นายกฯ เปิดประชุมนานาชาติหน่วยยามชายฝั่งอาเซียน 2025 ย้ำความร่วมมือส่งเสริมความปลอดภัย มั่นคง มั่งคั่ง ทางทะเล

นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล (ผอ.ศรชล.) เป็นประธานในพิธี และกล่าวเปิดการประชุมนานาชาติหน่วยยามชายฝั่งอาเซียน ปี พ.ศ. 2568 (ASEAN Coast Guard Forum 2025: ACF 2025) พร้อมทั้งนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะประธานคณะกรรมการนโยบายการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล (นปท.) ร่วมคณะในครั้งนี้ โดยมีพลเรือเอก จิรพล ว่องวิทย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ/รอง ผอ.ศรชล. และ พลเรือเอก ไพโรจน์ เฟื่องจันทร์ เสนาธิการทหารเรือ/เลขาธิการ ศรชล. ให้การต้อนรับ ซึ่งศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล (ศรชล.) เป็นเจ้าภาพจัดการประชุม ณ โรงแรมฮิลตัน พัทยา จังหวัดชลบุรี

การประชุม ACF มีวัตถุประสงค์เพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็น เสริมสร้างและพัฒนาความร่วมมือด้านความมั่นคงทางทะเลและการปกป้องผลประโยชน์ของชาติทางทะเลในภูมิภาค โดยการประชุม ACF 2025 ที่จัดขึ้นในครั้งนี้นับเป็นการประชุมหน่วยยามฝั่งอาเซียนครั้งที่ 4 โดยการประชุม ACF ครั้งที่ 1 และ 2 เป็นเจ้าภาพโดย BAKAMLA (อินโดนีเซีย) และการประชุมครั้งที่ 3 เป็นเจ้าภาพโดย PCG (ฟิลิปปินส์)

นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวต้อนรับผู้แทนจากประเทศสมาชิกอาเซียน ประเทศผู้สังเกตการณ์ และพันธมิตรสำคัญที่เข้าร่วมการประชุมในครั้งนี้สู่เมืองพัทยา และแสดงความยินดีที่ได้มีโอกาสเข้าร่วมในพิธีเปิดเวทีความร่วมมืออันสำคัญของภูมิภาค ซึ่งเป็นเวทีที่หน่วยรักษาความปลอดภัยชายฝั่ง หน่วยงานบังคับใช้กฎหมายทางทะเล และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของประเทศสมาชิกอาเซียน ได้มาพบปะ แลกเปลี่ยนมุมมองและเสริมสร้างความร่วมมือเพื่อยกระดับความมั่นคงทางทะเลร่วมกัน โดยให้ความสำคัญของความมั่นคงและความปลอดภัยทางทะเล ที่มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อภูมิภาค เนื่องจากท้องทะเลไม่เพียงเป็นเส้นทางการค้าสำคัญและแหล่งทรัพยากรธรรมชาติเท่านั้น แต่ยังเป็นพื้นที่ที่ประเทศสมาชิกต้องร่วมกันปกป้องจากภัยคุกคามที่เปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ เช่น อาชญากรรมข้ามชาติ การลักลอบ การค้ายาเสพติด การประมงผิดกฎหมายและการค้ามนุษย์

ได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของการสร้างเครือข่ายของภูมิภาคอาเซียน (Network of ASEAN) และเครือข่ายความเป็นหุ้นส่วน (Network of Partnerships) ในการร่วมมือกันปกป้องคุ้มครองผลประโยชน์ทางทะเลของชาติอาเซียน (Common Maritime Interests) บนความไว้เนื้อเชื่อใจ (Mutual Trust) เพื่อให้ภูมิภาคมีความปลอดภัย  (Safety) และทุกประเทศสามารถดำเนินกิจกรรมทางทะเลได้อย่างมั่นคง (Stable) มั่งคั่ง (Prosperity) และมีความยั่งยืนร่วมกันในภูมิภาค (Regional-Shared Sustainability) โดยการประชุม ACF จะเป็นกลไกในการขับเคลื่อนของทุกความสำคัญข้างต้น

นายกรัฐมนตรีได้กล่าวชื่นชมผู้ร่วมจัดงานที่ทุ่มเทดำเนินการประชุมจนสำเร็จ โดยเฉพาะการเปิดเวทีให้หน่วยงานทางทะเลจากประเทศอาเซียน ผู้สังเกตการณ์ และพันธมิตรสำคัญ อาทิ สำนักงานว่าด้วยยาเสพติดและอาชญากรรมแห่งสหประชาชาติ (United Nations Office on Drugs and Crime: UNODC) ได้มีโอกาสแลกเปลี่ยนความร่วมมืออย่างใกล้ชิด อีกทั้งยังรู้สึกยินดีที่ผู้เข้าร่วมจะได้ร่วมกิจกรรมหลากหลาย ซึ่งออกแบบมาเพื่อเสริมสร้างกรอบความร่วมมือและปฏิบัติการระหว่างประเทศสมาชิกอาเซียน ตลอดจนมีส่วนช่วยสนับสนุนเป้าหมายระยะยาว ในการเสริมสร้างความมั่นคงและความปลอดภัยทางทะเลในภูมิภาค

การประชุมครั้งนี้เป็นจุดเริ่มต้นของความร่วมมือที่เป็นรูปธรรมในหมู่ประเทศสมาชิกอาเซียน ภายใต้แนวคิดหลักของปีนี้คือ “ส่งเสริมความปลอดภัย มั่นคง มั่งคั่ง ทางทะเลในอาเซียน” (Fostering Maritime Safety, Security, and Prosperity in ASEAN)

ภายหลังเสร็จสิ้นพิธีเปิดการประชุม นายกรัฐมนตรี ได้เยี่ยมชมนิทรรศการการฝึก และรับฟังการบรรยายสถานการณ์การฝึกของศูนย์ปฏิบัติการ ศรชล. พร้อมรับชมการฝึกซ้อมการค้นหาและช่วยเหลือผู้ประสบภัยในทะเล (Search And Rescue: SAR)

ข่าวที่เกี่ยวข้อง