คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการร่างระเบียบกระทรวงการคลัง ว่าด้วยเงินทดรองราชการเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน พ.ศ. …ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ซึ่งเป็นการปรับปรุงระเบียบกระทรวงการคลัง ว่าด้วยเงินทดรองราชการเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน พ.ศ. 2562 โดยยังคงหลักการเดิม เพื่อให้การดำเนินการและการใช้จ่ายเงินทดรองราชการเป็นไปอย่างต่อเนื่อง ชัดเจน ถูกต้อง และเหมาะสม รวมทั้งสอดคล้องกับสภาพการณ์ของภัยพิบัติที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน
นอกจากนี้ ยังมีการปรับเพิ่มวงเงินทดรองราชการเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน 4 หน่วยงาน เพื่อให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติมีความเหมาะสมและสอดคล้องกับสภาพการณ์ภัยพิบัติที่เกิดขึ้นจริงในปัจจุบัน ดังนี้
1. สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม จาก 50 ล้านบาท เป็น 100 ล้านบาท
2. สำนักงานปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จาก 50 ล้านบาท เป็น 100 ล้านบาท
3. กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จาก 50 ล้านบาท เป็น 100 ล้านบาท
4. สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัด จากแห่งละ 20 ล้านบาท เป็น 50 ล้านบาท
ขณะที่นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้ออกมาตรการช่วยเหลือประชาชนและผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ความมั่นคงบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา โดยแบ่งเป็น 2 ส่วน ได้แก่ มาตรการในระดับพื้นที่ และมาตรการของสถาบันการเงินของรัฐ
1. มาตรการในระดับพื้นที่
1) ขยายวงเงินทดรองราชการให้ผู้ว่าราชการจังหวัดละ 100 ล้านบาท และพร้อมพิจารณาขยายเพิ่มหากไม่เพียงพอ เพื่อให้จังหวัดสามารถบริหารจัดการได้อย่างคล่องตัวและตอบโจทย์ความต้องการในพื้นที่
2) อำนวยความสะดวกในการจัดซื้อจัดจ้างพัสดุที่เกี่ยวข้องกับภารกิจด้านความมั่นคงให้สามารถดำเนินการได้อย่างเร่งด่วน ผ่านวิธีเฉพาะเจาะจง
3) เตรียมมาตรการด้านสินเชื่อเพื่อช่วยเหลือประชาชนผ่านธนาคารของรัฐ เช่น ธ.ก.ส. โดยจะให้สินเชื่อเพื่อเสริมสภาพคล่องแก่เกษตรกร รวมถึงสินเชื่ออัตราดอกเบี้ยต่ำ (soft loan) สำหรับผู้ได้รับความเสียหาย
2. มาตรการด้านภาษี
เลื่อนเวลาการยื่นแบบและการชำระภาษี ได้แก่ ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ภาษีเงินได้นิติบุคคล ภาษีหัก ณ ที่จ่าย ภาษีมูลค่าเพิ่ม ภาษีธุรกิจเฉพาะ และอากรแสตมป์ จากเดิมระหว่างวันที่ 24 กรกฎาคม – 31 สิงหาคม 2568 เป็นภายในวันที่ 30 กันยายน 2568
ประชาชนสามารถหักลดหย่อนค่าซ่อมแซมที่อยู่อาศัยจากเหตุการณ์ความเสียหายได้ตามจริงไม่เกิน 100,000 บาท และสำหรับยานพาหนะไม่เกิน 30,000 บาท
3. มาตรการจากสถาบันการเงินของรัฐ
3.1 ธนาคารออมสิน
พักชำระเงินต้นให้กับลูกหนี้ที่อยู่ในพื้นที่ได้รับผลกระทบจนถึงงวดเดือนธันวาคม 2568 และจ่ายเฉพาะดอกเบี้ยบางส่วน
• สินเชื่อดอกเบี้ยต่ำไม่ต้องมีหลักประกัน วงเงิน 20,000 บาท/ราย ผ่อนชำระ 12 เดือน ดอกเบี้ย 0.60%/เดือน
• สินเชื่อเพื่ออาชีพ ผ่อนชำระ 60 เดือน ดอกเบี้ย 0.75%/เดือน
• สินเชื่อ SMEs ลูกค้าเดิมไม่เกิน 5 ล้านบาท รายใหม่ไม่เกิน 3 ล้านบาท ผ่อนชำระ 7 ปี ดอกเบี้ยปีแรก MLR -2.65% ปีถัดไป MLR
• ยกเว้นค่าธรรมเนียม Front End Fee (ค่าธรรมเนียมการใช้สินเชื่อ) และ Prepayment Fee (ค่าปรับจากการไถ่ถอนสินเชื่อก่อนกำหนด)
3.2 ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.)
• สินเชื่อฉุกเฉิน วงเงินไม่เกิน 50,000 บาท/ราย ดอกเบี้ย MRR (6.725%) ผ่อน 3 ปี ปลอดดอกเบี้ย 6 เดือน
• สินเชื่อฟื้นฟูชีวิตและทรัพย์สิน วงเงินไม่เกิน 500,000 บาท ดอกเบี้ย MRR – 2% ต่อปี ผ่อนสูงสุด 15 ปี
3.3 ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.)
• มาตรการช่วยเหลือลูกค้าที่ได้รับผลกระทบ เช่น ลดดอกเบี้ยเหลือ 0.01% นาน 5 ปี
• ผู้ที่บ้านเสียหายทั้งหลัง หรือทุพพลภาพ/เสียชีวิต ได้สิทธิ์อัตราดอกเบี้ย 0.01% ตลอดอายุสัญญา
• กรณีกู้สร้างบ้านใหม่ ดอกเบี้ย 0% 6 เดือนแรก เดือนที่ 7–12 = 0.50% ต่อปี
3.4 ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SME D Bank)
• พักชำระเงินต้น ลดค่างวด ขยายเวลา
• สินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ เช่น “ปลุกพลัง SME” และ “Beyond ติดปีก SME” ดอกเบี้ย 3% ต่อปี ผ่อน 10 ปี
• สินเชื่อรีไฟแนนซ์ SMEs เริ่มต้นที่ 2.99%
SME : ธุรกิจขนาดเล็กและขนาดกลาง/ SMEs : ผู้ประกอบการหลายราย
3.5 ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM Bank)
• ขยายเวลาชำระหนี้ 365 วัน ลดดอกเบี้ยสูงสุด 20%
• เพิ่มวงเงินชั่วคราว 1 ปี สูงสุด 30 ล้านบาท
• มาตรการเสริม เช่น เงินทุนหมุนเวียนเพื่อออกงาน, Safe Trade, Export Credit Insurance
3.6 ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย (IBank)
• พักชำระเงินต้นและกำไรสูงสุด 6 เดือน ขยายได้อีก 6 เดือน
• สินเชื่อเพื่อซ่อมบ้าน เริ่มต้น 1.99% ต่อปี วงเงินไม่เกิน 1 ล้านบาท
• สินเชื่อฟื้นฟูธุรกิจ เริ่มต้น 3.25% วงเงินไม่เกิน 5 ล้านบาท
3.7 บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.)
• โครงการ PGS11 “SMEs ยั่งยืน” ค้ำประกันรายละ 0.5-10 ล้านบาท สูงสุด 7 ปี ยกเว้นค่าธรรมเนียม 3 ปีแรก
• โครงการ SMEs Micro Biz ค้ำประกัน 10,000-500,000 บาท ยกเว้นค่าธรรมเนียม 3 ปีแรกเช่นกัน
• เปิดรับคำขอจนถึง 30 ธันวาคม 2568