เปิดตัวคู่มือและห้องสุขาสาธารณะต้นแบบ “Restroom For All” ส่งเสริมความเท่าเทียมทางเพศและสิทธิมนุษยชน

นายอนุกูล ปีดแก้ว ปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (ปลัด พม.) เป็นประธานเปิดตัวคู่มือและแนวทางจัดห้องสุขาสาธารณะสำหรับทุกคน ภายใต้แนวคิด “Restroom For All” ณ กรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว (สค.) กระทรวง พม. เพื่อเป็นต้นแบบการให้บริการที่รองรับความหลากหลายของผู้ใช้ทั้งเพศชาย หญิง ผู้สูงอายุ คนพิการและผู้มีความหลากหลายทางเพศ

โดยแนวทางดังกล่าวสะท้อนหลักสิทธิมนุษยชนสากลและพันธกรณีที่ประเทศไทยเข้าร่วม เช่น อนุสัญญา CEDAW ปฏิญญาปักกิ่ง และเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) เป้าหมายที่ 5 ว่าด้วยความเท่าเทียมทางเพศ อีกทั้งยังสอดคล้องกับเจตนารมณ์ของพระราชบัญญัติความเท่าเทียมระหว่างเพศ พ.ศ. 2558 ในการคุ้มครองสิทธิและไม่เลือกปฏิบัติต่อบุคคลจากความแตกต่างทางเพศ สภาพร่างกาย หรือสุขภาพ

ห้องสุขาต้นแบบ Restroom For All ได้รับการออกแบบภายใต้แนวคิด “สะอาด ปลอดภัย สะดวก เข้าถึงง่าย และเป็นส่วนตัว” เพื่อให้เป็นมิตรต่อทุกกลุ่มเป้าหมายและยังช่วยเสริมสร้างทัศนคติด้านความหลากหลายและความเท่าเทียมทางสังคม

การผลักดันให้เกิดห้องสุขาที่ครอบคลุมจริง ยังจำเป็นต้องทบทวนกฎหมายที่เกี่ยวข้อง เช่น พระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522 และกฎกระทรวงว่าด้วยแบบและจำนวนห้องสุขา ซึ่งยังไม่รองรับความต้องการของทุกกลุ่มผู้ใช้ในยุคปัจจุบัน โดยเฉพาะกลุ่มที่มีความต้องการเฉพาะด้าน

กระทรวง พม. โดยกรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว ได้จัดทำคู่มือแนวทางการออกแบบห้องสุขาสำหรับทุกคน พร้อมเผยแพร่ในรูปแบบ E-Book ไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรวม 218 หน่วยงานทั่วประเทศ ทั้งระดับจังหวัด กระทรวง กรม และหน่วยงานในสังกัด พม. เพื่อใช้เป็นแนวทางในการปรับปรุงหรือสร้างห้องสุขาที่มีความเหมาะสมในบริบทของตน

ห้องสุขาสาธารณะเป็นสิ่งจำเป็นขั้นพื้นฐานของมนุษย์ทุกคน จึงต้องสามารถใช้ได้จริงในทุกเพศทุกวัย ทั้งเด็ก ผู้สูงอายุ คนพิการและผู้มีความหลากหลายทางเพศ โดยห้องสุขาต้นแบบจะมีสิ่งอำนวยความสะดวก เช่น โถปัสสาวะสำหรับเด็กเล็ก ที่เปลี่ยนผ้าอ้อม ราวจับสำหรับผู้สูงอายุและคนพิการ ตลอดจนผ้าอนามัยและผ้าอ้อมสำเร็จรูป

“คู่มือนี้ไม่ใช่เพียงแค่เครื่องมือเชิงกายภาพ แต่คือจุดเริ่มต้นของการเสนอ ‘นิยามความเท่าเทียม’ ผ่านห้องสุขา สู่การสร้างสังคมที่ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง” นายอนุกูลกล่าว พร้อมเน้นย้ำว่ากระทรวง พม. จะเร่งขยายผลแนวทางดังกล่าวไปยังหน่วยงานและภาคีเครือข่ายทั่วประเทศ เพื่อให้เกิดเป็นรูปธรรมในระดับพื้นที่ต่อไป

ข่าวที่เกี่ยวข้อง