์ที่ผ่านกระบวนการถึง 5 เทคนิคจนมาเป็นผ้า 1 ผืน ตั้งแต่เทคนิคการทอลายขัดพื้นฐาน การทอยกขิด การทอง้างฉลุ การกล่อมลายหางกระรอก และการย้อมสีธรรมชาติ ที่สำคัญยังชูแนวคิด Circular Design ใส่ใจสิ่งแวดล้อมเปลี่ยนเศษผ้าและเส้นใยเหลือใช้เป็นผ้าทอผืนใหม่ที่มีชีวิตและมีสไตล์เฉพาะตัว ชวนสัมผัสรัก…อัตลักษณ์ภูมิปัญญามรดกโลก

4) กลุ่มปั้นหม้อเขียนสี บ้านเชียง ตำบลบ้านเชียง อำเภอหนองหาน แหล่งมรดกโลกกว่า 5,000 ปี ที่สะท้อนความรุ่งเรืองของอารยธรรมเก่าแก่ผ่านทรัพยากรธรรมชาติที่ทรงคุณค่า ‘ดินดำบ้านเชียง’ ผสานกับนวัตกรรมและภูมิปัญญาจนกลายเป็นเครื่องปั้นดินเผาบ้านเชียงที่มีการออกแบบให้ใช้งานจริงได้ในชีวิตประจำวัน โดยลวดลายที่เป็นเอกลักษณ์คือ ‘ลายก้นหอย’ ลวดลายดั้งเดิมที่ผสมความร่วมสมัยได้อย่างกลมกลืน ที่สุดท้ายมาผ่อนคลายกับสปาธรรมชาติ

5) กุญณภัทร สปานาเกลือบ้านดุง ตำบลบ้านดุง อำเภอบ้านดุง เปิดประสบการณ์บำบัดแนวใหม่หนึ่งเดียวในภาคอีสาน จากใต้บ่อเกลือสู่เกลือสปา พัฒนาต่อยอดเป็นผลิตภัณฑ์สปา เส้นทางสุขภาพและความงามที่สวยครบจบจากธรรมชาติและไฮไลท์ของที่นี่ ไม่เพียงแค่มีดีเรื่องเกลือ แต่ยังมีบ่อน้ำร้อนธรรมชาติใต้บ่อเกลือที่อุดมด้วยแร่ธาตุธรรมชาติล้ำค่าอีกด้วย

อธิบดีอรมน กล่าวทิ้งท้าย เส้นทาง ‘มีดี’ จะไม่ใช่เพียงแค่ทางผ่าน แต่จะเป็นเส้นทางที่ช่วยชูเอกลักษณ์ภูมิปัญญาท้องถิ่นของไทย จนสามารถพัฒนาผลิตภัณฑ์ชุมชนควบคู่กับวัฒนธรรมท้องถิ่นให้กลายเป็น Soft Power หรือจุดแข็งในการขยายโอกาสทางการค้าของผลิตภัณฑ์ชุมชนไทย ขับเคลื่อนแบรนด์ของคนไทย สู่เศรษฐกิจฐานรากที่เข้มแข็งอย่างยั่งยืน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง