นางสาวศศิกานต์ วัฒนะจันทร์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลให้ความสำคัญกับการยกระดับสุขภาวะของเด็กไทยและประชาชน โดยเฉพาะการสร้างสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยในโรงเรียนทั่วประเทศ ทั้งในด้านอาหาร น้ำดื่ม และอุปกรณ์การเรียนการสอน ซึ่งล่าสุด สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) กระทรวงอุตสาหกรรม ได้ดำเนินการปรับปรุงมาตรฐานตู้น้ำดื่มในโรงเรียน จากมาตรฐานทั่วไปให้เป็น มาตรฐานบังคับ เพื่อเพิ่มความปลอดภัยและสร้างความมั่นใจให้กับผู้บริโภค
ซึ่งเมื่อวันที่ 25 มิ.ย. 68 นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ได้เปิดเผยว่า กระทรวงอุตสาหกรรม โดยสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) เร่งดำเนินการกำหนดให้ “ตู้น้ำดื่ม” ในโรงเรียนเป็นสินค้าควบคุม เพื่อคุ้มครองความปลอดภัยให้แก่นักเรียนในโรงเรียน โดยในวันที่ 1 ตุลาคม 2568 มาตรฐานดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้ตามกฎหมาย ผู้ผลิต ผู้นำเข้า ผู้จำหน่าย ต้องผลิต นำเข้า และจำหน่าย เฉพาะสินค้าที่มีมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (มอก.) เท่านั้น มิฉะนั้นจะมีโทษตามกฎหมาย ซึ่งหลังจากที่ สมอ. ประกาศเป็นสินค้าควบคุมแล้ว จะช่วยให้มั่นใจได้ว่าตู้น้ำดื่มทุกตู้ที่ใช้ในโรงเรียน หรือในที่สาธารณะต่างๆ จะมีความปลอดภัยในการใช้งาน นอกจากนี้ ยังได้สั่งการให้ สมอ. เตรียมความพร้อมให้แก่ผู้ประกอบการ “ตู้น้ำดื่ม” ก่อนที่มาตรฐานจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 ตุลาคม 2568 เพื่อยกระดับการคุ้มครองความปลอดภัยให้แก่ประชาชนและปกป้องผู้ประกอบการภายในประเทศ
นายวันชัย พนมชัย เลขาธิการสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับมาตรฐาน “ตู้น้ำดื่ม” เดิมเป็นมาตรฐานทั่วไป ต่อมาได้มีการแก้ไขปรับปรุงให้เป็น มาตรฐานบังคับ “ตู้น้ำร้อนน้ำเย็นบริโภค และตู้น้ำเย็นบริโภค เฉพาะด้านความปลอดภัย มอก. 2461-2565” โดยอ้างอิงตามมาตรฐาน IEC (International Electrotechnical Commission) ซึ่งเป็นมาตรฐานระหว่างประเทศที่สากลให้การยอมรับ โดยเฉพาะด้านความปลอดภัย ซึ่งมาตรฐานนี้จะครอบคลุมตู้น้ำดื่มที่มีแรงดันไฟฟ้าไม่เกิน 250 โวลต์ แต่ไม่ครอบคลุมตู้น้ำดื่มที่ใช้กับยานยนต์ เรือ หรือเครื่องบิน และมีข้อกำหนดที่สำคัญด้านความปลอดภัยของตู้น้ำดื่ม ได้แก่
- มีระบบป้องกันไม่ให้ผู้ใช้งานสัมผัสกับส่วนที่มีไฟฟ้า
- มีระบบป้องกันความชื้น เช่น หยดน้ำหรือละอองฝน
- ต้องผ่านการทดสอบไฟรั่ว และการติดตั้งสายดินอย่างถูกต้อง
- ไม่แผ่รังสีที่เป็นอันตรายต่อผู้ใช้
- ต้องมีฉลากระบุชัดเจนถึงชนิดสินค้า การใช้งาน ประเภท แรงดันไฟฟ้า กำลังไฟฟ้า แบบ รุ่น และ
คำเตือนเพื่อความปลอดภัยในการใช้งาน
นอกจากนี้ เมื่อวันที่ 18 มิ.ย. 68 สมอ. ยังได้จัดการสัมมนาเพื่อเตรียมความพร้อมผู้ประกอบการในการยื่นขอใบอนุญาตให้แก่ผู้ผลิต ผู้นำเข้า และผู้จำหน่ายสินค้า ที่จะประกาศเป็นสินค้าควบคุมซึ่งต้องได้รับใบอนุญาต มอก. ก่อนจำหน่าย จำนวน 4 รายการ ได้แก่
1. ตู้น้ำร้อนน้ำเย็นบริโภคและตู้น้ำเย็นบริโภค เฉพาะด้านความปลอดภัย
2. เครื่องทอดน้ำมันท่วมปริมาณน้ำมันสูงสุด ไม่เกิน 5 ลิตร และกระทะทอด
3. เครื่องใช้ไฟฟ้าสำหรับการดูแลผม ขน หรือผิว
โดยสินค้าทั้ง 3 รายการ จะมีผลบังคับใช้พร้อมกันในวันที่ 1 ตุลาคม 2568
4. เตาอบไมโครเวฟและเตาอบไมโครเวฟร่วมสำหรับใช้ในที่อยู่อาศัย จะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 30 ธันวาคม 2568
รัฐบาลยืนยันเดินหน้านโยบายคุ้มครองสุขภาพและความปลอดภัยของประชาชนอย่างจริงจัง พร้อมส่งเสริมให้ทุกคนเข้าถึงผลิตภัณฑ์ที่ได้มาตรฐาน ปลอดภัยและเชื่อถือได้ ทั้งนี้ มาตรการที่ออกมาไม่เพียงช่วยปกป้องผู้บริโภค แต่ยังส่งเสริมให้ผู้ประกอบการไทยพัฒนาสินค้าให้สอดคล้องกับมาตรฐานสากลและสร้างความเชื่อมั่นให้กับสังคม
“มาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม” หรือ มอก. หมายถึง ข้อกําหนดทางวิชาการที่สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) ได้กำหนดขึ้นเพื่อเป็นแนวทางแก่ผู้ผลิตในการผลิตสินค้าให้มีคุณภาพในระดับที่เหมาะสมกับการใช้งานมากที่สุด โดย มอก. แบ่งได้ 2 ประเภท ได้แก่ มอก.ทั่วไป และ มอก.บังคับ
มอก.ทั่วไป : เป็นเครื่องหมายมาตรฐาน มอก. ที่ทาง สมอ. กำหนดมาตรฐานของผลิตภัณฑ์ชนิดนั้น ๆ ไว้ ซึ่งผู้ผลิตสามารถยื่นความจำนง เพื่อทำการขอคำรับรองคุณภาพจาก สมอ. ได้โดยตามความสมัครใจ ซึ่งจะแสดงถึงคุณภาพสินค้าที่ตรงไปตามเกณฑ์ที่ได้กำหนดในมาตรฐาน และเพื่อเพิ่มความมั่นใจให้กับผู้บริโภคว่าสินค้านั้นมีคุณภาพ ปลอดภัย และคุ้มค่า
มอก.บังคับ : (เครื่องหมายมาตรฐาน มีวงกลมล้อมรอบ) เป็นเครื่องหมายที่แสดงบนผลิตภัณฑ์ที่มีกฎหมายกำหนดให้ต้องเป็นไปตามมาตรฐาน ซึ่งบังคับให้ผู้ผลิต ผู้นำเข้า และผู้จำหน่ายจะต้องผลิต นำเข้า และจำหน่ายผลิตภัณฑ์ ที่เป็นไปตามมาตรฐานเท่านั้น เพื่อคุ้มครองความปลอดภัยให้แก่ผู้บริโภคและป้องกันความเสียหายที่จะเกิดขึ้นแก่เศรษฐกิจของประเทศ
กระทรวงอุตสาหกรรม บูรณาการความร่วมมือกับ สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) ในการป้องกันและปราบปรามสินค้าไม่ได้มาตรฐาน ยกระดับการบังคับใช้กฎหมายภายใต้พระราชบัญญัติมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม พ.ศ. 2511 และพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้บริโภค พ.ศ. 2522 เพื่อควบคุมสินค้านำเข้าภายใต้มาตรฐานบังคับ ผู้จำหน่ายต้องแสดงรายละเอียดสินค้า เครื่องหมายมาตรฐาน มอก. และ QR code ให้เห็นชัดเจนตามที่กำหนด หากฝ่าฝืนผู้นำเข้า ผู้โฆษณา และผู้จำหน่ายต้องได้รับโทษ ดังนี้
- บทลงโทษสำหรับผู้นำเข้าสินค้าไม่ได้มาตรฐาน มีโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี ปรับไม่เกิน 2 ล้านบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
- หากเป็นผู้ได้รับใบอนุญาตแต่ไม่แสดงเครื่องหมายมาตรฐานกับสินค้า มีโทษปรับไม่เกิน 3 แสนบาท
- แพลตฟอร์มออนไลน์ เจ้าของโกดังที่ให้เช่า ผู้โฆษณา และผู้จำหน่ายสินค้าไม่ได้มาตรฐาน มีโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน ปรับไม่เกิน 5 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
หากประชาชนพบเห็นการขายสินค้าที่ไม่มีเครื่องหมาย มอก. ทั้งตามร้านค้าทั่วไป หรือช่องทางออนไลน์ สามารถแจ้งเรื่องร้องเรียนผ่านแพลตฟอร์ม “แจ้งอุต” หรือไลน์ไอดี @traffyfondue เลือกไปยัง
“แจ้งอุต” โดยเมื่อได้รับแจ้ง ทีมสุดซอยของกระทรวงอุตสาหกรรมจะดำเนินการตรวจสอบทันที