“รองนายกฯ ภูมิธรรม” เปิดปฏิบัติการกวาดล้างยาเสพติด “No Drugs No Dealers” ตั้งเป้าเห็นผลใน 3 เดือน

นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี เป็นประธานในพิธีเปิดปฏิบัติการกวาดล้างยาเสพติด “No Drugs No Dealers” ผนึกกำลังชุมชนปลอดยาเสพติด โดยมี พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกรัฐมนตรี นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ หลักบุญ เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.)​ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร หัวหน้าส่วนราชการระดับกรมในสังกัดกระทรวงมหาดไทย ผู้ว่าราชการจังหวัด และส่วนราชการที่เกี่ยวข้องร่วมประชุมและเป็นการถ่ายทอดการประชุมผ่านระบบวิดีโอทางไกลไปยังศาลากลางจังหวัดทั้ง 76 จังหวัดและที่ว่าการอำเภอทั้ง 878 อำเภอ โดยมีนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด นายอำเภอ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ร่วมรับฟังทั่วประเทศ

นายภูมิธรรม รับชมวีดิทัศน์การสร้างหมู่บ้าน/ชุมชน ปลอดยาเสพติด และรับฟังรายงานวัตถุประสงค์การจัดงาน โดย พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ กล่าวรายงานว่า ตามนโยบายรัฐบาลปัญหายาเสพติดเป็นปัญหาเร่งด่วนต้องเร่งดำเนินการ ซึ่งรัฐบาลจะแก้ปัญหายาเสพติดอย่างเด็ดขาดและครบวงจรเริ่มตั้งแต่การตัดต้นตอการผลิตและจำหน่าย สร้างความร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้าน สกัดกั้นควบคุมการลักลอบนำเข้า ปราบปราม และยึดทรัพย์ผู้ค้าอย่างเด็ดขาด ตลอดจนค้นหาผู้เสพเพื่อนำเข้าสู่การบำบัดรักษาและฟื้นฟูสภาพทางสังคม รวมทั้งติดตามดูแลช่วยเหลือเพื่อไม่ให้กลับไปสู่วงจรยาเสพติด เพื่อคืนคนคุณภาพกลับสู่สังคม โดย ป.ป.ส. ได้ดำเนินการตามนโยบายด้วยการกำหนดแผนป้องกันปราบปรามและแก้ไขปัญหายาเสพติดที่มีการกำหนดเป้าหมาย แผนงาน โครงการ ตัวชี้วัด เพื่อให้จังหวัดและอำเภอนำไปใช้เป็นแนวทางปฏิบัติ รวมทั้งการกำหนดพื้นที่ที่มีความเร่งด่วน และผู้รับผิดชอบเพื่อป้องกันและปราบปรามยาเสพติด เนื่องจากปัญหายาเสพติดเป็นปัญหาที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วตามสถานการณ์ที่มีการเปลี่ยนแปลง และจากสถานการณ์ระหว่างประเทศในปัจจุบัน ซึ่งมีผลกระทบต่อประเทศไทย ในการประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 24 มิถุนายน 2568 ที่ประชุมเห็นชอบให้ทุกส่วนราชการเตรียมการรองรับสถานการณ์ที่อาจจะมีผลต่อประเทศไทย และให้จัดการประชุมผู้ว่าราชการจังหวัดและผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดทั่วประเทศเพื่อมอบนโยบายและกำชับถึงบทบาทการดำเนินงานและมาตรการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด เพื่อเป็นการเน้นย้ำนโยบายในการแก้ไขปัญหายาเสพติดของรัฐบาล ป.ป.ส. จึงได้จัดปฏิบัติการกวาดล้างยาเสพติด “No Drugs No Dealers” ผนึกกำลังชุมชนปลอดยาเสพติด โดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อตอกย้ำเจตนารมณ์อันแน่วแน่ของรัฐบาลในการแก้ไขปัญหายาเสพติด เพื่อเร่งรัดและกำชับการดำเนินงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติดตามนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาลอย่างเด็ดขาด และเพื่อมอบหมายให้ผู้ปฏิบัติในจังหวัดได้เร่งดำเนินการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดให้เห็นผลเป็นรูปธรรมใน 3 เดือน

นายภูมิธรรม กล่าวมอบนโยบาย ว่า ปัจจุบันเราเผชิญกับภัยอาชญากรรมจากภายนอกประเทศ ซึ่งเล็ดลอดเข้าสู่ประเทศไทยผ่านตามแนวชายแดน ไม่ว่าจะเป็นการค้ามนุษย์ แก๊งคอลเซ็นเตอร์ การค้าสิ่งของผิดกฎหมายและการลักลอบขนยาเสพติดเข้าประเทศไทย โดยยาเสพติดถือเป็นภัยร้ายที่บ่อนทำลายประเทศมาอย่างยาวนาน ถึงแม้ว่าไทยจะไม่ได้เป็นต้นกำเนิดของยาเสพติด แต่ก็ได้รับผลกระทบจากการลักลอบนำเข้ายาเสพติดจากประเทศเพื่อนบ้าน บริเวณชายแดนภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งเส้นทางของยาเสพติดเหล่านี้จะถูกนำเข้าไปแพร่ระบาดในหมู่บ้านและชุมชน หรือถูกส่งต่อไปยังปลายทางประเทศที่ 3 แต่ไม่ว่าปลายทางของยาเสพติดจะไปสิ้นสุดที่ใด แน่นอนว่ายาเสพติดก็จะสร้างปัญหาที่ทำลายชีวิตของคนในหมู่บ้าน ทำลายความสงบสุขและปลอดภัยของชุมชน อีกทั้งทำลายโอกาสดีๆ ของคนรุ่นลูกรุ่นหลานต่อไปไม่รู้จบ ปัญหายาเสพติด จึงเป็นวาระแห่งชาติ ที่รัฐบาลตั้งใจขจัดให้หมดไปจากผืนแผ่นดินไทย ทั้งนี้ ที่ผ่านมารัฐบาลได้ดำเนินงานอย่างเข้มข้น จริงจัง และต่อเนื่อง ด้วยมาตรการและปฏิบัติการต่างๆ ทั้งการกำหนดแผนปฏิบัติการป้องกัน ปราบปราม และแก้ไขปัญหา
ยาเสพติด ปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 จะมีการกำกับ ติดตาม และประเมินผลตัวชี้วัดอย่างต่อเนื่อง

ปฏิบัติการ Seal Stop Safe ที่ได้เริ่มเมื่อ 1 ก.พ. 68 ที่ผ่านมา ในพื้นที่ 14 จังหวัด 51 อำเภอชายแดน 76 สถานีตำรวจ ซึ่งได้เห็นความสำเร็จของการปฏิบัติงานอยู่เสมอและต้องขอชื่นชมและขอบคุณผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกคน และยังมีการดำเนินงานแก้ไขปัญหายาเสพติดในพื้นที่ต้นแบบ “ธวัชบุรีโมเดล” และ “ท่าวังผาโมเดล” โดยขยายผลไปยังพื้นที่ 10 จังหวัดนำร่อง นอกจากนี้ยังมีการดำเนินงานแก้ปัญหายาเสพติดในพื้นที่ต้นแบบ อย่างไรก็ตาม รัฐบาลต้องการขยายผลให้การแก้ปัญหายาเสพติดเป็นไปอย่างเข้มข้นและครอบคลุมทุกพื้นที่ทั่วประเทศ ไม่ว่าจะเป็นกรุงเทพมหานครและ 76 จังหวัด 878 อำเภอที่ต้องอาศัยความร่วมมือของข้าราชการทุกหน่วยที่เกี่ยวข้องเพื่อให้การดำเนินการเข้าถึงประชาชน จึงจะสามารถขจัดปัญหายาเสพติดไปได้อย่างแท้จริง

รัฐบาลจะผลักดันวาระการแก้ไขปัญหายาเสพติด ซึ่งเป็นวาระแห่งชาติ ให้เป็นวาระของจังหวัด อำเภอ และหมู่บ้าน/ชุมชนทั่วประเทศ ผ่านปฏิบัติการกวาดล้างยาเสพติด “No Drugs No Dealers” ผนึกกำลังชุมชนปลอดยาเสพติด โดยมีเป้าหมายและตัวชี้วัดว่าภายใน 3 เดือนนี้ หมู่บ้าน/ชุมชนที่มีปัญหายาเสพติด จะต้องเริ่มแก้ไขปัญหา วางกลไกของชุมชนและประกาศตนเป็น “หมู่บ้านชุมชนปลอดยาเสพติด” ที่จะต้องไม่มีทั้งผู้ค้าและผู้เสพอีกต่อไป ทั้งนี้ การดำเนินงานดังที่กล่าวมานี้ จำเป็นต้องอาศัยการทำงานร่วมกันของจังหวัดและฝ่ายปกครองนำโดยผู้ว่าราชจังหวัด เจ้าหน้าที่ตำรวจ นำโดยผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัด และเจ้าหน้าที่สาธารณสุข นำโดยนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด เพื่อขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหายาเสพติดให้ครบถ้วนทุกมิติ นับตั้งแต่การป้องกันไม่ให้ยาเสพติดเข้าสู่ประเทศ การปราบปรามการแพร่ระบาดของยาเสพติดในชุมชน ตลอดจนการฟื้นฟูคนดีกลับสู่สังคม

ขอให้ผู้ว่าราชการจังหวัดและผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัด จับมือกัน ร่วมกันทำงานป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดให้เห็นผลเป็นรูปธรรมชัดเจน โดยจะต้องบูรณาการร่วมกับทุกหน่วยงาน โดยเฉพาะในด้านของการประสานแลกเปลี่ยนข้อมูล การวางกำลังร่วมและการจัดกำลังเพื่อสนับสนุนภารกิจของกันและกัน ซึ่งผู้ว่าราชการจังหวัด จะต้องเป็นผู้ว่า CEO ที่เป็นเจ้าภาพในการบริหารจัดการปัญหายาเสพติดบนข้อมูลสถานการณ์จริง และแน่นอนว่าแต่ละจังหวัดก็มีบริบทของพื้นที่แตกต่างกันไป ดังนั้น ผู้ว่าราชการจังหวัดจะต้องรู้ทุกสภาพปัญหาและเงื่อนไขความท้าทายที่เกิดขึ้นในจังหวัด พร้อมนำปัญหามาแปลงเป็นแนวทางแก้ไขที่ตอบโจทย์ของพื้นที่ นอกจากนี้ ขอให้มีการทบทวนเป้าหมายตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในทุกระยะ เพื่อให้การขับเคลื่อนยุทธศาสตร์การทำงานเป็นเอกภาพ และมีประสิทธิภาพสูงสุด การดำเนินงานจะต้องใช้กลไกของกระทรวงมหาดไทยที่มีความเข้าใจและเข้าถึงประชาชน มาดำเนินงานให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด ตั้งแต่ระดับจังหวัด อำเภอ ตำบล และหมู่บ้าน ซึ่งจะต้องมีการมอบหมายภารกิจให้นายอำเภอ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน เข้ามามีส่วนร่วมในการดำเนินงานเรื่องยาเสพติด

โดยการดำเนินงานจะมีทั้งการสกัดกั้น เฝ้าระวัง ตรวจตรา และ X-Ray ทุกพื้นที่ โดยเฉพาะในพื้นที่สถานบันเทิง หากพบผู้เสพยาเสพติดขอให้นำเข้าสู่กระบวนการบำบัดรักษา นอกจากนี้ยังต้องนำกลไกของฝ่ายปกครองมาใช้หาข่าวในพื้นที่ด้วยเพื่อขยายผลไปสู่การจับกุมผู้ค้ายาเสพติดและนำตัวมาดำเนินการตามกฎหมาย ตลอดจนต่อยอดไปสู่การทลายเครือข่ายค้ายาเสพติดทั้งระบบต่อไปโดยเฉพาะผู้ค้ารายใหญ่ สำหรับการบำบัดรักษาผู้เสพยาเสพติด ขอให้ยึดหลัก “ผู้เสพ คือผู้ป่วย” ที่ต้องได้รับการรักษา ซึ่งมีหลายรูปแบบจำแนกตามกลุ่มของผู้ป่วย รวมทั้งขอให้ทางจังหวัดให้ความสำคัญกับการดำเนินงานของศูนย์ฟื้นฟูสภาพทางสังคม เพื่อให้ผู้ป่วยที่ผ่านการบำบัดได้มาฟื้นฟูสมรรถนะและศักยภาพให้สมบูรณ์ ก่อนจะกลับเข้าไปใช้ชีวิตในสังคมโดยไม่กลับไปใช้ยาเสพติดซ้ำอีก โดยสามารถนำองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่ ซึ่งเป็นอีกส่วนที่ใกล้ชิดกับประชาชน เข้ามามีส่วนร่วมและสนับสนุนการดำเนินงาน

