หน่วยงานรัฐบูรณาการความร่วมมือ เร่งสำรวจความเสียหาย ช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย

นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงสถานการณ์อุทกภัยจังหวัดอุตรดิตถ์และภาคเหนือตอนล่าง ว่า ขณะนี้ฝนตกหนักในหลายพื้นที่ทำให้หลายจังหวัดมีปริมาณน้ำมาก และมีน้ำท่วมขัง จึงสั่งการให้เจ้าหน้าที่กระทรวงสาธารณสุขประสานหน่วยงานในพื้นที่ร่วมกันดูแลช่วยเหลือด้านการแพทย์และสาธารณสุข โดยได้มอบหมายให้สาธารณสุขอำเภอและโรงพยาบาล​ จัดทีมลงพื้นที่ดูแลกลุ่มเปราะบาง ช่วยเหลืออพยพผู้ป่วยติดเตียง และเฝ้าระวังติดตามอย่างใกล้ชิด หากน้ำลดให้นำชุดทำความสะอาดมอบให้ แนะนำการจัดการสิ่งแวดล้อมในศูนย์พักพิงและบ้านเรือน แนะแนวทางดูแลตัวเองในช่วงน้ำท่วม เบื้องต้นได้รับรายงานว่า จังหวัดอุตรดิตถ์จัดตั้งศูนย์พักพิง 2 แห่ง ที่​อำเภอฟากท่า ในเทศบาลตำบลและองค์การบริหารส่วนตำบล ไม่มีรายงานผู้บาดเจ็บสาหัส ผู้เสียชีวิต มีเพียงผู้บาดเจ็บเล็กน้อย วิงเวียนศีรษะ จากความเครียด 2 ราย ได้ประสานสนับสนุนยาชุดช่วยเหลือผู้ประสบภัย

ส่วนการให้ความดูแลในศูนย์พักพิงชั่วคราว จัดทีมดูแล หน่วยแพทย์ หรือจุดปฐมพยาบาล ทีมดูแลสุขภาพจิต มีอาหาร น้ำดื่ม น้ำใช้ การจัดการขยะ ห้องสุขาให้บริการ พร้อมแจกยาชุดผู้ประสบภัย และโลชั่นทากันยุง ขณะที่จังหวัดอื่น​ๆ จะต้องเตรียมการเรื่องเวชภัณฑ์ยาให้พร้อมเพียงพอ รวมทั้งเกาะติดและประเมินสถานการณ์จากเบาไปหนัก เพื่อเตรียมการช่วยเหลือให้ทันท่วงที

กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย รายงานสถานการณ์อุทกภัยในช่วงวันที่ 11-12 กรกฎาคม 2568 มีสถานการณ์ในพื้นที่ 5 จังหวัด ประกอบดัวย จังหวัดน่าน อุตรดิตถ์ แพร่ เชียงราย แม่ฮ่องสอน รวม 13 อำเภอ 35 ตำบล 133 หมู่บ้าน บ้านเรือนประชาชนได้รับผลกระทบ 1,517 ครัวเรือน 4,468 คน

1. จังหวัดน่าน วันที่ 9-12 ก.ค.68 เกิดฝนตกหนักทำให้น้ำหลากเข้าท่วมในพื้นที่ 4 อำเภอ 18 ตำบล 79 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 949 ครัวเรือน 3,000 คน และสะพานเชื่อมทางระหว่างหมู่บ้าน บ้านสาลี-บ้านวนาไพรขาดไม่สามารถสัญจรได้เบื้องต้น สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัด (ปภ.จ.) ได้ประสาน ศูนย์ ปภ.เขต 15 เชียงราย ติดตั้งสะพานเบลีย์ชั่วคราว และสนับสนุนเครื่องจักรกลสาธารณภัย เรือท้องแบน พร้อมเครื่องยนต์ 2 ลำ เครื่องสูบน้ำ 14 นิ้ว 2 เครื่อง รถปฏิบัติการเคลื่อนย้ายผู้ประสบภัย 1 คัน สะพานเบลีย์ 1 ชุด ปภ.จ. หน่วยทหารในพื้นที่ เจ้าหน้าที่ตำรวจ จิตอาสา อาสาสมัครป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน (อปพร.) อาสาสมัคร มูลนิธิพร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้การช่วยเหลือแล้ว ปัจจุบันสถานการณ์คลี่คลายแล้ว

2. จังหวัดอุตรดิตถ์ วันที่ 10-12 ก.ค.68 เกิดฝนตกหนักทำให้น้ำหลากเข้าท่วมในพื้นที่ 3 อำเภอ 9 ตำบล 44 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 567 ครัวเรือน 1,468 คน และเมื่อวันที่ 11 ก.ค.68 สะพานเบลีย์ซึ่งติดตั้งเป็นเส้นทางชั่วคราวในพื้นที่ ม. 3 บ้านกกต้อง ต.ฟากท่า อ.ฟากท่า พังลงไปในแม่น้ำปาดสาเหตุคาดว่าเกิดจากท่อนซุงกระแทกตอม่อสะพานคอนกรีตเดิมพัง ทำให้สะพานเบลีย์ที่ติดตั้งพังลง ขณะนี้ศูนย์ ปภ.เขต 9 พิษณุโลก สำรวจและจะดำเนินการเก็บกู้สะพานเบลีย์ คาดว่าหากระดับน้ำลดลงจะสามารถเก็บกู้สะพานดังกล่าวได้ โดยศูนย์ ปภ.เขต 9 พิษณุโลก สนับสนุนเครื่องจักรกลสาธารณภัย เรือท้องแบนพร้อมเครื่องยนต์ 1 ลำ เครื่องสูบน้ำ 14 นิ้ว 1 เครื่อง เครื่องสูบน้ำแบบหาบหาม 4 นิ้ว 2 เครื่อง รถปฏิบัติการเคลื่อนย้ายผู้ประสบภัย 1 คัน สะพานเบลี่ย์ 1 ชุด หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าให้การช่วยเหลือแล้ว และอพยพประชาชน จำนวน 59 ราย ปัจจุบันระดับน้ำลดลง

3. จังหวัดแพร่ วันที่ 12 ก.ค. 68 เกิดฝนตกหนักทำให้น้ำหลากเข้าท่วมในพื้นที่ ต.แดนชุมพล ต.บ้านกลาง อ.สอง ความเสียหายอยู่ระหว่างการสำรวจ โดย ศูนย์ ปภ. เขต 15 เชียงรายสนับสนุนเครื่องจักรกลสาธารณภัย เครื่องสูบน้ำ 14 นิ้ว 1 เครื่อง หน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้การช่วยเหลือแล้ว ปัจจุบันสถานการณ์คลี่คลายแล้ว

4. จังหวัดเชียงราย วันที่ 12 ก.ค.68 เกิดฝนตกหนักทำให้น้ำหลากเข้าท่วมในพื้นที่ ม.9,14 ต.ดอยลาน
อ.เมืองฯ ม.13 ต.บ้านแซว อ.เชียงแสน ความเสียหายอยู่ระหว่างการสำรวจ โดย ศูนย์ ปภ. เขต 15 เชียงราย สนง.ปภ.จ. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้การช่วยเหลือแล้ว ปัจจุบันสถานการณ์คลี่คลายแล้ว

5. จังหวัดแม่ฮ่องสอน วันที่ 12 ก.ค.68 เกิดฝนตกหนักทำให้น้ำหลากและดินสไลด์ในพื้นที่ ม.4 ต.ปางหมู อ.เมืองฯ ม.2,4 ต.แม่ยวมน้อย อ.ขุนยวม ม.5 ต.แม่นาจาง ม.7 ต.แม่ลาหลวง อ.แม่ลาน้อย ส่งผลให้บ้านเรือน ประชาชนได้รับผลกระทบ 1 ครัวเรือน โดย ศูนย์ ปภ. เขต 10 ลำปาง สนง.ปภ.จ. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
ให้การช่วยเหลือแล้ว ปัจจุบันสถานการณ์คลี่คลายแล้ว

สืบเนื่องจากเกิดฝนตกหนักในพื้นที่อำเภอบ้านโคก อำเภอฟากท่า และอำเภอน้ำปาด ตั้งแต่คืนวันที่ 11 กรกฎาคม 2568 ที่ผ่านมา ส่งผลให้ระดับน้ำในแม่น้ำปาดเพิ่มสูงขึ้น ล้นทะลักเข้าท่วมบ้านเรือนราษฎรและพื้นที่ทางการเกษตร นายศิริวัฒน์ บุปผาเจริญ ผู้ว่าราชการจังหวัดอุตรดิตถ์ ลงพื้นที่อำเภอน้ำปาดเพื่อรับฟังสถานการณ์ภาพรวมความเสียหาย ซึ่งล่าสุดน้ำได้ลดลงบ้างแล้ว พร้อมกับสั่งการไปยังหน่วยงานในพื้นที่ให้รีบช่วยเหลือประชาชน โดยเฉพาะในพื้นที่ตำบลเด่นเหล็ก ซึ่งมีประชาชนและพื้นที่ทางการเกษตรได้รับความเสียหายมากที่สุด ซึ่งได้มอบหมายให้กิ่งกาชาดอำเภอน้ำปาดนำอาหารและน้ำดื่มแจกจ่ายให้กับประชาชน หน่วยงานในพื้นที่สำรวจความเสียหายเพื่อให้ได้รับการช่วยเหลือจากทางการต่อไป

ขณะที่มีการแจ้งเตือนผู้ที่จะเดินทางไปอำเภอน้ำปาด ฟากท่า บ้านโคก ให้หลีกเลี่ยงเส้นทางจากเขื่อนสิริกิติ์ไปอำเภอน้ำปาด เนื่องจากมีน้ำท่วมถนนบริเวณสะพานบ้านท่านา ม.8 ต.แสนตอ และให้ใช้เส้นทางสักใหญ่แทน แต่ถ้าไปแค่เขื่อนสิริกิติ์สามารถเดินทางไปได้ตามปกติ

ทางด้านกองพลทหารม้าที่ 1 โดยกองพันทหารม้าที่ 7 กรมทหารม้าที่ 2 จัดชุดบรรเทาสาธารณภัย ลงพื้นที่เร่งฟื้นฟูอาคารโรงเรียนอนุบาลฟากท่า ให้กลับมาสู่สภาพปกติหลังจากที่น้ำได้ลดลงแล้ว

นายชัยนรงค์ วงศ์ใหญ่ ผู้ว่าราชการจังหวัดน่าน กล่าวถึงสถานการณ์อุทกภัยและการให้ความช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อน ว่า ความเสียหายที่อำเภอแม่จริม ขณะนี้ถนนร่มเกล้าที่ได้รับความเสียหาย ทางหลวงชนบทจะเข้าไปฟื้นฟูและทำทางเบี่ยงเพื่อให้สัญจรได้ชั่วคราวก่อน ส่วนอีก 2 อำเภอ คืออำเภอเวียงสา และนาน้อย ที่ยังมีสถานการณ์น้ำล้นตลิ่งอยู่เป็นบางจุด เช่น ที่สะพานท่าลี่ระดับน้ำสูงกว่าตลิ่ง แต่ขณะนี้มีแนวโน้มลดลงแล้ว อำเภอเวียงสา สะพานที่บ้านสาลี่ข้ามไปที่บ้านวนาไพรได้รับความเสียหาย ทำให้ถนนสัญจรระหว่าง 2 หมู่บ้านขาด ทางจังหวัดได้ประสานสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขตเชียงราย ซึ่งจะส่งเจ้าหน้าที่มาสำรวจ และนำสะพานเบลี่ย์มาวางเพื่อแก้ปัญหาเบื้องต้นไปก่อน ทั้งนี้เมื่อฝนหยุดตกจะเร่ง เข้าฟื้นฟูความเสียหายที่เกิดขึ้น จึงได้สั่งการให้นายอำเภอในพื้นที่ได้เน้นย้ำกับ อบต. เกี่ยวกับการจัดอาหารและเครื่องดื่ม เพื่อแจกจ่ายให้กับผู้ประสบภัยหรือน้ำยังท่วมขังอยู่จนกว่าสถานการณ์จะเข้าสู่ภาวะปกติ 

ทางด้านว่าที่ร้อยตรี ณฐพล นพณัฐธนากุล นายอำเภอเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดน่าน ได้รับรายงานจากนางสาวเรณู เนตรทิพย์ ผู้ใหญ่บ้านนาคุ อ.เฉลิมพระเกียรติ จ.น่าน ว่ามีต้นไม้ล้มกีดขวางทางจราจร บริเวณทางหลวงหมายเลข 1081 จนไม่สามารถสัญจรได้ ต่อมาผู้ใหญ่บ้าน ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน ชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) พร้อมด้วย ประชาชนบ้านนาคุ ได้ช่วยกันเคลื่อนย้ายต้นไม้ดังกล่าวออกจากทางหลวง จนเปิดทางให้สัญจรได้

จากเหตุการณ์ฝนตกหนักทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก เข้าท่วมบ้านเรือนประชาชน พื้นที่การเกษตร ที่จังหวัดแพร่ เบื้องต้นได้รับผลกระทบ 1 อำเภอ 4 ตำบล 13 หมู่บ้าน 97 ครัวเรือน พื้นที่ได้รับความเสียหาย คือ ตำบลบ้านกลาง บ้านหนุน แดนชุมพล ทุ่งน้าว อำเภอสอง จังหวัดแพร่ โดยองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ผู้นำชุมชน เร่งให้ความช่วยเหลือและเร่งสำรวจความเสียหายเพิ่มเติม ขณะนี้น้ำได้ลดลงและในบางพื้นที่น้ำยังทรงตัว จึงขอย้ำให้ประชาชน เกษตรกร ยังต้องเฝ้าระวัง ขนย้ายสิ่งของทรัพย์สินที่จะเสียหายขึ้นสู่ที่สูง และอย่าอยู่ใกล้เส้นทางน้ำหลาก สำหรับสถานการณ์ฝนตกหนักและฝนตกสะสม
ในพื้นที่จังหวัดแพร่ ขณะนี้พบว่ามีฝนตกหนักสะสม วัดได้ที่อุทยานแห่งชาติเวียงโกศัย กว่า 202 มิลลิเมตร

ขณะที่องค์การบริหารส่วนตำบลบ้านกลาง ออกประกาศแจ้งประชาชน งดการสัญจรเข้าพื้นที่บ้านกลางทุ่งเป็นการชั่วคราว เนื่องจากเกิดน้ำท่วมขังในบริเวณแนวถนนจุดก่อสร้างโกดังร้านรังสรรค์ต่อเนื่องจนถึงแม่น้ำร่องคา ซึ่งเป็นเส้นทางหลักในการสัญจรของประชาชนในพื้นที่ ทำให้ไม่สามารถใช้สัญจรผ่านได้อย่างปลอดภัย ทั้งยานพาหนะและการเดินเท้า จึงมีความจำเป็ต้องปิดเส้นทางชั่วคราว เพื่อป้องกันอุบัติเหตุและความเสียหายที่อาจเกิดขึ้น โดยได้มีการติดตั้งป้ายแจ้งเตือนและอำนวยความสะดวกในการเบี่ยงเส้นทางไปยังพื้นที่ใกล้เคียง พร้อมติดตามระดับน้ำอย่างใกล้ชิด หากสถานการณ์คลี่คลายจะแจ้งเปิดเส้นทางให้ประชาชนทราบทันที

ข่าวที่เกี่ยวข้อง