พนักงานสอบสวนคดีพิเศษ กองคดีการฟอกเงินทางอาญา ออกหมายเรียกพยานล็อตแรก จำนวน 7 ราย ในคดีพิเศษที่ 24/2568 กรณีความผิดฐานฟอกเงินของบุคคลหรือคณะบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา (สว.) รวมถึงผู้ที่เป็นสมาชิกอั้งยี่และผู้สนับสนุน หรือคดีอาญาอั้งยี่-ฟอกเงิน ซึ่งมีรายงานว่าพยานกลุ่มแรกนี้ ไม่ใช่สมาชิกวุฒิสภา ซึ่งตั้งแต่เวลา 09.30 น. ได้ทยอยเดินทางเข้ามาชี้แจง พร้อมกับมีอัยการเดินทางเข้ามาร่วมสอบพยานด้วย ซึ่งจะมีการสอบข้อเท็จจริง เรื่องเส้นทางการเงิน เหตุผลในการโอนและรับ เนื่องจากพนักงานสอบสวนพบพฤติการณ์มีเส้นทางการเงินเกี่ยวพันในช่วงเลือกตั้ง มีการรับโอนเงิน ซึ่งเชื่อได้ว่าเกี่ยวข้องกับงบประมาณในการจัดตั้งผู้สมัคร โดยทั้ง 7 รายนี้ มีการกระทำอยู่ในหลายพื้นที่ ทั้งภาคเหนือ ภาคอีสานและภาคใต้ เบื้องต้นได้รับรายงานว่า ตั้งแต่ช่วงเช้า พบว่ามีบุคคลที่เป็นพยานตามหมายเรียกเดินทางมา 1 รายคือ นางสินิตา (สงวนนามสกุล) ซึ่งใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง จึงเดินทางกลับไป
ด้านนายระวี อักษรศิริ ผู้อำนวยการกองคดีการฟอกเงินทางอาญา เปิดเผยว่า เบื้องต้นพยานรายนี้ได้ให้ข้อมูลเส้นเงิน ที่มีการลงรายละเอียดที่ไปที่มาของเงิน ถือเป็นเรื่องปกติที่จะต้องมีการชี้แจงเส้นทางการเงิน ซึ่งมีการตอบไปตามปกติ ตามสเตทเมนท์ที่ปรากฏและเป็นการตอบคำถามตามสิ่งที่พนักงานสอบสวนสงสัย ซึ่งก็จะให้ความเป็นธรรมกับพยานทุกคน ขณะที่พยานรายนี้ ยืนยันว่าไม่ใช่ผู้สมัคร สว. เป็นเพียงบุคคลที่พบเส้นทางการเงินสอดคล้องกับช่วงเวลาดังกล่าว แต่เบื้องต้นนางสินิตาก็ให้การปฏิเสธว่า ไม่ทราบเรื่องราวดังกล่าวและเป็นเพียงการใช้จ่ายตามปกติ โดยข้อมูลทั้งหมดนี้พนักงานสอบสวนก็จะรวบรวมก่อน จะมีพนักงานสอบสวนเข้ามาตรวจสอบอีกครั้ง
เมื่อถามว่า พยานทั้ง 7 คน มีบางส่วนที่พบว่ามีข้อกล่าวหาในคดีฮั้ว สว. ของ กกต. อยู่แล้ว จึงทำให้ถูกเรียกมาสอบข้อเท็จจริงเรื่องฟอกเงินด้วยหรือไม่ นายระวีฯ บอกว่าไม่เกี่ยว เพราะพยานหลักฐานมีความคล้ายกันอยู่แล้ว ทั้งพยานหลักฐานที่ กกต. มีอยู่ และดีเอสไอ แต่เนื่องจากว่าเป็นกฎหมายคนละฉบับ จึงต้องมีการเรียกเข้ามาชี้แจง เพื่อให้ความเป็นธรรมอย่างเต็มที่
เมื่อถามว่า หลังจากที่ กกต. มีการระบุรายชื่อนักการเมืองที่เข้ามาผูกพัน กับเรื่องฮั้ว สว. จะมีรายชื่อนักการเมืองเข้ามาสอบในสำนวนฟอกเงินด้วยหรือไม่ นายระวีบอกว่า เรื่องดังกล่าวต้องตรวจสอบก่อน เพราะค่อนข้างที่จะมีความละเอียดอ่อน
ขณะที่หลังจากนี้จะมีการเรียกพยานที่เหลืออีก 6 ปาก ทยอยเดินทางมาให้ข้อมูลให้ครบ โดยจะนัดเข้ามาวันละ 1 ราย เวลา 09.30 น. จนกว่าจะครบ ซึ่งไม่ได้มีกรอบระยะเวลาการทำงานแต่จะดำเนินการให้เร็วที่สุด
