นายสรวงศ์ เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เป็นประธานในพิธีเปิดการแข่งขันมวยไทยอาชีพ รายการ Mother Land Of Muaythai “ศึกมาตุภูมิ” ประจำปี 2568 ณ เวทีมวยชั่วคราวสวนกาญจนาภิเษก ร.9 อำเภออรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว โดยมีนายจักรพรรดิ์ คล่องพยาบาล ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา นายสุรศักดิ์ เกิดจันทึก รองผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย นายปริญญา โพธิสัตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว นายกสมาคมกีฬาแห่งจังหวัดสระแก้ว รวมถึงประชาชนชาวจังหวัดสระแก้วที่มาร่วมงานอย่างคับคั่ง
นายสรวงศ์ กล่าวว่า กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาให้ความสำคัญกับการส่งเสริม “มวยไทย” ในฐานะ Soft Power ด้านวัฒนธรรมกีฬาและการท่องเที่ยวของประเทศไทย เพราะมวยไทยไม่ใช่เพียงแค่ศิลปะการต่อสู้ แต่เป็นรากเหง้าของภูมิปัญญา วิถีชีวิตและจิตวิญญาณของคนไทย การจัดการแข่งขันในระดับท้องถิ่นเช่นนี้ จึงถือเป็นส่วนสำคัญในการสร้างเวทีให้กับนักมวยรุ่นใหม่ได้แสดงศักยภาพ พัฒนาอย่างเป็นระบบ และต่อยอดสู่การแข่งขันในระดับนานาชาติในอนาคต การแข่งขันมวยไทยในครั้งนี้ยังมีบทบาทสำคัญในการกระตุ้นเศรษฐกิจในพื้นที่จังหวัดสระแก้วและพื้นที่ใกล้เคียง ไม่ว่าจะเป็น การสร้างรายได้จากการท่องเที่ยว การจ้างงานในท้องถิ่น หรือการกระจายรายได้จากภาคบริการและการค้าขาย พร้อมทั้งยังเป็นโอกาสในการใช้กีฬาเป็นเครื่องมือเชื่อมโยงการท่องเที่ยว ดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติให้เข้ามาสัมผัสเสน่ห์ของมวยไทย และท่องเที่ยวในจังหวัดที่มีความหลากหลายทางวัฒนธรรมและทรัพยากรธรรมชาติอย่างจังหวัดสระแก้ว
กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ยังคงมุ่งมั่นผลักดันมวยไทยในฐานะ Soft Power ที่สำคัญของชาติ พร้อมทั้งสนับสนุนการจัดกิจกรรมกีฬาในระดับท้องถิ่น เพื่อยกระดับสู่การพัฒนากีฬาและการท่องเที่ยวไทยอย่างยั่งยืนในอนาคต
นางสาวสุนันทา กังวาลกุลกิจ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) เปิดเผยว่า ได้จัดทำแผนโปรโมต Soft Power มวยไทย โดยแบ่งการผลักดันออกเป็น 3 ส่วนหลัก ได้แก่
- การส่งออกมวยไทย DITP จะร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐและเอกชน ในการผลักดันให้มวยไทยเป็นที่นิยมระดับโลกมากขึ้น อาทิ การขยายศูนย์ฝึกมวยไทยในต่างประเทศ ด้วยการสนับสนุนการเปิด Muay Thai Training Camp ในยุโรป ลาตินอเมริกา และอเมริกา จับมือกับโรงยิม MMA/Kickboxing ในต่างประเทศ เพื่อเพิ่มคลาสมวยไทย รวมไปถึงการสร้างลีกมวยไทยนานาชาติ การจัดแข่งขันมวยไทยระดับสากล เช่น Muay Thai World Series
“มีแผนจะไปเปิดตลาดมวยไทย รวมถึงสินค้าและบริการที่เกี่ยวข้อง เช่น เสื้อ กางเกง นวม น้ำมันมวย กระจับล่อเป้า ค่ายมวย และโรงเรียนสอนมวยไทย ในยุโรป 3 ประเทศ คือ เยอรมนี สเปน และเดนมาร์ก รวมถึงในภูมิภาคจีน ทั้งในเมืองหลักและเมืองรอง เช่น หนานหนิง ชิงต่าว เฉิงตู เซี่ยเหมิน กวางโจว โดยมีทั้งการจัดแสดงและจำหน่ายสินค้าและบริการ เจรจาธุรกิจ โชว์หรือแข่งขันชกมวยไทย ตั้งเป้าสร้างรายได้
แต่ละเมืองไม่ต่ำกว่า 10 ล้านบาท”
- การส่งออกสินค้าที่เกี่ยวข้องกับมวยไทย จะผลักดันการส่งออกสินค้า เช่น อุปกรณ์กีฬา เครื่องแต่งกาย อาหารเสริม และสินค้าที่เกี่ยวข้อง อาทิ การสนับสนุนแบรนด์ไทย เช่น Twins Fairtex แบรนด์รายเล็ก ให้ขยายตลาดไปยังยุโรป อเมริกา และเอเชีย การใช้แพลตฟอร์มออนไลน์ เช่น Amazon Shopee AliExpress เพื่อขายอุปกรณ์มวยไทย การสร้างแบรนด์สินค้าไทยผ่านมวยไทย โดยเสื้อผ้ามวยไทย เช่น กางเกงมวย เสื้อยืดลายไทย ผ่านการตลาดออนไลน์ รวมไปถึงการโปรโมตผลิตภัณฑ์อาหารเสริมไทย เช่น เครื่องดื่มเกลือแร่ อาหารเสริมโปรตีน โดยเชื่อมโยงกับนักกีฬามวยไทย
- การใช้ซอฟต์พาวเวอร์เพื่อผลักดันมวยไทยและสินค้าไทย จะดำเนินการผ่านภาพยนตร์ ซีรีส์ และเกม เพราะสามารถช่วยเพิ่มความนิยมมวยไทยและกระตุ้นการส่งออก อาทิ ดันมวยไทยเข้าสู่ฮอลลีวูดและซีรีส์ระดับโลก สนับสนุนการผลิตภาพยนตร์และซีรีส์เกี่ยวกับมวยไทย เช่น Ong Bak ใช้ Netflix Disney + Amazon Prime เป็นช่องทางเผยแพร่วัฒนธรรมมวยไทย การโปรโมตสินค้าไทยผ่านมวยไทย โดยให้นักกีฬามวยไทยเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ของสินค้าไทย รวมไปถึงการใช้เกมและอีสปอร์ตเป็นช่องทางใหม่ เพื่อผลักดันให้มีตัวละครมวยไทยในเกมดัง เช่น Tekken, Street Fighter, UFC 5 การสนับสนุนการแข่งขัน eSports ที่มีธีมมวยไทย เพื่อสร้างกระแสให้คนรุ่นใหม่
นายจักรพรรดิ์ คล่องพยาบาล ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ได้รับมอบหมายจาก นายสรวงศ์ เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ร่วมเป็นประธานในพิธีแถลงการจัดการแข่งขันวิ่งมาราธอนส่งเสริมการท่องเที่ยว รายการ “AMAZING THAILAND PATTAYA MARATHON 2025 Presented by MAMA” จะจัดขึ้นต่อเนื่องเป็นปีที่ 32 ในวันที่ 19-20 กรกฎาคม 2568 ณ เมืองพัทยา จังหวัดชลบุรี
นายจักรพรรดิ์ กล่าวว่า พัทยามาราธอนเป็นงานที่สอดรับกับนโยบายของรัฐบาลอย่างสมบูรณ์ ในการผลักดันให้เมืองพัทยา ซึ่งเป็นเมืองหลวงของเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ก้าวสู่การเป็น ‘เมืองกีฬา’ (Sport City) อย่างเต็มภาคภูมิ การจัดงานครั้งนี้ไม่เพียงแต่เป็น Flagship Event ของกระทรวงฯ แต่ยังเป็นต้นแบบความสำเร็จในการใช้กีฬาเป็นเครื่องมือขับเคลื่อนเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวที่สำคัญ โดยคาดว่าจะสร้างรายได้หมุนเวียนในพื้นที่มากกว่า 300-400 ล้านบาท ทางกระทรวงฯ จะนำโมเดลนี้ไปถอดบทเรียนเพื่อขยายผลสู่การจัดงานวิ่งมาราธอนอื่นๆ ทั่วประเทศต่อไป”
ด้าน นายปรเมศวร์ งามพิเชษฐ์ นายกเมืองพัทยา กล่าวด้วยว่า พัทยามาราธอน 2025 เติบโตสวนกระแสอย่างน่าทึ่ง คาดว่าจะมีเงินสะพัดแตะ 370 ล้านบาท เมืองพัทยามีความพร้อม 100% ในการต้อนรับนักวิ่งจาก 68 ประเทศทั่วโลกและผู้ติดตามรวมกว่า 53,000 คน ได้เตรียมการอำนวยความสะดวกและความปลอดภัยไว้อย่างเต็มที่ โดยจะมีการปิดถนน 100% ในเส้นทางแข่งขัน เพื่อยกระดับการจัดงานสู่มาตรฐานสากลอย่างแท้จริง
การแข่งขันครั้งประวัติศาสตร์นี้ ได้รับการรับรองมาตรฐานจากสมาคมกรีฑาโลก (World Athletics) และจะจัดขึ้น 2 วัน ครอบคลุม 4 ระยะทาง ดังนี้:
วันเสาร์ที่ 19 กรกฎาคม 2568:
• 10 กม. ปล่อยตัวเวลา 05.10 น.
• 4.5 กม. (Fun Run) ปล่อยตัวเวลา 06.25 น.
วันอาทิตย์ที่ 20 กรกฎาคม 2568:
• มาราธอน (42.195 กม.) ปล่อยตัวเวลา 03.30 น.
• ฮาล์ฟมาราธอน (21.1 กม.) ปล่อยตัวเวลา 05.10 น.
โดยทุกระยะการแข่งขันมีจุดปล่อยตัวและเส้นชัยอยู่ที่ เทอร์มินอล 21 พัทยา (พัทยาเหนือ) เส้นทางวิ่งจะผ่านแลนด์มาร์คสำคัญของเมืองพัทยาอย่างหลากหลาย ท้าทายด้วยลมทะเลและความร้อนสลับกับเส้นทางที่ราบและเนินตลอดเส้นทางถนนเลียบชายหาดพัทยา ถนนสุขุมวิท และหาดจอมเทียน ถือเป็นเส้นทางที่สวยงามและมีเอกลักษณ์ระดับโลก
ที่ปรึกษารัฐมนตรีฯ ระบุว่า ในปีนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา จะให้เกียรติมาร่วมวิ่งในระยะ 10 กม. ด้วย เพื่อสัมผัสบรรยากาศของงานวิ่งในตำนานด้วยตัวเอง ขอฝากพี่น้องสื่อมวลชนและนักวิ่งทุกท่านช่วยกัน ประชาสัมพันธ์การจัดงานในครั้งนี้ให้เป็นที่รู้จักในวงกว้าง เพื่อร่วมกันสร้างชื่อเสียงให้แก่ประเทศไทย”