นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม ประชุมช่วยเหลือผู้บาดเจ็บและผู้เสียชีวิตในพื้นที่ได้รับผลกระทบในสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งเป็นการร่วมมือระหว่างกระทรวงวัฒนธรรมและกระทรวงมหาดไทย โดยเปิดเผยภายหลังการประชุมว่ายืนยันในเรื่องของแถลงการณ์ของรัฐบาล ที่นายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการนายกรัฐมนตรี ได้แถลงไปเมื่อวานนี้ในเรื่องของการกระทำของกัมพูชาที่ถือเป็นอาชญากรรมสงครามขั้นรุนแรง โดยขอย้ำอีกครั้งว่าวิธีการต่างๆ ขัดต่อหลักสันติวิธีของกฎหมายระหว่างประเทศและขัดในหลักของเรื่องมนุษยธรรมที่ประเทศไทยปฏิบัติมาตลอด ซึ่งกัมพูชาก็ขัดในเรื่องนี้อย่างเต็มที่
อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ความรุนแรงเป็นสิ่งที่รัฐบาลเน้นย้ำมาตลอดและไม่อยากให้เกิดขึ้นและสิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ ชีวิตของพี่น้องประชาชน ซึ่งเป็นสิ่งที่ยึดถือและพยายามไม่ให้เกิดการเสียเลือดเนื้อ จนกระทั่งฝ่ายกัมพูชาได้มีการยิงก่อน ตั้งแต่วันที่ 24 นี้ที่ผ่านมา ซึ่งสำนักข่าวต่างประเทศตั้งข้อสังเกตว่าว่าไทยมีหลักฐานที่สามารถรู้ได้ว่าใครเริ่มก่อน-หลัง รวมทั้งวันนั้นนักเรียนตามพื้นที่จังหวัดชายแดนยังไปโรงเรียนตามปกติ แต่ของกัมพูชานักเรียนยังคงไปโรงเรียน
แม้ขณะนี้ตนจะปฏิบัติหน้าที่ไม่ได้ แต่ก็ได้มีการรับฟังและติดตามอย่างใกล้ชิด ซึ่งเมื่อวานก็ได้มีโอกาสอัปเดตกับท่านรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหมด้วยนะ โดยเน้นย้ำในเรื่องความพร้อมของอาวุธยุทโธปกรณ์ต่างๆ ของฝ่ายไทยและทุกการตอบโต้เป็นไปตามหลักการป้องกันตัว โดยการใช้ M16 ตอบโต้เพราะทางกัมพูชามีการยิงเข้ามาถึงแหล่งชุมชน ซึ่งเกิดผลกระทบต่อชีวิต
พร้อมกันนี้รัฐบาล กองทัพและฝ่ายความมั่นคง ก็ประสานงานกันอย่างต่อเนื่องและรอบคอบทุกขั้นตอน ส่วนเหตุการณ์จะเป็นอย่างไรต่อจากนี้ต้องฝากให้หน้างานดูแล พร้อมเน้นย้ำจะต้องพยายามให้ถึงที่สุดที่จะปกป้องอธิปไตยของไทย ยันยันว่าประเทศไทยไม่เคยเริ่มก่อน
นอกจากนี้ กระทรวงต่างประเทศ ยังได้แสดงหลักฐานความไม่ชอบธรรมของทางกัมพูชาทั้งการละเมิดในเรื่องของสนธิสัญญา หลักกฎหมายระหว่างประเทศ หลักสิทธิมนุษยชนและความไร้มนุษยธรรมอย่างร้ายแรง ทั้งการลักลอบวางระเบิดจนทหารของไทยได้รับบาดซึ่งต้องตรวจสอบว่าเป็นระเบิดที่เป็นการวางใหม่
พร้อมระบุเป็นเรื่องที่มีหลักฐานเพียงพอ โดยกระทรวงต่างประเทศบอกกับทั่วโลกให้ได้รับทราบ แล้วก็มีการยืนยันจากสื่อหลายๆ ประเทศ โดยยืนยันในจุดยืนตลอดว่าเรา ไม่อยากให้เกิดความรุนแรง ซึ่งก็เป็นสิ่งที่สามารถพิสูจน์ได้แล้วว่าความรุนแรงนี้เป็นการถูกเริ่มโดยกัมพูชา 100%
นางสาวแพทองธาร ยังกล่าวอีกว่า สถานการณ์นี้ตนเองสนับสนุนให้คนไทยเกิดความสามัคคีกันในชาติ ทะเลาะเอาคนนอกประเทศก่อน ถ้าเหตุการณ์สงบสุขเมื่อไรเหตุการณ์ที่ขัดแย้งกันในประเทศยังรอได้
ส่วนเรื่องคำครหามากมายทางการเมือง ที่พยายามจะใช้ปลุกปั่นให้เกิดความเกลียดว่าสองตระกูลทะเลาะกันนั้น สิ่งที่เกิดขึ้นหลายเดือนที่แล้วเนี่ย ได้มีการปราบ call center อย่างจริงจังและได้ผลจริงๆ อย่างเห็นได้ชัด ประเมินมูลค่าค่าความเสียหายเป็นตัวเลขที่เยอะมากๆ รวมทั้งสั่งการกระทรวงมหาดไทยตัดน้ำ-ตัดไฟในพื้นที่ชายแดนลาว พม่า ซึ่งทั้ง 3 ประเทศ ทั้งลาว-พม่า-ไทย ได้ทำไตรภาคีร่วมกันที่จะปราบ call center อย่างจริงจัง ซึ่งขณะนั้นทางกัมพูชาที่ยังติดต่อกันอยู่ในเรื่องของความสัมพันธ์ ไม่เห็นด้วยกับแนวทางดังกล่าว ซึ่งอาจทำให้เสียผลประโยชน์ และต้องการทำข้อตกลงกับไทยแค่ 2 ประเทศ จึงคาดว่ากัมพูชาไม่พอใจตั้งแต่ตอนนั้น
ในส่วนของกระทรวงวัฒนธรรม ที่ตนรับผิดชอบต้องสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ทรงห่วงใยกำลังพลและราษฎรในพื้นที่จังหวัดชายแดนไทยและกัมพูชา ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมทรงรับผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บทุกรายจากเหตุการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ดังกล่าวไว้ในพระบรมราชานุเคราะห์ ยังความปลาบปลื้มและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้ต่อครอบครัวผู้สูญเสียและผู้ได้รับบาดเจ็บตลอดจนประชาชนไทยทั่วประเทศ
ตนได้สั่งการ 2 ข้อ โดยแรกคือ เรื่องของงานพิธีการศพพระราชทานโดยจะปฏิบัติตามหมายรับสั่งจากสำนักพระราชวังด้วยความสมพระเกียรติและถูกต้องตามโบราณราชประเพณี 2. เรื่องของภารกิจสาธารณูปโภคอื่นๆ ที่ได้รับมอบหมายจากจังหวัด อาทิเช่น การดูแลผู้บาดเจ็บ การจัดหาเครื่องอุปโภคบริโภคและสิ่งของจำเป็นร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เยียวยาฟื้นฟูจิตใจผู้ได้รับผลกระทบ ตลอดจนส่งเจ้าหน้าที่เพื่อประเมินความเสียหายที่เกิดขึ้นตามภารกิจของกระทรวง อาทิ ประเมินความเสียหายของโบราณสถานต่างๆ ในพื้นที่ และจัดหางบประมาณบูรณะซ่อมแซมต่อไป
สำหรับวันพรุ่งนี้ตนจะลงพื้นที่ ร่วมกับรัฐมนตรีหลายท่าน และแจ้งให้ทราบเพื่อประสานงานด้วยว่าจะลงพื้นที่ที่ไหนอย่างไร
นางสาวแพทองธาร ยังตอบคำถามสื่อมวลชนอีกในประเด็นที่ปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชารอไม่ได้ แต่เมื่อปัญหาดังกล่าวจบลง จะปลดชนวนทางการเมืองในประเทศด้วยตนเองหรือไม่นั้น
โดยระบุเราหาโอกาสในการที่ทำลายฝ่ายตรงข้ามทางการเมืองมาตลอด ซึ่งตนเข้าใจ เพราะตนเคยเป็นทั้งฝ่ายค้านรัฐบาล ซึ่งเป็นปกติที่จะขัดแย้งกัน แต่วันนี้อยากเชิญชวนให้เรามาปกป้องกันก่อนเพื่อทำให้รู้ว่าประเทศเราแข็งแรง ซึ่งเป็นสิ่งที่ดี ยืนยันไม่ได้เกี่ยวกับประเด็นทางการเมืองไว้มากกว่านี้
ส่วนข้อเรียกร้องของพรรคฝ่ายค้านที่ต้องการให้รัฐบาลนำประเด็นความรุนแรงนี้ไปฟ้องระหว่างศาลอาญาระหว่างประเทศ นางสาวแพทองธารกล่าวว่า เป็นสิ่งที่ดีมากที่ทุกฝ่ายแนะนำเข้ามา ซึ่งกระทรวงต่างเทศได้รับไปพิจารณาว่ามีเรื่องใดที่มีความเหมาะสม ซึ่งได้กำลังประสานในด้านนี้อย่างเต็มที่และมีอีกหลายเรื่องที่ต้องทำต่อไป โดยรายละเอียดจะต้องสอบถามที่นายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการนายกรัฐมนตรี