นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยถึงสถานการณ์ความไม่สงบบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา หลังเกิดเหตุลักลอบยิงอาวุธเข้ามาในเขตแดนไทยวานนี้ (24 กรกฎาคม 2568) ซึ่งส่งผลกระทบต่อประชาชนในพื้นที่จังหวัดอุบลราชธานี ศรีสะเกษ สุรินทร์ และบุรีรัมย์ ทั้งในแง่ความสูญเสียชีวิต ทรัพย์สินและความจำเป็นต้องอพยพออกจากพื้นที่เสี่ยง ตามคำสั่งของนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้สั่งการให้ผู้ว่าราชการจังหวัดและนายอำเภอในพื้นที่ เร่งดำเนินมาตรการตามแผน “พิทักษ์พื้นที่ส่วนหลัง” โดยระดมกำลังฝ่ายปกครอง กองอาสารักษาดินแดน (อส). กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) ร่วมกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ใช้ยานพาหนะทุกประเภทอพยพประชาชนเข้าสู่พื้นที่ปลอดภัย พร้อมจัดตั้งศูนย์พักพิงชั่วคราว และดูแลความเป็นอยู่ให้ครบถ้วนทั้งอาหาร น้ำ ยารักษาโรค ห้องน้ำและที่พักที่ถูกสุขลักษณะ และเน้นย้ำว่า “ความปลอดภัยของประชาชนต้องมาก่อน” ส่งผลให้ตลอดทั้งวานนี้ มีประชาชนอพยพรวมแล้ว 100,672 คน เข้าศูนย์พักพิงชั่วคราว 295 แห่ง แยกเป็น สุรินทร์ 56,000 คน (67 แห่ง) ศรีสะเกษ 17,196 คน (58 แห่ง) บุรีรัมย์ 17,000 คน (1 แห่ง) และอุบลราชธานี 10,476 คน (169 แห่ง)
ปลัดกระทรวงมหาดไทย ยังได้กำชับให้ทุกจังหวัดเดินหน้าฟื้นฟูขวัญกำลังใจให้กับประชาชนในศูนย์พักพิง ควบคู่กับการดูแลเจ้าหน้าที่แนวหลัง ทั้งฝ่ายปกครอง อส. ชรบ. อปพร. ตำรวจ รวมถึงส่งต่อกำลังใจไปยังทหารที่ปฏิบัติหน้าที่แนวหน้าในการปกป้องอธิปไตยของประเทศ ขณะเดียวกัน ได้เน้นย้ำให้เจ้าหน้าที่ดูแลความปลอดภัยของหมู่บ้านและทรัพย์สินที่ถูกทิ้งไว้ และขอความร่วมมือประชาชน “ห้ามกลับเข้าพื้นที่เสี่ยง” จนกว่าจะได้รับอนุญาตจากทางการเพื่อความปลอดภัย
