นางสาวศศิกานต์ วัฒนะจันทร์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลโดยนายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เดินหน้านโยบาย “ปิดประตูตีมาร” เร่งกวาดล้างขบวนการลักลอบนำเข้ากากอุตสาหกรรมและโรงงานเถื่อนในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) อย่างจริงจัง เพื่อยกระดับมาตรฐานอุตสาหกรรมไทย และขจัดธุรกิจสีเทาที่บ่อนทำลายสิ่งแวดล้อมและสุขภาวะของประชาชน
นายเอกนัฏ เปิดเผยว่า ที่ผ่านมาพื้นที่ EEC โดยเฉพาะในจังหวัดฉะเชิงเทราและระยอง กลายเป็นแหล่งสะสมโรงงานรีไซเคิลที่แฝงการกระทำผิดกฎหมาย ทั้งการลักลอบรับกำจัดกากอุตสาหกรรมและการนำเข้าขยะพิษอย่างผิดกฎหมาย โดยมีการฝังกลบของเสียโดยไม่ได้มาตรฐาน ซึ่งส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและสุขภาพของประชาชนอย่างรุนแรง
จากการลงพื้นที่ตรวจสอบของ “ทีมสุดซอย” กระทรวงอุตสาหกรรม ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ใน อ.แปลงยาว จ.ฉะเชิงเทรา พบขยะอุตสาหกรรมถูกลักลอบฝังกลบมากกว่า 50,000 ตันในที่ดินเอกชน โดยเชื่อมโยงกับกลุ่มทุนสีเทาและบริษัท เค.เอส.ดี. รีไซเคิล จำกัด ซึ่งไม่ดำเนินการกำจัดของเสียตามกฎหมาย อีกทั้งยังพบ “บัญชีส่วย” ที่ระบุการจ่ายเงินให้เจ้าหน้าที่และนักการเมืองท้องถิ่น
ขณะเดียวกัน ยังพบขบวนการลักลอบนำเข้าเศษยางรถยนต์จากประเทศกัมพูชา เพื่อนำมารีไซเคิลในพื้นที่ป่าไม้ เขต ต.ขำฆ้อ อ.เขาชะเมา จ.ระยอง โดยบริษัท ฟูด้า รับเบอร์ จำกัด ซึ่งดำเนินกิจการโดยไม่ได้รับอนุญาต และใช้พื้นที่ในโครงการ คทช. ผิดวัตถุประสงค์ ทั้งนี้มีการจับกุมผู้ต้องหาทั้งชาวจีน ชาวไทย และแรงงานต่างด้าวผิดกฎหมายเพิ่มเติม
“ทีมสุดซอย” ได้เร่งรวบรวมพยานหลักฐาน ทั้งเครื่องจักร วัตถุดิบ และหลักฐานการลักลอบนำเข้าขยะ เพื่อดำเนินคดีทางกฎหมายกับผู้เกี่ยวข้อง พร้อมเสนอให้มีการทบทวนสิทธิ์เช่าที่ดินในเขตป่าไม้ เพื่อป้องกันการใช้พื้นที่ผิดวัตถุประสงค์ในอนาคต
รัฐบาลยืนยันเจตนารมณ์ในการขจัดธุรกิจสีเทาในภาคอุตสาหกรรมอย่างถึงที่สุด เพื่อเปิดทางให้ธุรกิจสีเขียวและภาคเอกชนที่ปฏิบัติตามกฎหมายสามารถเติบโตได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน