ทักษิณ โชว์วิสัยทัศน์เล่าแนวคิดโครงการโอทอปสู่ไทยเวิร์ค ประเทศไทยมีดี ควรใช้สมองทำเงิน อย่าใช้ทำลายกันเอง

วันที่ 2 ของงาน SPLASH – Soft Power Forum 2025 ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ วันนี้นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ร่วมแสดงวิสัยทัศน์ในหัวข้อ “Crafting the Future: From OTOP to ThaiWORKS and Beyond” และมีนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม และครอบครัว ร่วมรับฟังวิสัยทัศน์ด้วย

นายทักษิณ กล่าวว่า ตั้งแต่แรกที่ตั้งใจเดินหน้าเรื่องโอทอป เพราะต้องการหาอะไรที่ประชาชนมีส่วนร่วม มีรายได้และเห็นโครงการอีซองอีปิง หรือหนึ่งหมู่บ้านหนึ่งผลิตภัณฑ์ของประเทศญี่ปุ่น จึงเดินหน้าอย่างจริงจังและรู้ว่าในประเทศไทยมีงานฝีมือของชาวบ้านอยู่ทุกที่ ทุกภาค แต่ไม่สามารถหาทุน ตลาดได้ หรือออกแบบใหม่ๆ ได้ จึงคิดพัฒนาและได้รับความร่วมมือจากทีมข้าราชการกระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงมหาดไทย กระทรวงพาณิชย์ มาช่วยกันทำให้ประสบความสำเร็จ จากนั้นก็ปรับปรุงได้ในระดับหนึ่ง แต่ยังติดใจว่าในอนาคตจะสู้กับที่อื่นได้อย่างไร เพราะต้องยอมรับว่าการสื่อสาร ระบบบริหาร ของไทยมีปัญหา ยังมีความคิดต่างคนต่างทำอยู่ จึงคิดว่า “เศรษฐกิจสร้างสรรค์” น่าจะเป็นจุดแข็งที่ยังหากินได้อีกยาว เพราะโลกยิ่งเปลี่ยนไปเท่าไหร่ ก็ยิ่งอยากให้มีสิ่งที่ทำด้วยมือมนุษย์มากกว่าเครื่องจักร ควบคู่กับการตามทันเทคโนโลยี

นายทักษิณ ยังกล่าวต่อว่า ตอนที่อยู่ต่างประเทศ ได้พบกับนายปีเตอร์ อาแนล ซึ่งเป็นคนที่สร้างแบรนด์และทำงานกับบริษัทซัมซุง จึงได้ดึงมาช่วยทำเรื่องไทยเวิร์ค เพื่อต่อยอดโครงการโอทอปและเมื่อปลายปี 2548 มีแนวคิดอยากไปตั้งร้านในเมืองใหญ่ที่เป็นแหล่งช้อปปิ้ง แต่สถานการณ์การเมืองเริ่มยุ่งและประเทศไทยมักจะเสียเวลากับเรื่องที่ไร้สาระมากกว่าเรื่องที่เป็นสาระ ทำให้เรื่องที่เป็นสาระถูกละเลย พอมาถึงยุคของนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี ก็เตรียมที่จะทำในลักษณะนี้ แต่ถูกปฏิวัติเสียก่อน ทำให้โครงการต้องถูกพับไป และครั้งนี้กลับมาใหม่ โดยชวนนายปีเตอร์มาทำใหม่ พร้อมย้ำว่า ไม่ว่าตนเองจะเป็นรัฐบาล หรือไม่เป็นรัฐบาล จะไม่มีเลิกทำ เพราะตั้งใจให้เป็นธุรกิจเพื่อสังคม หรือ Social Enterprise ของคนไทย ไม่ใช่เป็นของการเมือง และอยากให้ฝีมือของชาวบ้านสู่สากลให้ได้ โดยไม่ทิ้งดีไซน์ของความเป็นไทยและฝีมือคนไทย ดังนั้น ถ้ารัฐเอาจริงเอาจัง ข้าราชการก็ร่วมมือ โดยเฉพาะกระทรวงมหาดไทย ที่ไม่ได้ให้ความร่วมมือมาก่อน วันนี้ต้องร่วมมือเต็มที่ เพราะเป็นตัวสำคัญที่จะนำนโยบายไปสู่ประชาชน ผู้ว่าฯ นายอำเภอ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน อยู่ติดชาวบ้านที่สุด ถ้าร่วมมือทุกอย่างก็สำเร็จ รวมถึงต้องแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ แม้จะยากกว่าสมัยก่อน เมื่องานไทยเวิร์ค หรือ โอทอปขับเคลื่อนได้ คนรุ่นใหม่จะหันกลับมาและจะเป็นช่องทางทำมาหากินอีกช่องทางหนึ่ง พร้อมยกตัวอย่างสินค้า ที่คาดว่าจะนำสินค้าไทยเวิร์คสู่ตลาดโลกได้คือ เรื่องผ้า ลายผ้า เพราะไทยมีความเก่ง ซึ่งสามารถนำผ้าไปทำได้หลายแบบ นอกจากนี้ยังมีเฟอร์นิเจอร์ที่ไทยมีไม้หลายสายพันธุ์ หากนำมาดีไซน์ดีๆ จะสามารถสร้างมูลค่าได้ ซึ่งภาครัฐและเอกชนต้องร่วมมือกันและมานั่งคิดกันว่า ไทยเวิร์คจะไปช่วยแต่ละหมู่บ้านอย่างไร จะไปดูตลาดอย่างไร 

