“แพทองธาร-ณัฐพล” ลงพื้นที่อุบลราชธานี เยี่ยมให้กำลังใจทหารพรานที่บาดเจ็บ พร้อมปูนบำเหน็จและเร่งตรวจสอบข้อเท็จจริงเหตุระเบิด

พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก เปิดเผยภายหลังได้รับทราบรายงานจากกองทัพภาคที่ 2 กรณีเมื่อช่วงบ่ายวันที่ 16 กรกฎาคม 2568 เกิดเหตุกำลังพลกองร้อยทหารราบที่ 6021 เหยียบกับระเบิดระหว่างการลาดตระเวนในพื้นที่ช่องบก จังหวัดอุบลราชธานี ทำให้กำลังพลได้รับบาดเจ็บ 3 นาย ปัจจุบันทุกนายอาการปลอดภัยอยู่ระหว่างการพักสังเกตอาการที่โรงพยาบาลค่ายสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานีอย่างใกล้ชิด

สำหรับรายละเอียดเกี่ยวกับทุ่นระเบิดดังกล่าวนั้น ปัจจุบันอยู่ระหว่างการเข้าพื้นที่เกิดเหตุและเก็บหลักฐาน มาดำเนินการวิเคราะห์โดยผู้เชี่ยวชาญด้านวัตถุระเบิดอย่างละเอียด ซึ่งขั้นตอนนี้คาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 2 – 3 วัน เพื่อให้ได้ข้อเท็จจริงที่ชัดเจน ในเรื่องของชนิดและห้วงเวลาที่มีการนำทุ่นระเบิดมาติดตั้ง ตามที่สังคมได้ให้ข้อสังเกตว่าอาจเป็นทุ่นระเบิดที่ถูกวางขึ้นใหม่ ไม่ใช่ทุ่นระเบิดที่ตกค้างอยู่ในพื้นที่การสู้รบเดิม และหลังจากนี้หน่วยในพื้นที่ชายแดน จะตรวจสอบพิสูจน์ทราบเพิ่มเติมว่าทางกัมพูชาได้มีการนำทุ่นระเบิดมาใช้ในพื้นที่หรือไม่ เพราะในปัจจุบันทั้งไทยและกัมพูชาได้ให้สัตยาบันในการเข้าร่วมเป็นประเทศภาคีในอนุสัญญาออตตาวา ว่าด้วยการห้ามใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคลอย่างเป็นทางการ ตั้งแต่เมื่อปี พ.ศ.2542

พลโท บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 และผู้บังคับหน่วยในพื้นที่ ได้เดินทางไปยังโรงพยาบาลค่ายสรรพสิทธิประสงค์ อำเภอวารินชำราบ จังหวัดอุบลราชธานี เข้าเยี่ยมให้กำลังใจกำลังพล 3 นาย ที่ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์เหยียบกับระเบิดระหว่างการลาดตระเวนพื้นที่ช่องบก โดย พลทหาร ธนพัฒน์ หุยวัน ได้รับบาดเจ็บสาหัส ข้อเท้าซ้ายขาด สิบเอกปฏิพัทธิ์ ศรีลาศักดิ์ และ พลทหาร ณัฐวุฒิ ศรีเข้ม มีอาการแน่นหน้าอก ปัจจุบันอาการดีขึ้นโดยลำดับ และได้มอบกระเช้าผลไม้และเงินบำรุงขวัญ พร้อมกล่าวแสดงความห่วงใยจากผู้บัญชาการทหารบกไปยังกำลังพลที่ได้รับบาดเจ็บและครอบครัว พร้อมชื่นชมในความกล้าหาญ ทุ่มเทและเสียสละ ทั้งจะให้ความช่วยเหลืออำนวยความสะดวก และดูแลสิทธิประโยชน์ของกำลังพลในทุกด้านอย่างดีที่สุด

พลเอก ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ลงพื้นที่โรงพยาบาลค่ายสรรพสิทธิ์ประสงค์ อำเภอวารินชำราบ จังหวัดอุบลราชธานี เพื่อเยี่ยมและให้กำลังใจทหาร สังกัดกรมทหารราบ ที่ 6 ที่ได้รับบาดเจ็บจากการเหยียบกับระเบิดขณะออกลาดตระเวนปฏิบัติหน้าที่ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา จากฐานมรกตไปยังเนิน 481 พร้อมมอบกระเช้าและเงินบำรุงขวัญจำนวนหนึ่ง เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจ

