กองทัพไทย สรุปเหตุการณ์ปะทะระหว่างไทยและกัมพูชา ยังคงมีการโจมตีตอบโต้ตลอดแนวชายแดน

พันเอกหญิง ฉัตรรพี พูนศรี รองโฆษกกองบัญชาการกองทัพไทย เปิดเผยว่า จากรายงานของศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย – กัมพูชา (ศบ.ทก.) ในวันนี้ (25 ก.ค. 68) ได้เกิดเหตุปะทะอย่างต่อเนื่องตลอดแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ในหลายจุดสำคัญ โดยฝ่ายกัมพูชาเปิดฉากโจมตีก่อนด้วยอาวุธหนักหลายประเภท ส่งผลให้สถานการณ์ในพื้นที่มีความตึงเครียดอย่างมาก โดยมีเหตุการณ์ในพื้นที่สำคัญ เช่น เมื่อเวลา 08.30 น. บริเวณช่องบก จังหวัดอุบลราชธานี เกิดการยิงตอบโต้ระหว่างปืนใหญ่ของไทยกับ BM-21 จากฝ่ายกัมพูชา ที่เขาพระวิหาร กองกำลังไทยตรึงกำลังอย่างเข้มแข็ง ที่ปราสาทตาควาย จังหวัดสุรินทร์ ฝ่ายกัมพูชาเสริมกำลังพลจำนวนมากเข้าสู่พื้นที่ ขณะที่ปราสาทตาเมือนธม จังหวัดสุรินทร์ ฝ่ายไทยวางกำลังป้องกันแน่นหนา ขณะที่ฝ่ายกัมพูชาพยายามเข้าตีหลายระลอก

ทั้งนี้ ย้ำว่า ฝ่ายกัมพูชา ได้กระทำการที่เข้าข่ายอาชญากรรมสงครามอย่างชัดเจน ได้แก่ การจงใจโจมตีพลเรือนและสิ่งปลูกสร้างที่ไม่มีสถานะทางทหาร การทำลายสถานที่สาธารณะ เช่น โรงเรียน อนุสาวรีย์ การใช้อาวุธหนักแบบไม่เลือกเป้าหมายและการตั้งฐานยิงในพื้นที่ชุมชน และใช้พลเรือนเป็นโล่มนุษย์ ซึ่งการกระทำดังกล่าว ถือเป็นการละเมิด กฎหมาย และธรรมเนียมของสงครามอย่างร้ายแรง และประเทศไทยขอเรียกร้องให้ประชาคมโลกตระหนักถึงการกระทำของ ฮุน เซน ผู้นำกัมพูชา ซึ่งต้องรับผิดชอบในฐานะอาชญากรสงคราม ที่สั่งการและสนับสนุนการรุกรานอย่างไม่ชอบธรรม

ทั้งนี้ ผู้ได้รับผลกระทบจากการปะทะชายแดนไทย – กัมพูชา ในวันนี้ (25 ก.ค. 68) มีจำนวนเพิ่มเติมคือ พลเรือน ได้รับบาดเจ็บสาหัสเพิ่ม 3 ราย บาดเจ็บเล็กน้อย เพิ่ม 1 ราย ขณะที่ทหารไทย เสียชีวิตเพิ่ม 3 นาย และบาดเจ็บสาหัส เพิ่ม 1 นาย ยอดสะสมรวมตั้งแต่เกิดเหตุการณ์จนถึงปัจจุบัน พลเรือนเสียชีวิต 13 ราย และบาดเจ็บ 33 ราย รวมทั้งสิ้น 46 ราย ทหารไทยเสียชีวิต 4 นาย และบาดเจ็บ 15 นาย รวมทั้งสิ้น 19 นาย

กองทัพไทยขอแสดงความไว้อาลัยและสดุดีวีรกรรมของทหารกล้าผู้เสียสละชีวิต เพื่อปกป้องผืนแผ่นดินและอธิปไตยของชาติอย่างหาญกล้า

ข่าวที่เกี่ยวข้อง