อีกสิ่งหนึ่งที่สำคัญและส่งผลทำให้การแก้ไขปัญหายาเสพติดเกิดผลสัมฤทธิ์ คือ “พลังของพี่น้องประชาชน” ซึ่งภาครัฐจะต้องเข้าไปมีส่วนสนับสนุนให้พี่น้องในชุมชนรวมพลังกัน เพื่อต่อต้านยาเสพติด โดยขอให้กำนันและผู้ใหญ่บ้านทุกคนรับเป็นผู้นำ โดยอาจมีการกำหนดกติการ่วม หรือธรรมนูญหมู่บ้าน เรื่องการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดให้ทุกคนรับทราบและปฏิบัติร่วมกัน ในการเดินทางไปหมู่บ้านหลายครั้ง ได้พบกับประชาชนที่ประสบความทุกข์ในเรื่องยาเสพติด ซึ่งสิ่งหนึ่งที่เขากังวลใจ คือ ตกลงรัฐบาลเอาจริงหรือไม่ ถ้ารัฐบาลเอาจริงเขาก็พร้อมที่จะร่วม ซึ่งปัญหาที่ผ่านมานอกจากปัญหาอาชญากรที่สร้างอาชญากรรมแล้ว ยังมีปัญหาที่เกี่ยวข้องกับเจ้าหน้าที่ของรัฐในหลายส่วน หลายระดับ ซึ่งทำให้ปัญหายาเสพติดจึงไม่สามารถบรรลุผลได้อย่างเต็มที่

ดังนั้น ตอนนี้เราได้เห็นแล้วว่าภัยยาเสพติดกระทบกับคนไทยรุนแรงมากแค่ไหนและทุกข์ของพี่น้องประชาชนที่เห็นวันนี้รุนแรงมากจนเป็นที่กล่าวถึงทุกแห่ง จึงอยากขอความร่วมมือให้ช่วยกันแก้ไขปัญหานี้อย่างจริงจัง ไม่เชื่อว่าพลังของส่วนราชการและประชาชนทั้งหมดแก้ไม่ได้ ปัญหาคือ เราเอาจริงหรือเปล่า เรากล้าที่จะทำอย่างจริงจังหรือเปล่า วันนี้ได้เวลาแล้วที่จะต้องเอาจริงเอาจัง ต้องควบคุมเจ้าหน้าที่ด้วยกันเองและรวมพลังกับชาวบ้าน ปัญหายาเสพติดจะแก้ได้ และหากพบว่ามีข้าราชการคนใดไม่ดำเนินการตามนโยบายปราบปรามยาเสพติดของรัฐบาล หรือไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับกระบวนการค้ายาเสพติด จะต้องมีบทลงโทษอย่างจริงจัง เบื้องต้นจะย้ายออกจากพื้นที่ทันทีแล้วดำเนินคดีตามสภาพความผิดที่เกิดขึ้น แต่หากข้าราชการสามารถแก้ไขปัญหาจะได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาล

“ปฏิญญารวมพลังยับยั้งปัญหายาเสพติด” ในวันนี้ถือเป็นคำมั่นสัญญาที่ผู้ว่าราชการจังหวัดและผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัด จะแก้ไขปัญหายาเสพติดในพื้นที่ของตนเองให้ประสบความสำเร็จ โดยยึดหลักการทำงานร่วมกันให้เป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน เพื่อบรรลุผลความสำเร็จตามที่พี่น้องประชาชนคาดหวัง ช่วยกันสร้างความดี ทำให้ยาเสพติดหมดไปจากสังคมไทยอย่างถาวรและยั่งยืน

อีกทั้ง กำนันและผู้ใหญ่บ้าน ยังสามารถสนธิกำลังร่วมกับชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้านและประชาชนอาสาสมัครในพื้นที่ เพื่อหาเบาะแส สืบข้อมูล และกระจายข่าวให้สมาชิกในหมู่บ้านทราบอย่างต่อเนื่อง อันจะเป็นการสกัดกั้นไม่ให้มีผู้ค้ายาเสพติดเล็ดลอดอยู่ในชุมชน และเฝ้าระวังไม่ให้มีผู้เสพยาเสพติด รวมถึงผู้ที่มีอาการคลุ้มคลั่งจากยาเสพติด ซึ่งการดำเนินงานเหล่านี้จะช่วยให้ชุมชนปลอดภัย ไม่มีผู้เสพยาเสพติดรายใหม่เพิ่มเติม และป้องกันไม่ให้ยาเสพติดกลับเข้ามาแพร่ระบาดในชุมชนได้อีกต่อไป

อีกหนึ่งรูปแบบการดำเนินงานที่ให้จังหวัดรับไปปรับใช้คือ รูปแบบการดำเนินงานจังหวัดสีขาว ปลอดยาเสพติด “ธวัชบุรีโมเดล” และ “ท่าวังผาโมเดล” ซึ่งเกิดผลสำเร็จเป็นที่ประจักษ์ โดยรัฐบาลพร้อมสนับสนุนการดำเนินงานตามโมเดลดังกล่าวอย่างเต็มที่ และที่ผ่านมา ทั้ง 14 จังหวัด 51 อำเภอชายแดน ก็ได้ตั้งใจปฏิบัติงานสกัดกั้นการลักลอบนำเข้ายาเสพติด สารตั้งต้น และเคมีภัณฑ์ ตามแผนปฏิบัติการ Seal Stop Safe โดยผนึกกำลังร่วมกันระหว่าง ทหาร ตำรวจ ฝ่ายปกครอง ศุลกากร กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกหน่วยงาน จึงอยากให้จังหวัดที่อยู่บริเวณชายแดนอื่นนอกเหนือจาก 14 จังหวัดข้างต้น นำรูปแบบการดำเนินงานดังกล่าวไปปรับใช้ให้เหมาะสมกับสภาพปัญหาและบริบทของพื้นที่ เพื่อป้องกันไม่ให้ประเทศไทยเป็นแหล่งแพร่ระบาดของยาเสพติด และยับยั้งไม่ให้ประเทศไทยเป็นทางผ่านของยาเสพติดไปสู่ประเทศที่สาม

สำหรับช่วงเดือนกรกฎาคม – สิงหาคม เป็นวาระสำคัญของพสกนิกรชาวไทยทุกหมู่เหล่าที่จะได้ร่วมกันเฉลิมพระเกียรติในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว วันที่ 28 กรกฎาคม 2568 และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง วันที่ 12 สิงหาคม 2568 เพื่อเป็นการแสดงความจงรักภักดี และน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้ ที่ทั้งสองพระองค์ทรงห่วงใย และทรงเอาพระราชหฤทัยใส่ในเรื่องการแก้ไขปัญหายาเสพติดมาโดยตลอด โดยรัฐบาลตั้งใจที่จะดำเนินงานเพื่อสนองพระราชปณิธานของทั้งสองพระองค์ในการเสริมสร้างความเข้มแข็งของชุมชน และการแก้ไขปัญหายาเสพติดด้วยกองทุนแม่ของแผ่นดิน โดยขอให้ทุกจังหวัด ทุกหน่วยงาน ขับเคลื่อนการดำเนินงานแก้ไขปัญหายาเสพติด ด้วยการนำกองทุนแม่ของแผ่นดินมาช่วยสนับสนุนในการเสริมสร้างพลังแห่งความดีของผู้คน ที่คอยช่วยกันแก้ไขปัญหายาเสพติดในหมู่บ้านและชุมชนอย่างยั่งยืน

รัฐบาลให้ความสำคัญกับปฏิบัติการกวาดล้างยาเสพติด “No Drugs No Dealers” ผนึกกำลังชุมชนปลอดยาเสพติด ซึ่งผู้ว่าราชการจังหวัด และผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัด จะต้องร่วมกันทำงานอย่างใกล้ชิด เพื่อให้การทำงานครอบคลุมทุกมิติทั้งในมิติของพื้นที่ และมิติของการบังคับใช้กฎหมาย รวมถึงยึดหลักของการร่วมกันทำงานให้เป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน เพราะทุกผลของการปฏิบัติงาน คือความสำเร็จร่วมกันของทุกหน่วย และสุดท้าย ผลลัพธ์นั้นคือความสำเร็จของประชาชน

จากนั้น นายภูมิธรรม ได้ร่วมเป็นสักขีพยานในพิธีลงนามปฏิญญา “รวมพลัง ยับยั้งปัญหายาเสพติด” ซึ่งมีผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร และผู้ว่าราชการจังหวัดทั้ง 76 จังหวัด ผู้บัญชาการตำรวจนครบาลและผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัด เข้าร่วมลงนาม โดยยืนยันที่จะมุ่งบังคับใช้กฎหมายและปราบปรามผู้ค้ายาเสพติดในพื้นที่อย่างจริงจังและเด็ดขาด รวมถึงป้องกันไม่ให้มีการแพร่ระบาดของยาเสพติด ไม่ให้มีผู้ค้าและผู้เสพยาเสพติดในหมู่บ้านชุมชน และเสริมสร้างความเข้มแข็งให้หมู่บ้าน ชุมชน มีระบบกลไกการจัดการปัญหาด้วยตัวเองอย่างยั่งยืน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง