พล.ต.ต.ณัฐศักดิ์ เชวนาศัย รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง พร้อมด้วย พล.ต.ต.ทัศน์ภูมิ จารุปรัชญ์ ผู้บังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (ผบก.ปอศ.), นายปิ่นสาย สุรัสวดี อธิบดีกรมสรรพากร และนางสาวสลักจิต พงษ์ศิริจันทร์ ที่ปรึกษาด้านยุทธศาสตร์การจัดเก็บภาษี (กลุ่มธุรกรรมทางการเงินการธนาคาร) ร่วมกันแถลงข่าว กรณีตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดยกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (บก.ปอศ.) ร่วมกับกรมสรรพากร เปิดปฏิบัติการ “ปิดเกมส์กลโกงภาษี – Anti Tax Fraud Operation” ทลายเครือข่ายฉ้อโกงภาษีมูลค่าเพิ่ม สร้างความเสียหายแก่รัฐกว่า 1,000 ล้านบาท บุกค้น 14 จุด รวบผู้ต้องหา 10 ราย
พล.ต.ต.ทัศน์ภูมิ เปิดเผยว่า สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ได้รับการแจ้งความร้องทุกข์จากกรมสรรพากรว่า นายสำราญฯ ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ต้องหา ได้จัดตั้งบริษัท เอส แอนด์ เอ็ม บราเธอร์ฮู้ด จำกัด ซึ่งประกอบกิจการนำเข้าส่งออกสินค้าและได้นำบุคคลในครอบครัว ญาติพี่น้อง พนักงานลูกจ้าง รวมถึงเพื่อนและคนรู้จัก จัดตั้งร้านค้าและบริษัทที่จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มกว่า 20 แห่ง โดยแสร้งทำทีว่ามีการซื้อขายสินค้าระหว่างกันเป็นทอดๆ โดยไม่มีการซื้อขายสินค้าจริง มีการออกใบกำกับภาษีระหว่างร้านค้าและบริษัทในเครือข่ายลักษณะหมุนเวียนไปมา เพื่อปั่นราคาสินค้าให้สูงขึ้นเรื่อยๆ และทำให้ภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT 7%) เพิ่มขึ้นตามไปด้วย
และสุดท้าย บริษัท เอส แอนด์ เอ็ม บราเธอร์ฮู้ดฯ ซึ่งจดทะเบียนเป็นผู้ประกอบการส่งออก จะทำการซื้อสินค้าจากผู้ประกอบการในกลุ่มเครือข่ายทอดสุดท้ายในราคาสูงเกินจริง พร้อมกับภาษีมูลค่าเพิ่มที่สูงขึ้น แล้วส่งออกสินค้าชนิดเดียวกันนี้ไปยังประเทศเพื่อนบ้าน (เมียนมา) โดยมีลูกค้าฝั่งเมียนมาเป็นคนในเครือข่ายเช่นกัน เพื่อสร้างหลักฐานการส่งออกสินค้าสำหรับใช้ในการขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT 7%) จากกรมสรรพากร
โดยสินค้าที่กลุ่มผู้ต้องหาส่งออกเป็นประเภทเครื่องอุปโภคบริโภค ซึ่งไม่มีการคิดอัตราอากรขาออกและไม่ถูกจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม ทำให้ผู้ประกอบการส่งออกสามารถขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT 7%) ตามยอดภาษีซื้อในแต่ละเดือนได้ เครือข่ายนี้จึงใช้ช่องทางดังกล่าว สร้างการซื้อขายปลอมเพื่อปั่นราคาสินค้าให้สูงเกินจริงและขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่มจากกรมสรรพากรในจำนวนที่สูง
จากการตรวจสอบของกรมสรรพากร พบว่าระหว่างปี พ.ศ. 2564 – 2565 กลุ่มเครือข่ายนี้ได้ขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่มจากกรมสรรพากรกว่า 150 ล้านบาท และจากการประเมินภาษีพบว่า มีมูลค่าความเสียหายจากการกระทำความผิดของเครือข่ายทั้งหมดเป็นจำนวนกว่า 1,000 ล้านบาท
เจ้าหน้าที่จึงได้ทำการตรวจสอบและสนธิกำลังตรวจค้น รวม 14 จุด แบ่งเป็นจังหวัดตาก 11 จุด จังหวัดเชียงใหม่ 2 จุด และกรุงเทพมหานคร 1 จุด จากการปฏิบัติการครั้งนี้ สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ทั้งสิ้น 10 ราย ตามหมายจับศาลอาญา ประกอบด้วย นายสำราญฯ อายุ 63 ปี นางสาวพิมพ์พิสุทธิ์ฯ อายุ 32 ปี นางสาวณาตยาฯ อายุ 41 ปี นางสาวแสงเทียนฯ อายุ 55 ปี นายสุธาราฯ อายุ 66 ปี นางนิตรฯ อายุ 47 ปี นางจารุปรานต์ฯ อายุ 65 ปี นายศุภกิตติ์ฯ อายุ 32 ปี นายมงคลฯ อายุ 47 ปี (แจ้งข้อกล่าวหาในเรือนจำแม่สอด) / นายมิน อ่อง มู (MIN AUNG MOE) สัญชาติเมียนมา อายุ 50 ปี พร้อมยึดของกลางที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดจำนวนมาก อาทิ เอกสารกว่า 100,000 ฉบับ, โทรศัพท์มือถือ 20 เครื่อง และคอมพิวเตอร์พร้อมอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ 30 เครื่อง
จากการสอบปากคำผู้ต้องหาบางรายให้การรับสารภาพ ขณะที่บางรายให้การปฏิเสธ เบื้องต้นถูกแจ้งข้อกล่าวหา “ร่วมกันออกใบกำกับภาษีโดยไม่มีสิทธิจะออกเอกสารดังกล่าว”,“ร่วมกันเจตนาหลีกเลี่ยงหรือพยายามหลีกเลี่ยงภาษีมูลค่าเพิ่มหรือขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่ม กระทำการใดๆ โดยความเท็จ โดยฉ้อโกงหรืออุบาย หรือโดยวิธีการอื่นใดทำนองเดียวกัน” และ “เจตนานำใบกำกับภาษีปลอมหรือใบกำกับภาษีที่ออกโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายไปใช้ในการเครดิตภาษี