นายสิทธิพันธ์ ธนาเกียรติภิญโญ นายกสมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติ ระบุถึงจากการที่สหรัฐอเมริกาประกาศเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากไทยในอัตราร้อยละ 36 ซึ่งจะมีผลตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคมนี้เป็นต้นไป ทำให้มีความเป็นไปได้สูงที่คณะเจรจาไทยจะต้องเจรจากับสหรัฐฯอีกครั้ง ซึ่งส่วนตัวยังไม่ทราบว่า รัฐบาลจะเปิดตลาดให้มีการนำเข้าเนื้อ ชิ้นส่วนและเครื่องในหมู ตามที่สหรัฐฯ แสดงความต้องการมานานแล้วหรือไม่ แต่ขอเน้นย้ำว่า หากรัฐบาลยอมให้มีการนำเข้าจะเป็นการสร้างผลกระทบต่อเกษตรกรผู้เลี้ยงสุกร รวมถึงตลอดห่วงโซ่ เนื่องจากการผลิตสุกรของสหรัฐฯ มีต้นทุนที่ต่ำมาก เมื่อนำเข้ามาส่งผลกระทบต่อกลไกตลาดภายในประเทศอย่างรุนแรง ซึ่งเกี่ยวพันโดยตรงกับความมั่นคงทางอาหารของประเทศ รวมถึงผู้เลี้ยงสุกรไทยไม่สามารถแข่งขันได้อย่างเป็นธรรมและยังมีความเสี่ยงกับการเข้ามาของโรคระบาดสัตว์และโรคอุบัติใหม่ เช่น โรคไข้หวัดหมู ซึ่งไม่เคยพบในไทย
สมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติ กล่าวต่อไปว่า นอกจากนี้ข้อกังวลที่สำคัญของการนำเข้าเนื้อสุกรจากสหรัฐฯ คือ สหรัฐฯยังอนุญาตให้ใช้สารเร่งเนื้อแดง ที่ไทยสั่งห้ามใช้โดยเด็ดขาด แม้จะมีการระบุว่า อยู่ในระดับปลอดภัยต่อสุขภาพ แต่หากบริโภคในปริมาณมาก อาจทำให้หัวใจเต้นเร็ว ความดันโลหิตสูง ปวดศีรษะและมือสั่น ซึ่งมีรายงานทางวิทยาศาสตร์ว่า สารชนิดนี้จะสะสมในเครื่องในได้มากกว่าในเนื้อสุกร แม้จะนำมาผลิตอาหารสัตว์ก็ยังเสี่ยงที่จะหลุดรอดออกจากระบบมาสู่ตลาดบริโภค ทั้งนี้จึงขอเรียกร้องให้รัฐบาลทบทวนแนวทางการเจรจา หยุดแนวคิดเปิดตลาดเนื้อหมูและสินค้าเกษตรที่เปราะบาง พร้อมหันไปพิจารณาสินค้าอุตสาหกรรมอื่นที่สามารถแข่งขันได้จริง เพื่อรักษาเสถียรภาพเศรษฐกิจฐานราก ส่งเสริมอาหารปลอดภัยและสร้างความมั่นคงทางอาหารในระยะยาวอีกด้วย