นายทักษิณ ยังกล่าวอีกว่า วันนี้ AI เก่งมากเก่งจนน่ากลัว และกลัวหนัก ว่า คนไทยจะไม่ยอมตามให้ทัน วันนี้นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม บอกว่า เราน่าจะทำ Virtual Training Ai ให้กับประชาชน เรียนเสร็จแล้วค่อยให้โทเค่น เรียนก่อนเพื่อไปใช้  สิ่งเหล่านี้จะมาช่วยเรื่องครีเอทีฟอีโคโนมี่ เราจะใช้ความเป็นเอกลักษณ์ของคนไทยไปสู่โลกให้ได้

ขณะที่วันที่ 10 กรกฎาคมนี้ นายปีเตอร์ จะมานั่งสรุปแพลนของ Thai Works หลังจากนี้จะเป็นอย่างไรบ้าง จะมีโอกาสพัฒนาสินค้า OTOP เมื่อใดและจะเอาแนวคิดนี้มาแยกว่า อะไรจะลงหมู่บ้าน หรือชุมชน และฝากให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ช่วยกันเรื่อง SME เพราะยังมีปัญหา โดนจีนเอาของถูกมาขาย จึงต้องปรับปรุง SME โดยใช้ทีมของปีเตอร์ ที่มีความกว้างขวางในวงการตลาดโลก รู้จักแบรนด์ต่างๆ เข้าไปมีส่วนร่วม

นายทักษิณ ยังกล่าวถึงมาตรการช่วยเหลือ เรื่องกองถ่ายในประเทศไทย โดยมองว่าหากมีมาตรการช่วยกองถ่ายต่างประเทศ โดยการคืนอัตราภาษีนั้น การคืนเงินก็ควรเท่าเทียมกัน ถ้าให้ต่างประเทศได้ก็ต้องให้ไทยได้ ถ้าทำหนังดีมีคุณภาพและเปิดตลาดให้กว้างขึ้น รัฐช่วยสนับสนุนด้วย โดยคุยกับสถาบันการเงิน ว่า จะต้องทำไฟแนนซ์กันก็จะทำให้โตได้ โดยเฉพาะตลาดจีน อินเดีย รวมถึงต้องเปิดตลาดใหม่ โดยเฉพาะกระทรวงวัฒนธรรมไทยกับวัฒนธรรมต่างประเทศจะต้องเจรจาแลกเปลี่ยนหนังซึ่งกันและกัน เพราะคนไทยเขียนนิยายเก่ง โดยเฉพาะการเมือง เพราะนิยายน้ำเน่าเยอะมากและในอดีตอยากทำซิงเกิ้ลเกตเวย์ แต่สังคมไม่ยอมรับ ส่วนตอนนี้สามารถควบคุม OTT คือ เครือข่ายที่เป็นสิ่งจำเป็น วันนี้การสร้างหนังไทย หรือละคร ถ้าหาตลาดร่วมกับออนไลน์ Streaming หลายรายได้ จะดีที่สุด เช่น Netflix สนใจหนังผีมาก ก็เลยให้อินโดนีเซียทำหนังผี วันนี้ต้องสร้างหนัง เพื่อให้สมองได้พัฒนาหาทางทำเงิน อย่าไปพัฒนาในการทำลายซึ่งกันและกัน ประเทศอยู่ไม่ได้

ส่วนการแสดงออกทางดนตรีของเยาวชน ควรมีสถานที่ให้การสนับสนุน เด็กไทยสามารถเรียนรู้ได้ทุกอย่าง  ต้องกระจายการส่งเสริมให้เด็กแสดงความสามารถออกมาไม่ให้กระจุกกันอยู่แต่ในกรุงเทพฯ ขณะที่เรื่องดนตรีอย่าง Tomorrowland ในปี 2026 จะมีที่พัทยาครั้งแรก ซึ่งตนเองเคยไปงาน Tomorrowland กับนายกรัฐมนตรี ที่เมืองออสโล นอร์เวย์ ก็สนุกดี เป็นอีกโลกหนึ่ง หากเรามีเฟสติวัลอื่นๆ ไม่ต้องไปจ้างนักร้อง เพราะไทยจะมีเทศกาลดนตรีที่จะตามมาอีกมากมาย ทั้ง Tomorrowland Rolling Loud Summer Sonic จึงต้องมีตัวอย่างให้เด็กไทยเกิดความคิด ว่า จะเอาดีทางไหนได้ การสร้างหลายกลุ่มเข้ามาสนับสนุน  ยิ่งมากเท่าไหร่ก็จะได้มากเท่านั้น เพราะจะสร้างอาชีพให้คนจำนวนมาก แล้วพลังจะเยอะขึ้น ทุกอย่างต้องมีมูฟเมนต์

นายทักษิณ ยังกล่าวถึงซอฟต์พาวเวอร์ของประเทศไทย ว่า ประเด็นแรกที่เป็นปัญหาของประเทศไทยคือ ความไม่สามัคคี ความอิจฉาริษยา ถ้าอยู่ด้วยความสามัคคี ไม่อิจฉาริษยาและเกื้อกูลกัน ซอฟต์พาวเวอร์ คือ พลังมหาศาล มากกว่าฮาร์ดพาวเวอร์อีก นิสัยคนไทยมีความคิดสร้างสรรค์สูงและไทยมีวัฒนธรรมที่ดี เมื่อสิ่งเหล่านี้รวมกันจะสามารถสร้างพลังของซอฟต์พาวเวอร์ได้ในหลากหลายสาขา หลายช่องทางและนั่นคือ ช่องทางทำเงิน แม้ต่อไปนี้โลกจะมีเทคโนโลยีสมัยใหม่อย่างไร ก็หนีคำว่าซอฟต์พาวเวอร์ไม่ได้ ทุกอย่างไม่ทิ้งรากเหง้าเดิมแน่นอน ดังนั้น เมื่อมีของดีอยู่แล้ว ต้องนำมาใช้ให้เป็นประโยชน์ แต่สิ่งสำคัญคือ เมื่อสร้างขึ้นมาแล้ว เริ่มเติบโต คนนั้นคนนี้เริ่มอิจฉากัน ต้องทิ้งตรงนี้ไปบ้าง เข้าวัดบ้าง 

จากนั้น นายทักษิณ พร้อมด้วยนางสาวแพทองธาร และครอบครัว ชมการแสดงแฟชั่นโชว์ และเยี่ยมชมบูธภายในงาน ทั้งบูธมวยไทย ที่ได้มอบนวมชกมวยไทยให้นายทักษิณ และนางสาวแพทองธารเป็นที่ระลึกด้วย ก่อนเยี่ยมชมบูธภาพยนตร์ เยี่ยมชมบูธอุตสาหกรรมดนตรี ที่มีการนำเพลงไทยไปประยุกต์ เพื่อสื่อสารกับชาวต่างชาติให้เป็นมากยิ่งขึ้น

ข่าวที่เกี่ยวข้อง