เตือนประชาชนให้เฝ้าระวัง “โรคผื่นกุหลาบ” พบบ่อยในช่วงฤดูฝน

นางสาวศศิกานต์ วัฒนะจันทร์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาล โดยกรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข แจ้งเตือนประชาชนให้เฝ้าระวัง “โรคผื่นกุหลาบ” ซึ่งมักพบได้บ่อยในช่วงฤดูฝน และเกิดขึ้นมากในกลุ่มผู้หญิงอายุระหว่าง 10-35 ปี

โรคผื่นกุหลาบ (Pityriasis Rosea) เป็นโรคผิวหนังที่เกิดขึ้นอย่างเฉียบพลัน แม้ยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัด แต่มีความเชื่อมโยงกับการติดเชื้อไวรัส ลักษณะของผื่นจะเป็นวงกลม หรือวงรี กระจายตัวตามแนวร่องของผิวหนัง โดยเฉพาะบริเวณลำตัว คอ และแขนขาส่วนบน มีลักษณะเฉพาะคล้ายต้นสน มักมีสีชมพู สีแซลมอน หรือน้ำตาล ขนาดประมาณ 2–4 เซนติเมตร บางรายอาจมีขนาดเล็กเพียง 1 เซนติเมตร หรือใหญ่ถึง 10 เซนติเมตร ตรงกลางของผื่นจะมีขุยละเอียดและขอบขยายใหญ่ขึ้น

ทั้งนี้ ประมาณ 5% ของผู้ป่วยอาจมีอาการนำมาก่อน เช่น ปวดศีรษะ มีไข้ ปวดข้อ หรืออ่อนเพลีย โดยโรคนี้มักไม่แสดงผื่นที่บริเวณใบหน้า มือ หรือเท้า และพบอาการคันในผู้ป่วยราว 25% โดยทั่วไปผื่นจะคงอยู่นาน 6–8 สัปดาห์ และสามารถหายได้เอง อย่างไรก็ตาม ในบางรายอาจเป็นนานถึง 5 เดือนหรือมากกว่า

สำหรับหญิงตั้งครรภ์ โดยเฉพาะในช่วง 15 สัปดาห์แรกของการตั้งครรภ์ โรคนี้อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการแท้งบุตร จึงควรได้รับการดูแลจากแพทย์อย่างใกล้ชิด

แนวทางการรักษาโรคผื่นกุหลาบ จะเน้นการบรรเทาอาการเป็นหลัก เช่น การใช้ครีมบำรุงผิว ยาทาสเตียรอยด์ หรือยากินกลุ่มต้านฮิสตามีน (antihistamines) เพื่อลดอาการคัน สำหรับผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรง อาจพิจารณาใช้ยากลุ่มสเตียรอยด์ในระยะสั้น หรือการฉายแสง UVB แบบ Narrowband หรือ Broadband ภายใต้การดูแลของแพทย์

ผื่นกุหลาบมีลักษณะคล้ายโรคผื่นผิวหนังชนิดอื่น อาจทำให้เกิดความสับสนและได้รับการรักษาที่ไม่เหมาะสม หากพบอาการผิดปกติควรรีบปรึกษาแพทย์ เพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อนและควบคุมอาการได้อย่างถูกต้อง

ข่าวที่เกี่ยวข้อง