พลเอก ณัฐพล กล่าวว่า การลงพื้นที่ครั้งนี้ เพื่อมาเยี่ยมและให้กำลังใจ และพร้อมให้การช่วยเหลือเป็นเงินบำรุงขวัญประมาณกว่า 9 แสนบาท และเงินบำรุงขวัญพระราชทานอีกจำนวน 5 หมื่นบาท หลังจากปลดประจำการแล้วจะให้การช่วยเหลือเป็นรายเดือนอีกเดือนละ 15,600 บาท รวมถึงเงินสวัสดิการอีกด้วย

นางสาวแพทองธาร ชินวัตร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม พร้อมด้วย พลเอก ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม เดินทางลงพื้นที่จังหวัดอุบลราชธานี เพื่อเยี่ยมให้กำลังใจทหารพราน ที่ได้รับบาดเจ็บจากเหตุเหยียบกับระเบิดในพื้นที่ช่องบกอำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี ที่โรงพยาบาลค่ายสรรพสิทธิประสงค์ โดยก่อนเดินทาง พลเอก ณัฐพล กล่าวว่า กองทัพบกจะมอบเงินช่วยเหลือให้กับทหารพรานที่ได้รับบาดเจ็บทั้ง 3 นาย ซึ่งนางสาวแพทองธาร เมื่อทราบเรื่องจึงขอร่วมคณะไปด้วยและจะมอบเงินช่วยเหลือในส่วนของนางสาวแพทองธาร

ในส่วนของนายทหารที่ได้รับบาดเจ็บจนขาขาด จะได้รับเงินบำรุงขวัญพระราชทานประมาณ 50,000 บาท และเงินช่วยเหลือประมาณ 900,000 บาท รวมถึงจะพิจารณาบรรจุญาติเข้ารับราชการทหาร ซึ่งในเบื้องต้นพี่สาวของนายทหารนายดังกล่าว แสดงความประสงค์จะเข้ารับราชการ ส่วนตัวของผู้ที่ได้รับบาดเจ็บขาขาดจะได้รับเงินดูแลประมาณเดือนละ 15,600 บาท ขณะที่ผู้ที่ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยอีก 2 คน จะได้รับเงินประมาณ 10,000 บาท ขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบวัตถุระเบิดว่าเป็นของใหม่หรือของเก่า ซึ่งขณะนี้ไม่สามารถพูดตามความเชื่อได้ต้องดูตามพยานหลักฐาน โดยได้ให้เวลาการตรวจสอบเบื้องต้น 2-3 วัน เพราะเข้าใจว่าทุกคนอยากทราบข้อเท็จจริง ขอให้ทุกคนรอผลการตรวจสอบ แต่ยอมรับว่าในพื้นที่ปัจจุบันยังมีระเบิดเก่าอยู่ แต่หากพิสูจน์ได้ว่าเป็นระเบิดใหม่ ยืนยันว่าจะไม่หยุดนิ่ง เพราะทั้ง 2 ประเทศอยู่ในอนุสัญญาออตตาวา (Ottawa) หากเป็นระเบิดใหม่จะถือว่าผิดอนุสัญญาดังกล่าว พร้อมยอมรับว่ามีความเป็นไปได้ที่ระเบิดดังกล่าวจะเป็นของใหม่ เพราะมีข่าวเรื่องนี้มาเหมือนกัน แต่จากข้อมูลด้านการข่าวยังไม่สามารถพิสูจน์ได้ ซึ่งหากเป็นระเบิดใหม่จะมีเทคโนโลยีที่ไม่สามารถตรวจพบได้ อย่างเช่น ระเบิดพลาสติก และหลังจากนี้จะต้องเข้มงวดเรื่องการลาดตระเวนให้มากขึ้น โดยได้สั่งการไปยังแม่ทัพภาคที่ 2 ให้กำชับผู้ปฏิบัติการในพื้นที่ใช้ความระมัดระวัง

