นายกฯ แถลงผลสกัดจับยาเสพติดล็อตใหญ่กว่า 2 ตัน ย้ำบูรณาการทุกภาคส่วนจริงจังแก้ปัญหายาเสพติด

นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการแถลงข่าวผลการปฏิบัติการสกัดกั้นและจับกุมขบวนการลำเลียงยาเสพติดเพื่อเตรียมส่งออกไปยังประเทศที่สาม ที่กระทรวงยุติธรรม โดยมีพันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม (กำกับดูแลสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด) ให้การต้อนรับและพันตำรวจตรี ยุทธนา แพรดำ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ เป็นผู้บรรยายสรุปปฏิบัติการดังกล่าว

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การจับกุมครั้งนี้เป็นผลจากความร่วมมือแบบบูรณาการของทุกภาคส่วน ตั้งแต่ผู้ให้ข้อมูลนำไปสู่การแจ้งเบาะแสและการวางแผนปฏิบัติการจนสามารถสกัดจับยาเสพติดล็อตใหญ่ได้สำเร็จ พร้อมขอบคุณเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายที่ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความทุ่มเทและอดทน

นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า วันนี้ถือเป็นนิมิตหมายที่ดีที่เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมยาเสพติดล็อตใหญ่ได้อีกครั้ง ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความจริงจังของรัฐบาลและทุกภาคส่วนในการแก้ไขปัญหายาเสพติดอย่างเป็นรูปธรรม ขณะนี้ทางกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) มีข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับผู้ที่อยู่เบื้องหลังขบวนการครั้งนี้ และเมื่อได้รับข้อมูลที่ครบถ้วน จะมีการแถลงรายละเอียดให้สื่อมวลชนและประชาชนรับทราบต่อไป

นายกรัฐมนตรี ยังระบุด้วยว่า หากปล่อยให้ยาเสพติดหลุดรอดไปได้ จะสร้างความเสียหายทั้งต่อประเทศและสังคมโลก เนื่องจากยาเสพติดเหล่านี้มีราคาสูงขึ้นหลายเท่าตัว เมื่อผ่านการส่งออกไปยังประเทศเพื่อนบ้านและตลาดต่างประเทศ จึงต้องอาศัยความร่วมมืออย่างเข้มแข็งของทุกภาคส่วน เพื่อหยุดยั้งปัญหานี้ตั้งแต่ต้นทาง

“แม้จะเป็นเพียงหนึ่งล็อต แต่หากปล่อยให้หลุดรอดไป ผลกระทบจะรุนแรงมหาศาล การจับกุมครั้งนี้จึงถือเป็นการช่วยปกป้องประเทศอย่างยิ่ง ต้องขอชื่นชมและขอบคุณทุกฝ่ายที่ร่วมกันปฏิบัติหน้าที่อย่างสุดความสามารถ” นายกรัฐมนตรีกล่าวในตอนท้าย

ในช่วงท้ายผู้สื่อข่าวได้ถามถึงกรณีแนวทางของรัฐบาลต่อกรณีกัญชา โดยนายกรัฐมนตรีระบุว่ากัญชาเป็นหนึ่งในนโยบายของพรรคเพื่อไทยที่มีความชัดเจนมาตั้งแต่ต้น โดยเน้นให้ใช้กัญชาเพื่อประโยชน์ทางการแพทย์เท่านั้นและรัฐบาลจะมีแนวทางกำหนดที่ชัดเจนในเรื่องนี้

สำหรับปฏิบัติการ ยึดยาไอซ์ 2.4 ตัน มูลค่าในต่างประเทศกว่า 3,000 ล้านบาท เตรียมส่งออกนี้ สืบเนื่องมาจากเจ้าหน้าที่ชุดจับกุม ประกอบด้วย เจ้าหน้าที่กองคดียาเสพติด กรมสอบสวนคดีพิเศษและเจ้าหน้าที่ทหารเรือ ได้รับแจ้งข้อมูลการข่าวว่า กลุ่มบุคคลผู้รับจ้างเดินเรือยนต์ท่องเที่ยวประเภท 90 ตันกรอส มีพฤติการณ์ลักลอบลำเลียงยาเสพติดผิดกฎหมายจากบริเวณปากน้ำประแส ตำบลปากน้ำกระแส อำเภอแกลง จังหวัดระยอง ไปยังพื้นที่ภาคใต้ของประเทศไทยเพื่อลำเลียงส่งต่อไปยังประเทศที่สาม ต่อมาเมื่อวันที่ 21 มิถุนายน 2568 (วันเกิดเหตุ) เวลาประมาณ 23.00 น. เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมได้ทำการลงพื้นที่เฝ้าสังเกตการณ์ โดยใช้เรือยางตรวจการณ์ จำนวน 4 ลำ ทำการตรวจการณ์เฝ้าระวังเรือต้องสงสัยที่อ่าวไทยบริเวณปากน้ำประแส ห่างจากชายฝั่งประมาณ 5 ไมล์ทะเล พบเรือยนต์ต้องสงสัยเป็นเรือยนต์ท่องเที่ยวประเภท 90 ตันกรอส ตามที่แหล่งข่าวได้แจ้งไว้ ตามที่กล่าวไปแล้วข้างต้น ข้างเรือดังกล่าวปรากฏข้อความอักษรภาษาอังกฤษว่า“PAIKANCATAMARANS” โดยพบบุคคลเพศชายอยู่บริเวณพื้นที่ลำเรือ จำนวน 8 คน ต่อมาเมื่อบุคคลบนเรือดังกล่าวสังเกตเห็นเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมก็มีพฤติการณ์ต้องสงสัยคือเร่งความเร็วเรือหนีเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมบุคคลบนเรือมีท่าทางแตกตื่น ท่าทางตระเตรียมจะโยนสิ่งของเป็นกระสอบคล้ายกระสอบบรรจุยาเสพติดบริเวณลำเรือโยนทิ้งทะเล และบางคนใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่ติดต่อบุคคลอื่น เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงเชื่อว่ากลุ่มบุคคลดังกล่าวมียาเสพติดไว้ในความครอบครองบนเรือ จึงแสดงตัวส่งสัญญาณเสียงทางวาจาว่าเป็นเจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ เจ้าหน้าที่กองทัพเรือ โดยชุดปฏิบัติการพิเศษหน่วยบัญชาการสงครามพิเศษทางเรือ กองเรือยุทธการ กองทัพเรือ (ชปพ.นสร.) โดยใช้อำนาจเจ้าหน้าที่หน่วยงานของรัฐเข้าทำการตรวจค้น ด้วยการใช้เรือยางเข้าประชิดด้านข้างและขอขึ้นทำการตรวจค้นบริเวณลำเรือ จากการตรวจค้นบนเรือ พบผู้ควบคุมเรือและลูกเรือ จำนวนรวม 8 คน และตรวจสอบสิ่งของต้องสงสัยในกระสอบมีลักษณะเป็นวัตถุเกล็ดสีขาวลักษณะคล้ายยาไอซ์ ที่น่าเชื่อว่าจะเป็นเมทแอมเฟตามีน หรือยาไอซ์ และจึงได้ทำการควบคุมตัว และตรวจยึดของกลางดังกล่าว เข้ามายังท่าเรือ จากการตรวจสอบยืนยันพบว่าวัตถุเกล็ดสีขาวลักษณะคล้ายยาไอซ์ เป็นเมทแอมเฟตามีน หรือยาไอซ์ จำนวนประมาณ 2.4 ตัน (2,399 กิโลกรัม)

ซึ่งขณะทำการตรวจยึดของกลางดังกล่าว เมื่อมีการยืนยันว่าเป็นยาเสพติดแล้ว จึงได้แจ้งให้ชุดปฏิบัติการอีกชุดหนึ่งที่มีเจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ เจ้าหน้าที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) ภาค 2 เจ้าหน้าที่กรมข่าวทหารเรือ และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ที่เตรียมปฏิบัติการบนฝั่ง เพื่อให้เข้าตรวจสอบท่าเทียบเรือ “ลูกยอด” จากการตรวจค้นพบรถบรรทุกหกล้อ ลักษณะเป็นตู้ทึบ ยี่ห้ออีซูซุ สีขาว ทะเบียน 50-9530 กรุงเทพมหานคร ทราบภายหลังเป็นรถที่ใช้ในการขนส่งยาเสพติดล็อตดังกล่าว และพบรถกระบะ 4 ประตู ยี่ห้ออีซูซุ สีเทาดำ ทะเบียน 7 กย 3389 กรุงเทพมหานคร ซึ่งต้องสงสัยว่าเป็นรถที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิด หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ได้ดำเนินการ ควบคุมผู้ต้องหา จำนวน 8 ราย ตรวจยึดเมทแอมเฟตามีน หรือยาไอซ์ น้ำหนักรวมทั้งสิ้น 2,399 กิโลกรัม ตรวจยึดรถบรรทุกหกล้อแบบตู้ทึบ สีขาว 1 คัน ตรวจยึดรถกระบะ 4 ประตู สีเทาดำ 1 คัน มาไว้ที่ กรมสอบสวนคดีพิเศษ และในส่วนเรือยนต์ท่องเที่ยวประเภท 90 ตันกรอส อยู่ในความควบคุมของทัพเรือภาคที่ 1

จากข้อมูลการสืบสวนและการจับกุมในครั้งนี้ กรมสอบสวนคดีพิเศษ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จะดำเนินการสืบสวนสอบสวนขยายผลต่อไป

ข่าวที่เกี่ยวข้อง