นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงความคืบหน้าการปรับคณะรัฐมนตรี หรือ ครม. ว่า หลังจากนางสาวแพทองธาร นายกรัฐมนตรี ได้หารือกับหัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาลเมื่อวานนี้ คาดว่า การแต่งตั้ง ครม. น่าจะจบได้เร็วภายในสัปดาห์นี้
ส่วนการปรับ ครม. ในสัดส่วนของพรรคเพื่อไทยนั้น คาดว่า จะเป็นขั้นตอนหลังจากนี้ หลังจากมีความชัดเจนในสัดส่วนรัฐมนตรีของพรรคร่วมรัฐบาลเสร็จแล้ว แต่ยังไม่ทราบว่า พรรคเพื่อไทยจะได้เพิ่มอีกกี่ตำแหน่ง พร้อมย้ำว่า ขณะนี้ตนเองยังเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ยังไม่ถูกปลดออกและเป็นรองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง ซึ่งได้เพิ่มกระทรวงมหาดไทยมาให้กำกับดูแล
ส่วนที่มีกระแสข่าวว่า มีชื่อนายภูมิธรรม ไปทำหน้าที่ที่กระทรวงมหาดไทยนั้น นายภูมิธรรม กล่าวด้วยสีหน้ายิ้มแย้มว่า ตนเองโดนหลายกระทรวง กระทรวงมหาดไทยพึ่งมาเมื่อวาน ก่อนหน้านี้ก็ไปอยู่กระทรวงพาณิชย์ บางข่าวก็ให้อยู่ที่เดิม จึงยังไม่ชัดเจน ต้องรอให้นายกรัฐมนตรีสั่งการก่อน พร้อมย้ำว่า ตนเองรักทุกกระทรวง
ส่วนที่จะไปมอบนโยบายที่กระทรวงมหาดไทย ในฐานะที่กำกับดูแล จะถือโอกาสไปดูห้องทำงานด้วยเลยหรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า ไม่เกี่ยวกัน วันนี้ไปมอบนโยบายในฐานะที่กำกับดูแลกระทรวงมหาดไทย และมีการประชุมทั้งหมด ทั้งผู้ว่าราชการจังหวัดและนายอำเภอทั่วประเทศ จึงถือเป็นโอกาสดีได้ไปคุย เพราะต้องทำงานกับกระทรวงมหาดไทย ในฐานะรองนายกฯอยู่แล้ว
หากพรรคเพื่อไทยได้คุมกระทรวงมหาดไทยแล้ว จะทำผลงานได้ดีกว่ารอบที่แล้วหรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า กระทรวงมหาดไทยเป็นกระทรวงที่ต้องนำนโยบายของรัฐบาลทั้งหมดไปผลักดันให้เกิดขึ้น ที่ผ่านมากลไกตรงนี้ไม่สมบูรณ์และเป็นอุปสรรคต่อการทำงานมาก ดังนั้น ครั้งนี้เชื่อว่า พรรคเพื่อไทยจะสามารถนำนโยบายไปสู่ประชาชนได้อย่างเต็มที่ ไม่ว่าจะเป็นเศรษฐกิจฐานราก การปราบปรามยาเสพติดอย่างเข้มข้น การพัฒนา การปัญหาชายแดน ซึ่งที่ผ่านมานโยบายที่ค้างอยู่ยังเดินได้ไม่สุด จึงเป็นเหตุผลที่พรรคเพื่อไทยอยากได้กระทรวงนี้กลับมา เพื่อหวังว่า จะสามารถเดินหน้าได้อย่างเต็มที่ ซึ่งเชื่อมั่นจะทำได้ดีและเชื่อว่า 2 ปีหลังจากนี้ จะสามารถพลิกฟื้นนโยบายได้เยอะขึ้นและน่าจะดีมาก เพราะที่ผ่านมาผลักดันไม่ค่อยออก ซึ่งกลไกมหาดไทยเป็นกลไกสำคัญที่สุดที่ผลักดันนโยบายออกไป ในระดับจังหวัด อำเภอ หรือกลไกผู้ใหญ่บ้าน
นายภูมิธรรม ยังไม่กังวลว่าหลังจากนี้รัฐบาลจะเจอเรื่องนิติสงคราม แม้นายกรัฐมนตรีจะถูกยื่นฟ้องร้องคดีความอยู่ เพราะดูจากคดีที่มายื่นไม่มีเหตุผล หรือหลักฐานเพียงพอที่จะมาพูดได้และหลายประเด็นที่ยื่นมายังไม่เห็นหลักฐานเลย บางคดีที่ยื่นมาก็ไม่ใช่ความผิดโดยตรงของนายกรัฐมนตรี เวลาที่เหลือเป็นเวลาที่ต้องทำงาน นายกรัฐมนตรีต้องการความเป็นเอกภาพของคนไทยทั้งหมด ถ้าสามารถร่วมมือกันได้ เป็นเหตุผลหนึ่งที่พรรคร่วมรัฐบาลร่วมกันเดินหน้าต่อไป
ทั้งนี้ หากศาลรัฐธรรมนูญ มีคำสั่งให้นายกรัฐมนตรีหยุดปฏิบัติหน้าที่จะมีผลต่อการขับเคลื่อนรัฐบาล หรือจะซ้ำรอยกรณีนายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกรัฐมนตรีหรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า เป็นคนละเรื่อง ไม่ใช่แบบเดียวกับกรณีนายเศรษฐา คนละประเด็นกันและเรื่องนี้เป็นธรรมดาที่ สว. ต้องแก้เกี้ยว หรือต้องหาทางปกป้องตัวเอง ก็ถือเป็นสิทธิ์ แต่นายกรัฐมนตรีก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร ก็ฟ้องกันไปและไม่อยากใช้คำว่า นิติสงคราม เพราะไม่ได้รบกัน ซึ่งรัฐบาลก็ชี้แจงไปตามข้อเท็จจริง พร้อมมั่นใจในเสถียรภาพรัฐบาล 100% เดินได้อย่างแข็งแรง หลังปรับ ครม. ภายในอาทิตย์นี้เสร็จเรียบร้อย ก็จะเห็นการทำงานในมิติใหม่ที่ต่างไปจากเดิม
ส่วนการปรับ ครม.ครั้งนี้ มีรายชื่อนายพลมาเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม นายภูมิธรรม ถามกลับว่า จะมาแทนตนเองหรือ ก่อนจะกล่าวต่อว่า ในส่วนของพรรคเพื่อไทย ไม่ได้มีปัญหาแต่อย่างใด ซึ่งตั้งแต่ที่ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกลาโหม ก็ได้พูดคุยกับนายกรัฐมนตรีว่าจะดึงทหารเข้ามาช่วยเพิ่มขึ้น พร้อมย้ำว่า อยากได้ทีมงานที่ทำให้งานแข็งแรงขึ้นและตอนนี้ยังไม่ได้ตั้งที่ปรึกษา หรือผู้ช่วยรัฐมนตรีเลย