น้ำท่วมจังหวัดสุโขทัย ทุกหน่วยต้องบริหารจัดการน้ำเชิงรุก เตรียมพร้อมรับฝนระลอกใหม่ช่วงปลายสิงหาคมถึงตุลาคม

นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ในฐานะประธานกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (กนช.) ตรวจราชการในพื้นที่อุทกภัย จังหวัดสุโขทัย ณ ห้องประชุม ชั้น 2 องค์การบริหารส่วนจังหวัดสุโขทัย พร้อมด้วย ดร.สุรสีห์ กิตติมณฑล เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) คณะผู้บริหารและเจ้าหน้าที่ สทนช. โดยมีนางสาวสรินรัตน์ เกิดสกุลรุ่งโรจน์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุโขทัย ให้การต้อนรับ นายสมลักษ์ ยกน้อยวงษ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุโขทัย กล่าวรายงานสถานการณ์อุทกภัยจังหวัดสุโขทัย พร้อมด้วยผู้แทนจังหวัดแพร่ ผู้แทนจังหวัดน่าน ผู้แทนจังหวัดอุตรดิตถ์ ผู้แทนจังหวัดพิษณุโลก ผู้แทนจังหวัดพิจิตร และผู้แทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุม

โดยที่ประชุมได้ร่วมรับฟังสรุปสถานการณ์และแผนการแก้ไขปัญหาในพื้นที่เสี่ยงอุทกภัยลุ่มน้ำยม-น่าน จากนั้น รองนายกรัฐมนตรีและคณะลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์และพบปะเยี่ยมเยียนประชาชนในพื้นที่ ณ ศาลเจ้าปุงเถ่ากุง-ม่า ตำบลปากแคว อำเภอเมืองสุโขทัย โดยได้ให้กำลังใจและมอบถุงยังชีพให้แก่ประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย

จากนั้นคณะรองนายกรัฐมนตรี เดินทางไปบริเวณคลองตาเป้า หมู่ 3 ตำบลบ้านนา อำเภอศรีสำโรง เพื่อให้กำลังใจและมอบถุงยังชีพให้แก่ประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยและเดินทางไปติดตามการบริหารจัดการน้ำลุ่มน้ำยม-น่าน ณ ประตูระบายน้ำบ้านหาดสะพานจันทร์ และประตูระบายน้ำคลองหกบาท อำเภอสวรรคโลก จังหวัดสุโขทัย เพื่อรับฟังแผนการระบายน้ำและการผันน้ำระหว่างลุ่มน้ำ พร้อมเน้นย้ำให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องบริหารจัดการน้ำอย่างมีประสิทธิภาพ และสื่อสารแจ้งเตือนประชาชนอย่างทันเหตุการณ์

รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ในช่วงที่ผ่านมาประเทศไทยได้รับผลกระทบจากพายุ “วิภา” ซึ่งได้อ่อนกำลังลงเป็นดีเปรสชันและต่อมาได้กลายเป็นหย่อมความกดอากาศต่ำ ประกอบกับร่องมรสุมพาดผ่านบริเวณตอนบนของประเทศ ส่งผลให้หลายพื้นที่โดยเฉพาะในจังหวัดภาคเหนือตอนบนได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง เกิดอุทกภัยในหลายพื้นที่ ทั้งนี้ พื้นที่ลุ่มน้ำยม-ลุ่มน้ำน่าน ได้รับผลกระทบอย่างมาก เนื่องจากเป็นพื้นที่ที่ต้องรับน้ำจากพื้นที่ตอนบน ประกอบกับปัจจุบันยังไม่มีอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่รองรับ ทำให้เกิดความเสี่ยงต่อการเกิดอุทกภัยในพื้นที่เปราะบางของลุ่มน้ำยม

รองนายกรัฐมนตรีเน้นย้ำว่า ขณะนี้ยังอยู่ในช่วงกลางฤดูฝน ซึ่งยังคงมีความเสี่ยงที่จะเกิดฝนตกหนักและอุทกภัยเพิ่มขึ้นอีก จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่ทุกหน่วยงานต้องเตรียมการรองรับสถานการณ์ให้เข้มข้นยิ่งขึ้น โดยเฉพาะในพื้นที่เสี่ยง เพื่อป้องกันและลดผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับประชาชนในพื้นที่ สำหรับวันนี้ได้ลงพื้นที่เพื่อติดตามสถานการณ์ รับฟังข้อมูลและร่วมวางแผนเชิงรุกกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้การบริหารจัดการน้ำในพื้นที่ลุ่มน้ำยมและลุ่มน้ำน่านเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ เป็นที่น่าชื่นชมว่าทุกจังหวัดและหน่วยงานได้มีการเตรียมการรับมือไว้ล่วงหน้าเป็นอย่างดี เช่น การดำเนินการตามมาตรการรับมือฤดูฝนปี 2568 การตั้งศูนย์บริหารจัดการน้ำส่วนหน้า (ชั่วคราว) ในพื้นที่เสี่ยงอุทกภัยลุ่มน้ำยม-น่าน การดำเนินการซักซ้อมและการเผชิญเหตุในระดับต่างๆ รวมถึงการแจ้งเตือนภัยผ่านระบบ Cell Broadcast อย่างไรก็ตาม ในช่วงเดือนสิงหาคม-ตุลาคมนี้ มีการคาดการณ์ว่าปริมาณฝนในหลายพื้นที่อาจสูงกว่าค่าเฉลี่ย ซึ่งมีโอกาสที่พื้นที่ภาคเหนือและภาคกลางตอนล่างจะเกิดอุทกภัย น้ำหลาก และดินถล่มได้ จึงขอให้ทุกหน่วยบูรณาการทำงานร่วมกันและเร่งดำเนินการมาตรการเชิงรุก เพื่อลดความเสี่ยงและความเสียหายต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน

โดยได้มอบหมายให้ สทนช. ร่วมกับ กรมชลประทาน (ชป.) และการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) บูรณาการการระบายน้ำจาก เขื่อนสิริกิติ์ และเขื่อนแควน้อยบำรุงแดนผ่านกลไกศูนย์บริหารจัดการน้ำส่วนหน้า (ชั่วคราว) ในพื้นที่เสี่ยงอุทกภัยลุ่มน้ำยม-น่าน โดยให้เกิดผลกระทบต่อพื้นที่ท้ายน้ำน้อยที่สุดและต้องคำนึงถึงความมั่นคงปลอดภัยของเขื่อน และให้มีปริมาณน้ำสำรองเพียงพอต่อการอุปโภคบริโภคและภาคการเกษตรในฤดูแล้งที่จะมาถึงด้วย ให้ ชป. เร่งระบายน้ำจากแม่น้ำยมไปสู่แม่น้ำน่าน พร้อมทั้งดำเนินการเสริมคันป้องกันน้ำชั่วคราวในจุดที่มีความเปราะบาง และติดตั้งเครื่องสูบน้ำในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากน้ำล้นตลิ่ง สำหรับกรณีที่เครื่องสูบน้ำที่มีอยู่ไม่เพียงพอขอให้ประสานความร่วมมือกับ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) และกรมทรัพยากรน้ำ เพื่อจัดสรรเครื่องสูบน้ำเพิ่มเติมให้เพียงพอต่อความจำเป็น ให้ ชป. ร่วมกับจังหวัดอุตรดิตถ์ จังหวัดพิษณุโลก และจังหวัดสุโขทัย เตรียมความพร้อมการบริหารจัดการน้ำในพื้นที่บางระกำโมเดล สำหรับใช้รับน้ำหลากจากช่วงกลางเดือนสิงหาคมจนถึงช่วงปลายเดือนตุลาคม 2568 โดยต้องประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนในพื้นที่รับทราบอย่างต่อเนื่อง ให้ ปภ. ร่วมกับจังหวัดในพื้นที่ลุ่มน้ำยมและลุ่มน้ำน่าน จัดทำแผนเผชิญเหตุ เตรียมความพร้อมบุคลากร เครื่องมือ และระบบการช่วยเหลือฉุกเฉิน ให้สามารถให้ความช่วยเหลือประชาชนได้อย่างทันท่วงที และในกรณีที่ต้องมีการอพยพ ขอให้มีการจัดเตรียม ศูนย์พักพิงชั่วคราว ที่มีความพร้อมทั้งด้านสาธารณูปโภค อาหารและหน่วยแพทย์ ให้พร้อมในการดูแลผู้ประสบภัย สำหรับการแจ้งเตือนภัย ขอให้จังหวัดในพื้นที่ลุ่มน้ำยมและลุ่มน้ำน่าน ร่วมกับกรมประชาสัมพันธ์ และ ปภ. ใช้ระบบการแจ้งเตือนภัยผ่านระบบ Cell Broadcast (CB) ควบคู่กับช่องทางอื่นๆ ทุกช่องทางที่มีของภาครัฐ เอกชนและภาคประชาชน ทั้งในระดับท้องถิ่นและระดับประเทศ เพื่อให้ประชาชนได้รับข้อมูลที่ถูกต้อง ครบถ้วนและทันต่อสถานการณ์ จึงขอให้พี่น้องประชาชนเชื่อมั่นในความตั้งใจของรัฐบาล ที่มีความห่วงใยประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัยอย่างยิ่งและมุ่งมั่นที่จะร่วมมือกับทุกหน่วยงานในการป้องกันและลดผลกระทบให้ได้มากที่สุด

ด้าน เลขาธิการ สทนช. เปิดเผยเพิ่มเติมว่า สำหรับสถานการณ์น้ำในลุ่มน้ำยม มีจำนวนแหล่งน้ำทั้งหมด 3,859 แห่ง ความจุรวม 533.03 ล้าน ลบ.ม. ปัจจุบันมีปริมาตรน้ำรวม 317.65 ล้าน ลบ.ม. หรือคิดเป็น 60% ของความจุเก็บกัก ขณะที่ลุ่มน้ำน่าน มีจำนวนแหล่งน้ำทั้งหมด 4,337 แห่ง ความจุรวม 10,809.33 ล้าน ลบ.ม. ปัจจุบันมีปริมาตรน้ำรวม 7,814.26 ล้าน ลบ.ม. หรือคิดเป็น72% ของความจุเก็บกัก ในภาพรวมยังคงมีพื้นที่รองรับปริมาณฝนที่จะตกมาได้อีก สำหรับสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่ลุ่มน้ำยม-น่าน พบว่า จังหวัดน่านได้รับผลกระทบจากฝนตกสะสมสูงสุด มวลน้ำจากพื้นที่ตอนบนของจังหวัดน่านมีแนวโน้มจะไหลลงสู่เขื่อนสิริกิติ์ ซึ่งเป็นเขื่อนหลักในการรองรับน้ำของลุ่มน้ำน่าน และมีบทบาทสำคัญในการควบคุมการระบายลงสู่แม่น้ำน่านตอนล่างและลุ่มน้ำเจ้าพระยา โดยคาดว่าหากไม่มีฝนตกซ้ำในปริมาณมาก พื้นที่ประสบภัยในจังหวัดน่านจะสามารถกลับเข้าสู่ภาวะปกติได้ภายในสัปดาห์หน้า ในขณะที่ ลุ่มน้ำยม จังหวัดแพร่ และสุโขทัยเป็นพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบอย่างต่อเนื่องจากมวลน้ำตอนบน ขณะนี้สถานการณ์โดยรวมเริ่มคลี่คลาย โดยระดับน้ำในแม่น้ำยมลดลงต่อเนื่อง แต่ยังคงมีน้ำท่วมขังในบางพื้นที่ลุ่มต่ำและพื้นที่เกษตร อย่างไรก็ตาม จังหวัดสุโขทัยยังมีแนวโน้มระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้นในบางจุด ซึ่งได้มีการควบคุมมวลน้ำจากภาคเหนือลงสู่ลุ่มน้ำเจ้าพระยา โดยขณะนี้อยู่ในช่วงปรับลดการระบายน้ำจากเขื่อนสิริกิติ์ และควบคุมระดับน้ำเหนือเขื่อนนเรศวร เพื่อเร่งระบายน้ำจากแม่น้ำยมเข้าสู่แม่น้ำน่าน และควบคุมระดับน้ำไม่ให้ล้นตลิ่งในตัวเมืองสุโขทัย รวมทั้งเสริมแนวป้องกันน้ำในเขตเศรษฐกิจและพื้นที่เสี่ยงซ้ำซาก และเปิดบานประตูระบายน้ำทุกจุดเต็มศักยภาพ รวมถึงการเตรียมพื้นที่รองรับน้ำใน พื้นที่ลุ่มต่ำ บางระกำโมเดล ที่สามารถหน่วงน้ำได้ถึง 400 ล้าน ลบ.ม. หลังจากเก็บเกี่ยวข้าวแล้วเสร็จภายในกลางเดือนสิงหาคม เพื่อเตรียมรองรับปริมาณฝนหรือพายุที่คาดว่าจะเกิดขึ้นอีกในช่วงปลายฤดูฝน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง