“รองนายกฯ ประเสริฐ” ร่วมไว้อาลัยผู้เสียชีวิตที่ปั๊ม ปตท.บ้านผือ ศรีสะเกษ กำชับ NT ดูแลสัญญาณเน็ต มือถือ ศูนย์อพยพ เร่งฟื้นฟูเยียวยา

นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) ลงพื้นที่จังหวัดศรีสะเกษเพื่อติดตามสถานการณ์และให้ความช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ความไม่สงบตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา โดยได้เดินทางไปยังศาลากลางจังหวัดศรีสะเกษ มอบเงินช่วยเหลือจากกองทุนเงินช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณภัย สำนักนายกรัฐมนตรี ให้แก่ญาติของผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์สู้รบบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา จำนวน 9 ราย จากนั้นได้นำคณะเยี่ยมให้กำลังใจและมอบสิ่งของจำเป็นที่ได้รับการบริจาคจากคนไทยทั้งประเทศที่ส่งผ่านน้ำใจร่วมกับทางไปรษณีย์ไทยให้แก่ผู้ประสบภัยที่ศูนย์อพยพในอำเภอกันทรลักษ์ พร้อมหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องถึงแนวทางการดูแลและเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบอย่างเป็นระบบ

นายประเสริฐ ได้สั่งการ 1. ให้สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ จังหวัดศรีสะเกษ เร่งรวบรวมเอกสารของผู้ประสบภัยที่เหลือให้ครบถ้วนโดยด่วน 2. ให้ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษติดตาม
การเบิกจ่ายอย่างเร่งด่วน 3. ให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดการตรวจสอบผู้ประสบภัยที่เหลืออีก 24 ราย โดยเร็ว และ 4. ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งสํารวจโครงสร้างพื้นฐาน ถนน  โรงพยาบาล โรงเรียน วัด บ้านเรือนประชาชน แหล่งโบราณสถาน โบราณวัตถุ เพื่อขอรับการช่วยเหลือต่อไป 

พร้อมทั้งพูดคุยกับผู้ประสบภัยที่ศูนย์อพยพโดยระบุว่าแม้สถานการณ์ดูเหมือนจะคลี่คลายลง แต่ด้วยความกังวลว่า ขณะนี้สถานการณ์ยังเป็นเรื่องที่ต้องเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด จึงได้กำชับไปยังผู้ว่าราชการจังหวัด หากจะมีการกลับบ้านประชาชนทุกคนต้องปลอดภัย และระหว่างนี้ได้สั่งการบริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ (NT) ให้ดูเรื่องสัญญาณโทรศัพท์มือถือและอินเทอร์เน็ต เพื่อให้ผู้ประสบภัยสามารถติดต่อสื่อสารและรับทราบข้อมูลข่าวสาร ทั้งนี้เข้าใจดีว่าผู้ประสบภัยอยู่ในศูนย์อพยพนานๆ อาจจะเบื่อ ซึ่งพยายามให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เข้ามาดูแลเพื่อให้ประชาชนได้ผ่อนคลายและไม่เกิดความเครียด ขอเป็นกำลังใจให้ทุกคนผ่านพ้นช่วงเวลาที่มีความยากลำบากนี้ไปด้วยดีและขอให้สถานการณ์กลับมาสู่ปกติได้กลับบ้าน เพราะเข้าใจดีว่าไม่มีที่ไหนสุขสบายเท่าบ้าน

จากนั้นนายประเสริฐ พร้อมคณะ ได้ร่วมวางดอกไม้และยืนไว้อาลัยในนามของรัฐบาล แสดงความเคารพต่อผู้เสียชีวิต ที่สถานีบริการน้ำมันบ้านผือ อำเภอกันทรลักษณ์ จังหวัดศรีสะเกษ สถานที่ที่กองทัพกัมพูชาโจมตีด้วยจรวด BM-21 เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคมที่ผ่านมา ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตทันทีถึง 8 ราย และ 1 ในนั้นเป็นเด็ก
ซึ่งนางสาวภคนันท์ ศิลาอาสน์ รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายบริหาร ได้จัดกิจกรรมเชิญชวนประชาชนร่วมวางดอกไม้แสดงความอาลัย และร่วมส่งดวงวิญญาณของผู้เสียชีวิต โดยมีประชาชนชาวอำเภอกันทรลักษ์ สื่อมวลชนไทยและสื่อต่างประเทศ สื่อท้องถิ่น รวมทั้งประชาชนที่ทราบข่าว เดินทางมาร่วมวางดอกไม้ แสดงความอาลัยเป็นจำนวนมาก โดยนายประเสริฐ ได้ให้กำลังใจแก่ครอบครัวผู้สูญเสียอย่างใกล้ชิด

จากนั้นได้เดินทางตรวจเยี่ยมและให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานที่ทำการไปรษณีย์ในอำเภอกันทรลักษ์ ซึ่งเป็นหน่วยงานด่านหน้าที่มีบทบาทในการสนับสนุนการสื่อสารและช่วยเหลือประชาชนในช่วงวิกฤติ

นายประเสริฐ กล่าวว่า ในฐานะตัวแทนรัฐบาลได้ฝากความห่วงใยมาถึงทุกคนและฝากกําลังใจมาให้ผู้ปฏิบัติงาน การลงพื้นที่ในครั้งนี้ถือเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามในการเร่งเยียวยาและฟื้นฟูความเป็นอยู่ของประชาชนในพื้นที่ชายแดน รัฐบาลให้ความสำคัญกับความเป็นอยู่ของประชาชนเป็นอย่างยิ่ง และต้องการให้สถานการณ์กลับคืนสู่ภาวะปกติโดยเร็วที่สุด นอกจากการเยียวยาผู้ได้รับบาดเจ็บและครอบครัวของผู้เสียชีวิตแล้ว รัฐบาลยังมีมาตรการเพิ่มเติมที่จะออกมาในไม่ช้านี้เพื่อช่วยเหลือและฟื้นฟูความเป็นอยู่ของประชาชนในทุกมิติในระยะเร่งด่วน รัฐบาลจะให้ความสำคัญกับการฟื้นฟูและซ่อมแซมโครงสร้างพื้นฐานที่ได้รับความเสียหาย อาทิ ถนน สะพาน โรงพยาบาล โรงเรียน และแหล่งน้ำ พร้อมทั้งเร่งดำเนินการติดตั้งอินเทอร์เน็ตให้กับชุมชนในพื้นที่ เพื่อสนับสนุนการเข้าถึงข้อมูลและบริการของรัฐ นอกจากนี้ ยังมีมาตรการส่งเสริมอาชีพและสนับสนุนการเริ่มต้นธุรกิจหรือเกษตรกรรมใหม่สำหรับผู้ที่สูญเสียรายได้ โดยไปรษณีย์ไทยได้เปิดโครงการ “ตู้ ปณ. ช่วยผู้ประสบภัยไทย – กัมพูชา” ซึ่งไม่เสียค่าใช้จ่าย ตั้งแต่วันนี้ถึงวันที่ 25 สิงหาคม นี้ ถือเป็นอีกหนึ่งบทบาทสำคัญของไปรษณีย์ไทย ในการเป็นกลไกกลางเชื่อมโยงความห่วงใยจากคนไทยทั่วประเทศ ส่งตรงไปยังประชาชนและเจ้าหน้าที่ทหารที่ปฏิบัติภารกิจในพื้นที่ชายแดน เพราะเชื่อว่าการส่งต่อสิ่งของจําเป็น ไม่เพียงเป็นการช่วยเหลือด้านกายภาพ แต่ยังเป็นพลังใจที่ยิ่งใหญ่ในยามยากลําบาก

ทั้งนี้ในวันที่ 1 สิงหาคมที่ผ่านมา นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี ได้เรียกประชุมคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องนัดพิเศษ ที่ทำเนียบรัฐบาล เพื่อพิจารณาปรับปรุงแก้ไขหลักเกณฑ์และวิธีการในการขอใช้งบประมาณรายจ่ายจากงบกลาง เพื่อเยียวยาให้กับผู้ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์การปะทะบริเวณ 7 จังหวัดชายแดนไทย – กัมพูชา โดยได้ขอมติความเห็นชอบในหลักการในการใช้งบกลางเพิ่ม เพื่อดูแลค่าใช้จ่ายต่างๆ ไม่ว่าจะเกิดจากการเสียชีวิต การบาดเจ็บทุพพลภาพ หรือการบาดเจ็บในระดับต่างๆ รวมทั้งบ้านเรือนที่เสียหาย เพื่อการให้ความช่วยเหลืออย่างเหมาะสม โดยขณะนี้ยังไม่มีข้อสรุปของตัวเลขที่แน่ชัด แต่เบื้องต้นจะมีวงเงินที่สูงกว่าหลักเกณฑ์ที่เคยประกาศไว้ก่อนหน้านี้ ซึ่งที่ประชุมเห็นชอบในหลักการดังกล่าว พร้อมมอบหมายให้กระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ กระทรวงกลาโหม กระทรวงมหาดไทย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และสำนักนายกรัฐมนตรี ร่วมกันพิจารณาหลักเกณฑ์และวิธีการในการขอใช้งบประมาณรายจ่ายจากงบกลาง รายการเงินสำรองจ่าย เพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อแก้ไขหรือเยียวยาความเดือดร้อนเสียหายในบางกรณี พ.ศ. 2559 ก่อนนำเสนอเข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรีในสัปดาห์หน้า เมื่อได้รับความเห็นชอบแล้ว การใช้งบกลางสามารถดำเนินการจ่ายเงินช่วยเหลือได้ทันที

ข่าวที่เกี่ยวข้อง