อุตุฯ ปภ. เตือนฝนตกหนัก น้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก ถึง 13 ก.ค. นี้ หน่วยงานรัฐเร่งช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย

กรมอุตุนิยมวิทยา ประกาศเตือน ในช่วงวันที่ 12-13 กรกฎาคม 2568 มีฝนตกหนักถึงหนักมาก โดยเฉพาะภาคเหนือบริเวณจังหวัดแม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ เชียงราย พะเยา น่าน แพร่ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ขอให้ประชาชนระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม ควรหลีกเลี่ยงการเดินทางผ่านบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองและเส้นทางที่มีปัญหาน้ำท่วมซ้ำซาก โดยเฉพาะพื้นที่ลุ่มต่ำ ซึ่งอาจเกิดน้ำท่วมขังในระยะสั้นได้ ทั้งนี้ เพื่อความปลอดภัยและลดผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น ขอให้ประชาชนวางแผนการใช้ชีวิตและการเดินทางในช่วงเวลาดังกล่าวอย่างระมัดระวัง

กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) รายงานสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ 2 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดน่านและจังหวัดอุตรดิตถ์ จำนวน 5 อำเภอ 18 ตำบล 82 หมู่บ้าน บ้านเรือนประชาชนได้รับผลกระทบ 1,152 ครัวเรือน 4,468 คน ดังนี้

1) จังหวัดน่าน วันที่ 9 – 11 ก.ค. 68 เกิดฝนตกหนักทำให้น้ำหลากเข้าท่วมในพื้นที่ 3 อำเภอ ได้แก่ อำเภอนาน้อย เวียงสา และอำเภอนาหมื่น ประชาชนได้รับผลกระทบ 785 ครัวเรือน 3,000 คน และสะพานเชื่อมทางระหว่างหมู่บ้านบ้านสาลี-บ้านวนาไพรขาด ไม่สามารถสัญจรได้ เบื้องต้น สนง.ปภ.จ.ได้ประสาน ศูนย์เขต 15 เชียงราย นำสะพาน
แบริ่งมาติดตั้งชั่วคราว ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต โดย ศูนย์ ปภ. เขต 15 เชียงราย สนับสนุนเครื่องจักรสาธารณภัย เรือท้องแบนพร้อมเครื่องยนต์ 2 ลำ เครื่องสูบน้ำ 14 นิ้ว 2 เครื่อง รถปฏิบัติการเคลื่อนย้ายผู้ประสบภัย 1 คัน สะพานแบริ่ง 1 ชุด หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าให้การช่วยเหลือแล้ว

2) จังหวัดอุตรดิตถ์ วันที่ 10-11 ก.ค. 68 เกิดฝนตกหนักทำให้น้ำหลากเข้าท่วมในพื้นที่ 2 อำเภอ ได้แก่ อำเภอฟากท่า และอำเภอบ้านโคก ประชาชนได้รับผลกระทบ 367 ครัวเรือน 1,468 คน ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต
โดย ศูนย์ ปภ. เขต 9 พิษณุโลก สนับสนุนเครื่องจักรสาธารณภัย เรือท้องแบนพร้อมเครื่องยนต์ 1 ลำ เครื่องสูบน้ำ 14 นิ้ว 1 เครื่อง เครื่องสูบน้ำแบบหาบหาม 4 นิ้ว 2 เครื่อง รถปฏิบัติการเคลื่อนย้ายผู้ประสบภัย 1 คัน สะพานแบริ่ง 1 ชุด หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าให้การช่วยเหลือแล้ว และมีประชาชนอพยพ จำนวน 59 ราย ณ ศูนย์พักพิงชั่วคราว

กองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกลาง (กอปภ.ก) โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ได้ประสานแจ้งจังหวัดและศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขตในพื้นที่เสี่ยงภัยให้เฝ้าระวัง ติดตาม และเตรียมพร้อมรับมือ ซึ่งกำชับให้จัดเจ้าหน้าที่ติดตามสภาพอากาศ ปริมาณฝน และสถานการณ์น้ำในพื้นที่อย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะในบริเวณพื้นที่เสี่ยง รวมถึงแจ้งเตือนประชาชนที่อยู่ในพื้นเสี่ยงภัยทราบล่วงหน้า และให้เตรียมความพร้อมด้านบุคลากร อุปกรณ์ และเครื่องจักรกลสาธารณภัยให้สามารถเข้าเผชิญเหตุและช่วยเหลือประชาชนได้อย่างรวดเร็วเมื่อเกิดสถานการณ์ภัยขึ้นตลอด 24 ชั่วโมง นอกจากนี้ (11 ก.ค. 68) ปภ. ยังได้ส่งข้อความแจ้งเตือนผ่าน Cell Broadcast เตือนน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก ดินโคลนถล่ม ให้รีบยกของขึ้นที่สูง และติดตามข่าวสารจากราชการอย่างใกล้ชิด จำนวน 4 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดน่าน อุตรดิตถ์ แพร่ และจังหวัดแม่ฮ่องสอน ประชาชนสามารถแจ้งเหตุและขอความช่วยเหลือได้ทางไลน์ “ปภ.รับแจ้งเหตุ 1784” Line ID @1784DDPM หรือโทรสายด่วนนิรภัย (ปภ.) 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง

ศูนย์ปฏิบัติการธรณีพิบัติภัย กรมทรัพยากรธรณี ได้ออกประกาศขอให้อาสาสมัครเครือข่ายกรมทรัพยากรธรณีและประชาชนทั่วไปเฝ้าระวังภัยดินถล่มและน้ำป่าไหลหลาก จนถึงวันที่ 13 กรกฎาคม 2568 ในพื้นที่จังหวัดแม่ฮ่องสอน ตาก เชียงใหม่ เชียงราย พะเยา น่าน แพร่ ลำปาง อุตรดิตถ์ พิษณุโลก และจังหวัดตราด เนื่องจากมีฝนตกหนักต่อเนื่อง ทำให้ชั้นดินอุ้มน้ำไว้มากอาจส่งผลให้เกิดดินถล่มได้ ทั้งนี้ ขอให้อาสาสมัครเครือข่ายเฝ้าระวังแจ้งธรณีพิบัติภัยของกรมทรัพยากรธรณี เตรียมความพร้อมเฝ้าระวังภัยและวัดปริมาณน้ำฝนอย่างต่อเนื่อง หากเกิดเหตุให้แจ้งเตือนสถานการณ์ดินถล่มและน้ำป่าไหลหลากให้ประชาชนในหมู่บ้านได้รับทราบ และแจ้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพร้อมปฏิบัติตามแผนเฝ้าระวัง

ศูนย์ปฏิบัติการน้ำอัจฉริยะ (SWOC : Smart Water Operation Center) กรมชลประทาน ได้ให้ความช่วยเหลือจังหวัดน่าน อำเภอเวียงสา และ อำเภอนาน้อย ที่เกิดน้ำป่าไหลหลากและน้ำเอ่อล้นตลิ่ง โดยโครงการชลประทานน่าน สำนักงานชลประทานที่ 2 บูรณาการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องลงพื้นที่สำรวจความเสียหาย รวมทั้งประสานจัดเจ้าหน้าที่เฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์ในพื้นที่อย่างใกล้ชิด ปัจจุบันระดับน้ำท่วมลดลงต่อเนื่อง คาดการณ์ว่าสถานการณ์จะกลับสู่ภาวะปกติภายใน 1-2 วันนี้ หากไม่มีฝนตกลงมาเพิ่ม

ส่วนจังหวัดตราด อำเภอเขาสมิง มีปริมาณน้ำฝนสะสมในพื้นที่จำนวนมากส่งผลให้เกิดน้ำท่วมขังในพื้นที่กรมชลประทาน ได้ติดตั้งพร้อมเดินเครื่องสูบน้ำตามจุดเสี่ยงต่างๆ เพื่อเตรียมความพร้อมรับสถานการณ์ และเร่งระบายน้ำออกจากพื้นที่ต่อเนื่อง และเน้นย้ำให้ทุกโครงการชลประทานในพื้นที่เสี่ยง เฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด พร้อมปฏิบัติตามแผนเผชิญเหตุที่วางไว้ รวมทั้งเจ้าหน้าที่ให้สามารถเข้าไปช่วยเหลือได้ทันทีและพิจารณาปรับการระบายน้ำให้สอดคล้องกับสถานการณ์ฝนที่ตกในแต่ละพื้นที่และบูรณาการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ให้เตรียมพร้อมรับมือกับสถานการณ์ฝนตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อลดผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับประชาชนให้ได้มากที่สุด

นอกจากนี้ สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดตราด ยังได้สนับสนุนเรือไฟเบอร์กลาส จำนวน 17 ลำ เพื่อให้ประชาชนใช้ในการเดินทางเข้า–ออก จากที่พักอาศัยในพื้นที่ที่รถยนต์ไม่สามารถสัญจรได้ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้สำรวจความเสียหาย เพื่อให้ความช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบโดยเร่งด่วน

จากการที่เกิดฝนตกหนักอย่างต่อเนื่องในพื้นที่จังหวัดอุตรดิตถ์ ในพื้นที่อำเภอฟากท่า โดยเฉพาะในเขตพื้นที่เทศบาลตำบลฟากท่า ที่หมู่ 3 บ้านกกต้อง ถนนสายบ้านกกต้อง ไปบ้านโคก น้ำท่วมถนนไหลบ่าแรง ไม่สามารถสัญจรได้ จังหวัดอุตรดิตถ์ ได้จัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยเทศบาลตำบลฟากท่า โดยเทศบาลตำบลฟากท่าได้รับผลกระทบประมาณ 120 ครัวเรือน ระดับน้ำสูงประมาณ 1.50 เมตร ประชาชนบางส่วนได้อพยพมาอยู่ที่เทศบาลฟากท่า ซึ่งได้จัดตั้งเป็นศูนย์อพยพสามารถรองรับผู้ประสบภัยได้ 70 ราย และหากไม่เพียงพอ จะมีโรงเรียนอนุบาลฟากท่าซึ่งอยู่ตรงกันข้ามกับเทศบาลตำบลฟากท่า สามารถรองรับผู้ประสบภัยได้อย่างไม่จำกัด และอีกจุดหนึ่งที่น่ากังวลคือบ้านกกต้อง มีสะพานตัดขาด ผู้ประสบภัย 83 ครัวเรือน ได้อพยพไปอยู่ที่ อบต.ฟากท่า ประมาณ 10 คน เนื่องจากกระแสน้ำแรง ต้องใช้เรือเร็วจากมณฑลทหารบกที่ 35 และกู้ภัยอุตรดิตถ์เข้าช่วยเหลือ

ด้านนายศิริวัฒน์ บุปผาเจริญ ผู้ว่าราชการจังหวัดอุตรดิตถ์ ได้ลงพื้นที่ตรวจติดตามสถานการณ์ และให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ โดยสั่งการให้ทุกหน่วยเฝ้าระวังน้ำป่าไหลหลาก ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด เตรียมพร้อมทั้งบุคลากร เครื่องจักรกล และแผนการให้ความช่วยเหลือประชาชนอย่างเร่งด่วน ทั้งนี้น้ำในเขตพื้นที่เทศบาลตำบลฟากท่ายังอยู่ในภาวะวิกฤต เนื่องจากยังมีปริมาณน้ำที่ไหลมาจากบ้านโคกอย่างต่อเนื่อง และในพื้นที่ อ.ฟากท่ายังคงมีฝนยังตกอยู่เป็นระยะ ๆ ส่วนพื้นที่บ้านโพนดู่ ตำบลสองคอน ระดับน้ำเริ่มทรงตัว หน่วยงานต่าง ๆ ผู้นำหมู่บ้าน ยังคงเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด และจะเริ่มสำรวจความเสียหายพื้นที่ทางการเกษตรในพื้นที่ เพื่อเร่งรัดติดตาม ให้ความช่วยเหลือพี่น้องประชาชนในเบื้องต้น

ขณะที่กองร้อยทหารพรานที่ 3204 หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 32 กองกำลังผาเมือง จัดกำลังพลชุดบรรเทาสาธารณภัย พร้อมจิตอาสาภัยพิบัติ จำนวน 1 ชุดปฏิบัติการ เร่งเข้าให้การช่วยเหลือชาวบ้านจังหวัดอุตรดิตถ์ ซึ่งได้รับผลกระทบประสบภัยจากน้ำป่าไหลหลากเข้าท่วมบ้านเรือน โดยอำนวยความสะดวกในการเคลื่อนย้ายผู้ประสบภัยและทรัพย์สิน รวมถึงสนับสนุนการจัดระบบความปลอดภัยในพื้นที่เสี่ยงภัยอย่างเร่งด่วน และได้ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้รับทราบ เพื่อเข้าให้การช่วยเหลือต่อไปแล้ว  ทั้งนี้หน่วยยังคงเฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์น้ำป่าไหลหลากอย่างใกล้ชิด

นายชัยนรงค์​ วงศ์​ใหญ่​ ผู้ว่าราชการจังหวัดน่าน​ กล่าวว่า​ จากกรณีที่​มีฝนตกหนักอย่างต่อเนื่องในพื้นที่จังหวัดน่าน​ โดยเฉพาะในพื้นที่อำเภอเวียงสา​ ทำให้แม่น้ำน่านมีปริมาณ​เพิ่มสูงขึ้น​ โดยศูนย์อุทกวิทยาชลประทานภาคเหนือตอนบน ได้รายงานสถานการณ์น้ำลุ่มน้ำน่าน​ วันที่ 11 กรกฎาคม 2568 เวลา 20.00 น.​ ซึ่งแม่น้ำน่านอยู่ในระดับเฝ้าระวัง มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น​ และสูงกว่าระดับตลิ่ง จึงขอแจ้งเตือนประชาชนให้ติดตามสถานการณ์​น้ำอย่างต่อเนื่อง​ พร้อมกับขนย้ายสิ่งของ​ สัตว์​เลี้ยงขึ้นบนที่สูง​

ด้านนายนิวัฒน์ งามธุระ รองผู้ว่าราชการจังหวัดน่าน ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่บ้านน้ำมวบ ต.น้ำมวบ อ.เวียงสา ยังมีความน่ากังวล เนื่องจากฝนที่ตกต่อเนื่องส่งผลให้ระดับน้ำเพิ่มขึ้นกว่า 1 เมตร มีประชาชนได้รับผลกระทบแล้วกว่า 120 หลังคาเรือน คิดเป็น 60% ของหมู่บ้าน ทั้งนี้ฝ่ายติดตามและพยากรณ์สถานการณ์น้ำ สำนักงานบริหารจัดการน้ำและอุทกวิทยา (สบอ.) คาดการณ์ว่า วันที่ 12 กรกฎาคม 2568 ที่สถานีวัดน้ำ N13.A (บ้านบุญนาค) อำเภอเวียงสา จะมีปริมาณน้ำไหลสูงสุดประมาณ 1,424 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที สูงกว่าระดับตลิ่งถึง 0.88 เมตร จึงขอให้ประชาชนที่อาศัยอยู่ริมน้ำ แม่น้ำน่าน และลำน้ำสาขาในพื้นที่เสี่ยงเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด

ขณะที่พลตรี บุญญฤทธิ์ เกษตรเวทิน ผู้บัญชาการศูนย์บรรเทาสาธารณภัยมณฑลทหารบกที่ 38 ได้จัดกำลังพลชุดปฏิบัติการบรรเทาสาธารณภัย และจิตอาสาภัยพิบัติ จาก กองพันทหารม้าที่ 15 กรมทหารม้าที่ 2 ลงพื้นที่ร่วมกับผู้นำหมู่บ้านน้ำมวบ ตำบลน้ำมวบ อำเภอเวียงสา จังหวัดน่าน เพื่อให้การช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์น้ำท่วมฉับพลัน พบว่าระดับน้ำในพื้นที่เพิ่มสูงขึ้นกว่า 1 เมตร และยังคงมีฝนตกลงมาอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ กำลังพลชุดบรรเทาสาธารณภัย และจิตอาสาภัยพิบัติ ได้เร่งเข้าช่วยเหลือ อำนวยความสะดวกในการเคลื่อนย้ายผู้ประสบภัยและทรัพย์สิน รวมถึงสนับสนุนการจัดระบบความปลอดภัยในพื้นที่เสี่ยงภัยอย่างเร่งด่วน และยังคงเฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์น้ำป่าไหลหลากอย่างใกล้ชิด พร้อมจัดเตรียมกำลังและยุทโธปกรณ์ให้พร้อมปฏิบัติการทันที หากสถานการณ์มีแนวโน้มรุนแรงขึ้น โดยเน้นย้ำการแจ้งเตือนล่วงหน้าให้ประชาชนสามารถเตรียมความพร้อมรับมือและลดความสูญเสียที่อาจเกิดขึ้น

ขณะที่อุทยานแห่งชาติแม่จริม จังหวัดน่าน ได้ออกประกาศแจ้งปิดเส้นทางเข้าอุทยานฯ ชั่วคราว หลังเกิดฝนตกหนักอย่างต่อเนื่อง จากการตรวจสอบพบว่าสภาพถนนและเส้นทางภายในอุทยานแห่งชาติได้รับความเสียหายจากดินสไลด์ในหลายจุด เพื่อความปลอดภัยของนักท่องเที่ยวและป้องกันอันตรายที่อาจเกิดขึ้น อุทยานฯ จึงจำเป็นต้องปิดเส้นทางเข้าจนกว่า

 นายสมชัย เลิศประสิทธิพันธ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดแพร่ ลงพื้นที่ให้กำลังใจและช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยน้ำป่าไหลหลากในพื้นที่ตำบลไผ่โทน อำเภอร้องกวาง จังหวัดแพร่ โดยฝนที่ตกหนัก ทำให้เกิดน้ำป่าไหลหลาก และน้ำล้นตลิ่งห้วยแม่คำมี เข้าท่วมบ้านเรือนประชาชนและพื้นที่เกษตร รวม 3,156 ไร่ สำนักงานเกษตรจังหวัดแพร่​ มอบหมายให้เกษตรอำเภอร้องกวาง​พร้อมเจ้าหน้าที่​​ลงพื้นที่ร่วมกับ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน​ ในการช่วยเหลือ​ พร้อมแนะนําเกษตรกรที่แปลงมีน้ำท่วมขัง เร่งระบายน้ำออกเพื่อช่วยเหลือบรรเทาความเสียหายที่จะเกิดกับพืช​สวน และให้สำนักงานเกษตรจังหวัดแพร่ แจ้งให้สำนักงานเกษตรอำเภอทุกอำเภอติดตามเฝ้าระวังสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิดและรายงานให้จังหวัดแพร่ทราบ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง