พล.ต.อ.ประจวบ วงศ์สุข รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พร้อมด้วย พล.ต.ท.สันติ ชัยนิรามัย ผู้บัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด ร่วมแถลงข่าวทลายเครือข่ายยาเสพติดรายใหญ่และรายย่อยทั่วไปในประเทศไทย พร้อมทั้งขยายผลจับกุมเครือข่ายที่ยังหลบหนี รวมถึงยึดทรัพย์ผู้ที่ให้การสนับสนุนและช่วยเหลือทุกราย
โดย บช.ปส. ได้บูรณาการกำลังร่วมกับทหาร หน่วยบัญชาการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติด สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร กรมการปกครอง หน่วยครอบครองทางทหาร และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมกันละลายเครือข่ายยาเสพติดรายสำคัญทั่วประเทศ ซึ่งมีคดีสำคัญจำนวน 9 คดี โดยสามารถจับกุมผู้ต้องหา 22 คน รถยนต์ของกลาง 14 คัน ของกลางยาเสพติด ประกอบด้วย ยาบ้า 31.8 ล้านเม็ด ไอซ์ 1,105 กิโลกรัม และเฮโรอีน 173 กิโลกรัม
รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า ตามนโยบายของนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และ พล.ต.อ กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ มีนโยบายเร่งด่วนในในการปราบปรามยาเสพติดด้วยการดำเนินการจับกุมอย่างครบวงจร ตั้งแต่กระบวนการผลิต การลำเลียงยาเสพติดและปราบปรามผู้ค้ารายสำคัญ ขณะที่การจับกุมยาเสพติดใน 9 คดีนี้ เป็นการจับกุมกลุ่มเครือข่ายที่มีความสำคัญ ในกระบวนการลำเลียงยาเสพติดจากทางพื้นที่ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เข้ามายังประเทศไทย ก่อนจะนำยาเสพติดเหล่านี้มากระจายส่งต่อในพื้นที่ของประเทศไทยและส่งไปยังประเทศที่สาม
ขณะเดียวกันตำรวจได้วางแนวทางการปรับปรามทั้งในพื้นที่ชายแดน ตั้งด่านจุดตรวจสกัดลำเลียงยาเสพติด รวมถึงการสร้างเครือข่ายกับประชาชนในพื้นที่ต่างๆ เพื่อให้การดำเนินการปราบปรามยาเสพติดมีประสิทธิภาพ แต่แม้การสกัดกั้นยาเสพติดนั้นสามารถจับกุมและยึดยาเสพติดได้มากเท่าไหร่ ก็ต้องยอมรับว่าแหล่งการผลิตของยาเสพติดก็พยายามที่จะผลิตยาเสพติดเข้ามาทดแทนให้มากขึ้นเท่านั้น เพราะฉะนั้นจะต้องเพิ่มความเข้มข้นในการขอความร่วมมือกับบริษัทโลจิสติกส์ในประเทศไทย ที่จะต้องมีความรัดกุมมากยิ่งขึ้นในการตรวจค้นสินค้าที่มักส่งมาจากชายแดนที่ต้องสงสัยและมีความเสี่ยงว่าจะเป็นสิ่งของที่ผิดกฎหมายตั้งแต่ต้นทาง เพื่อเป็นการป้องกันอีกทางหนึ่ง และหากพบว่ามีบริษัทโลจิสติกส์หรือสถาบันทางการเงินเอื้อกับกลุ่มผู้กระทำความผิด ก็จะต้องถูกตรวจสอบและดำเนินคดีด้วย
ขณะที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ในห้วงวันที่ 7 มิ.ย.-8 ก.ค.68 สามารถดำเนินการสกัดเครื่องยาเสพติดให้แพร่ระบาดเข้าสู่สังคมไทยได้อย่างเป็นรูปธรรม จำนวน 24 คดี จับกุมผู้ต้องหาได้ 45 คน ของกลางยาบ้ากว่า 58 ล้านเม็ด ไอซ์ 2,192 กิโลกรัม เฮโรอีน 173 กิโลกรัม รถยนต์ 29 คัน รวมถึงสามารถยึดอายัดทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องกับการค้ายาเสพติดได้รวมมูลค่ากว่า 33 ล้านบาท