ทางด้านนางสาวแพทองธาร โพสต์ข้อความระบุว่า ได้รับมอบหมายจากคณะรัฐมนตรีให้เป็นตัวแทน ร่วมคณะกับรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม เดินทางไปยังโรงพยาบาลค่ายสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี เพื่อเยี่ยมและให้กำลังใจทหารทั้ง 3 นาย ที่ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์เหยียบกับระเบิดในพื้นที่ช่องบก อำเภอน้ำยืน พร้อมมอบสิ่งของจำเป็นให้กับกำลังพลในพื้นที่ ขอส่งกำลังใจอย่างสุดหัวใจถึงทหารทั้ง 3 นาย ที่ได้ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความกล้าหาญและเสียสละ ซึ่งเป็นสิ่งที่คนไทยต้องยกย่องเป็นแบบอย่าง โดยที่ทุกท่านได้รับกำลังใจอย่างดีจากครอบครัว และรู้สึกภูมิใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในการรับใช้ชาติ ขอแสดงความเคารพนับถือในความเสียสละที่มีต่อประเทศชาติของกำลังพลทุกท่านที่ปฏิบัติหน้าที่ เพื่อประชาชนอยู่ในขณะนี้ ตลอดจนได้ทราบว่าทางกระทรวงกลาโหมกำลังเร่งตรวจสอบข้อเท็จจริง รวมถึงเก็บกู้กับระเบิดในพื้นที่อย่างเร่งด่วน ที่สำคัญจะมีมาตรการเยียวยาให้กับผู้ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์นี้อย่างเต็มที่ ที่ผ่านมารัฐบาลและกองทัพ ได้ดำเนินการทุกอย่างด้วยความรับผิดชอบอย่างเต็มที่ในการดูแลความปลอดภัยของกำลังพลและประชาชน และรักษาไว้ซึ่งอธิปไตยของประเทศ เพื่อให้พื้นที่ชายแดนกลับคืนสู่ความสงบและปลอดภัยโดยเร็วที่สุด ขอส่งกำลังใจให้กับกำลังพลทุกๆ นาย

นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รัฐบาลและกองทัพกำลัง เร่งตรวจสอบเพื่อทำความจริงให้ปรากฏ ขณะเดียวกันขอให้เจ้าหน้าที่ทุกนายใช้ความเข้มงวด และความระมัดระวังในการปฏิบัติภารกิจในพื้นที่มากขึ้น และรัฐบาลไทยยังคงยึดมั่นแนวทางสันติวิธี เพื่อรักษาไว้ซึ่งอธิปไตยของไทย และให้พื้นที่ชายแดนกลับคืนสู่ความสงบและปลอดภัยโดยเร็ว รัฐบาลได้รับรายงานว่า กองทัพภาคที่ 2 (18 ก.ค. 68) ได้ส่งหน่วยเก็บกู้วัตถุระเบิดและพิสูจน์หลักฐานไปที่จุดเกิดเหตุเข้าไปเก็บหลักฐานเพิ่มเติม เพื่อนำมาพิสูจน์ทราบโดยก่อนหน้านี้ กองทัพภาคที่ 2 ได้ส่งหมวดก่อสร้างทั่วไปที่ 2 กองพันทหารช่างที่ 202 กรมทหารช่างที่ 2 ฉก.1 ช่องบก (ช.2 พัน.202) อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี ในส่วนชุดปฏิบัติงานก่อสร้างเส้นทางยุทธวิธี ได้ออกเคลียร์พื้นที่ เพื่อที่จะสร้างเส้นทางลาดตระเวนในพื้นที่ช่องบก ตั้งแต่เดือนมิถุนายนที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน ได้ตรวจพบวัตถุทางการทหารหลายรายการ อยู่ระหว่างการตรวจสอบว่าเป็นระเบิดยุทโธปกรณ์หรือยุทธภัณฑ์ ทางการทหารตั้งแต่สมัยกองทัพเขมรแดงหรือเพิ่งนำมาใช้ในปัจจุบัน

พลเอก พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก ได้มีความห่วงใยกำลังพลทั้ง 3 นาย ที่ได้รับบาดเจ็บจากการปฏิบัติหน้าที่ดูแลรักษาอธิปไตยของชาติในบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา โดยนอกจากการส่งตัวเข้ารับการรักษาพยาบาลอย่างดีที่สุดแล้ว ผู้บัญชาการทหารบกยังได้มอบหมายให้กรมกำลังพลทหารบกตรวจสอบและดูแลด้านสิทธิและสวัสดิการให้กับกำลังพลทั้ง 3 นายในทันที ซึ่งปัจจุบันมีการดำเนินการแล้ว ดังนี้

พลทหาร ธนพัฒน์ หุยวัน จากบาดเจ็บข้อเท้าซ้ายขาด ปัจจุบันเข้ารับการผ่าตัดเป็นที่เรียบร้อย ได้รับการปูนบำเหน็จพิเศษ 7 ชั้น และเลื่อนยศเป็นสิบเอก พร้อมเงินช่วยเหลือเพิ่มเติม ประกอบด้วย เงินพระราชทาน กรณีพิการทุพพลภาพจากการปฏิบัติหน้าที่ของทหารกองประจำการ, เงินบำรุงขวัญ, สินไหมทดแทนภัยสงคราม และเงินช่วยเหลือมูลนิธิสายใจไทย รวม 964,057 บาท ซึ่งภายหลังเสร็จสิ้นการรักษา ปลดเหตุสูญเสียฯจากการรบจะได้รับเงินบำนาญเดือนละ 15,600 บาท และเงินช่วยเหลือ   อื่นๆ ประมาณเดือนละ 16,200 บาท รวมทั้งได้รับเหรียญพิทักษ์เสรีชนชั้น 2 ประเภท 1 พร้อมบัตรทหารผ่านศึก ชั้น 1 ได้รับเงินผดุงเกียรติและเงินเลี้ยงชีพรายเดือน ตลอดจนได้รับสิทธิในการบรรจุทายาททดแทนเป็นนายทหารชั้นประทวน 1 นาย

สิบเอก ปฏิพัทธ์ ศรีลาภักดิ์ และ พลทหาร ณัฐวุฒิ ศรีเข้ม มีอาการแน่นหน้าอกจากแรงระเบิด ได้รับเงินบำรุงขวัญเนื่องจากบาดเจ็บจากการปฏิบัติหน้าที่ราชการ เบื้องต้นรายละ 10,000 บาท พร้อมเงินช่วยเหลืออื่น ๆ จากกองทัพบก

นอกจากนี้ ผู้บังคับบัญชาของกองทัพบกทุกระดับได้เข้าเยี่ยมเยียน ติดตามอาการบาดเจ็บและให้กำลังใจกำลังพลพร้อมครอบครัวอย่างต่อเนื่อง กองทัพบกขอแสดงความขอบคุณในความเสียสละอันยิ่งใหญ่ของกำลังพลทุกนายที่ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความกล้าหาญเพื่อพิทักษ์รักษาอธิปไตยของชาติ และยืนยันความพร้อมในการดูแลสวัสดิการและการช่วยเหลือกำลังพลอย่างดีที่สุด

พลเรือตรี สุรสันต์ คงสิริ รองโฆษกกองบัญชาการกองทัพไทย แถลงผลการประชุมศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา หรือ​ ศบ.ทก.​ ถึงเหตุกาณ์ทหารไทย 3 นาย ได้รับบาดเจ็บจากการเหยียบกับระเบิดในพื้นที่ช่องบก อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี ว่า ทหารทั้ง 3 นาย ได้รับการรักษาจากโรงพยาบาลค่ายสรรพสิทธิประสงค์ ขณะนี้ทั้งหมดปลอดภัยแล้ว ยืนยันว่าพลทหารมีขวัญกำลังใจดี โดยเฉพาะพลทหารธนพัฒน์ หุยวัน ที่ต้องตัดขาซ้ายใต้เข่า ซึ่งกองทัพภาคที่ 2 ได้มีมาตรการช่วยเหลือและมีสวัสดิการให้กับกำลังพลอย่างเต็มที่

ส่วนกรณีหญิงชาวกัมพูชาตะโกนใส่ทหารของไทยที่ปราสาทตาเมือนธม ฝ่ายไทยและกัมพูชาได้หารือร่วมกัน ได้ข้อสรุปว่าหากมีปัญหาจากนักท่องเที่ยวเกิดขึ้นจากฝ่ายใด ให้ชุดประสานปราสาทของฝ่ายนั้นเป็นผู้ดำเนินการโดยไม่ต้องเรียกกำลังชุดอื่นๆ มาเพิ่มเติม เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการเผชิญหน้าของทั้งสองฝ่าย พร้อมให้ดำเนินการคัดกรองนักท่องเที่ยวของแต่ละฝ่ายก่อนขึ้นมาท่องเที่ยว เชื่อว่าข้อตกลงทั้งหมดจะสามารถแก้ไขปัญหานักท่องเที่ยวได้ ยืนยันว่ายังดำเนินมาตรการควบคุมเวลาเปิด-ปิดจุดผ่านแดนเช่นเดิม

ด้านนางมาระตี นะลิตา อันดาโม รองอธิบดีกรมสารนิเทศ และรองโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ แถลงถึงภาพรวมในจุดผ่านแดนทุกแห่ง ว่า เป็นไปด้วยความเรียบร้อย ฝ่ายไทยยังคงความเข้มงวดควบคุมบริเวณจุดผ่านแดนต่าง ๆ เพื่อความมั่นคง ปลอดภัยของเจ้าหน้าที่และประชาชนในพื้นที่ ยืนยันว่า ไม่ได้ปิดด่าน แต่เป็นการดำเนินการตามนโยบายของรัฐบาลที่มุ่งเน้นการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ โดยอนุโลม การผ่านแดนสำหรับผู้ที่มีความจำเป็นตามหลักมนุษยธรรมอย่างต่อเนื่อง พร้อมย้ำในข้อเรียกร้องให้ฝ่ายกัมพูชา ประสานเวลาการเปิด-ปิดด่านกับฝ่ายไทย ลดผลกระทบต่อประชาชนทั้งสองประเทศ หากฝ่ายกัมพูชามีความจริงใจที่จะจัดการกับเรื่องดังกล่าวตามที่ได้มีการประกาศไว้ ถือเป็นสัญญาณเชิงบวก ที่ประชุม ศบ.ทก. ยังได้รับทราบมาตรการช่วยเหลือประชาชน และผลกระทบควบคุมการผ่านแดนของธุรกิจและผู้ประกอบการจากต่างประเทศ โดยขอให้ฝ่ายกัมพูชาตระหนักว่าในบริบทความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลกขณะนี้ ประเทศเพื่อนบ้านและประเทศสมาชิกอาเซียน ต้องมีประโยชน์ร่วมกันในการส่งเสริมประชาคมระหว่างประเทศ พร้อมมองว่าภูมิภาคอาเซียนมีความสงบ เป็นสถานที่น่าลงทุน ดังนั้น การปิดด่านโดยไม่มีเหตุผลและการระงับการนำเข้าสินค้า อาจจะกระทบต่อการค้าระหว่างภูมิภาคและโลกอย่างมีนัยยะสำคัญ

ส่วนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่ช่องบก จังหวัดอุบลราชธานี นั้น ในระหว่างที่กองทัพบกดำเนินการตรวจสอบว่าเป็นทุ่นระเบิดของเก่าหรือของใหม่ กระทรวงการต่างประเทศ ไม่ได้นิ่งนอนใจ เมื่อรับทราบผลการตรวจสอบอย่างเป็นทางการจากกองทัพแล้ว จะดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ทั้งการประท้วงโดยตรงกับฝ่ายกัมพูชาตามกรอบทวิภาคีและมาตรการ   อื่นๆ ตามความเหมาะสม โดยเฉพาะหากพบว่าเป็นการละเมิด MOU 2543 หรือการละเมิดอธิปไตยของไทย ย้ำว่าไทยเคารพกฎหมายระหว่างประเทศที่ไทยมีพันธกรณี และยังยืนยันจุดยืนที่จะเจรจาทวิภาคี เพื่อแก้ไขสถานการณ์ความตึงเครียดผ่านกลไกที่มีอยู่ ทั้งการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป​ หรือ GBC คณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค​ หรือ RBC และการประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม​ หรือ JBC หวังว่าฝ่ายกัมพูชา จะตอบรับเข้าร่วมการประชุม JBC สมัยพิเศษ

**อนุสัญญาออตตาวา(Ottawa) เป็นสนธิสัญญาระหว่างประเทศที่ห้ามการใช้ สะสม ผลิต และโอนทุ่นระเบิดสังหารบุคคล เกิดขึ้นที่ ประเทศแคนาดา และการลงนามในสนธิสัญญาเกิดขึ้นที่เมืองออตตาวา ประเทศแคนาดา เมื่อวันที่ 3 ธันวาคม พ.ศ. 2540

ข่าวที่เกี่ยวข้อง