นางสาวศศิกานต์ วัฒนะจันทร์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยผ่านรายการ “เสียงจากใจไทยคู่ฟ้า” ว่า รัฐบาลเดินหน้าขับเคลื่อนมาตรการพลังงานสะอาด ด้วย 2 มาตรการสำคัญทางภาษี เพื่อจูงใจภาคธุรกิจและประชาชนหันมาใช้พลังงานทดแทน ช่วยลดภาระค่าไฟ พร้อมส่งเสริมความมั่นคงด้านพลังงานของประเทศ
มาตรการที่ 1 สนับสนุนการเปลี่ยนมาใช้อุปกรณ์ เครื่องจักร หรือวัสดุประหยัดพลังงาน โดยให้สิทธิประโยชน์ทางภาษี หักลดหย่อนได้ 1.5 เท่าของค่าใช้จ่ายจริง เพื่อช่วยลดต้นทุนพลังงานในระยะยาวทั้งในภาคธุรกิจและครัวเรือน
มาตรการที่ 2 สนับสนุนประชาชนติดตั้ง โซลาร์รูฟท็อป ที่บ้าน โดยสามารถนำค่าใช้จ่ายในการติดตั้งไปหักลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาได้สูงสุดถึง 200,000 บาท ถือเป็นโอกาสสำคัญในการลดค่าไฟและเพิ่มการเข้าถึงพลังงานสะอาดในราคาที่จับต้องได้
มาตรการทั้งสองคาดว่าจะช่วยให้ประเทศไทยลดการใช้ไฟฟ้าได้กว่า 30,000 ล้านหน่วยต่อปี ลดการนำเข้า LNG มูลค่ากว่า 110,000 ล้านบาทต่อปี และลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้มากถึง 15 ล้านตันต่อปี ซึ่งเปรียบได้กับการปลูกป่าครั้งใหญ่ในระดับประเทศ
รัฐบาลยังเตรียมผลักดัน ร่างพระราชบัญญัติส่งเสริมการใช้พลังงานไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์ โดยนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ระบุว่า จะเสนอเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีภายใน 1–2 สัปดาห์ เพื่อสร้างกลไกสนับสนุนให้ทุกครัวเรือนสามารถผลิตไฟฟ้าใช้เองได้สะดวกมากยิ่งขึ้น
อีกหนึ่งความก้าวหน้าที่น่าภาคภูมิใจ คือ การพัฒนาเครื่อง Inverter ซึ่งเป็นหัวใจของระบบโซลาร์เซลล์ โดยคนไทยสามารถออกแบบและผลิตได้เองในประเทศ อยู่ระหว่างเตรียมวางจำหน่ายในราคาที่เข้าถึงได้ ช่วยลดต้นทุนการติดตั้ง และเปิดโอกาสให้ประชาชนเข้าถึงระบบพลังงานแสงอาทิตย์ได้ง่ายขึ้น
รัฐบาลยืนยันจะเดินหน้าผลักดันทุกมาตรการอย่างจริงจัง เพื่อบรรเทาค่าครองชีพของประชาชน ลดการพึ่งพาพลังงานนำเข้า ดูแลสิ่งแวดล้อม และเสริมสร้างเศรษฐกิจไทยให้เติบโตอย่างเข้มแข็งและยั่งยืน
