ทุกภาคส่วนร่วมใจเยียวยาครอบครัวทหารที่สละชีวิต บาดเจ็บ จากสถานการณ์ชายแดน ไทย-กัมพูชา อย่างสมเกียรติ

จากสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ส่งผลให้มีกำลังพลของไทยเสียชีวิต 15 นาย บาดเจ็บ 199 นาย พลเรือนเสียชีวิต 17 รายบาดเจ็บ 38 ราย ในการนี้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงรับผู้ได้รับบาดเจ็บทั้งที่เป็นกำลังพลและพลเรือนไว้เป็นคนไข้ในพระบรมราชานุเคราะห์ทุกรายและทรงรับผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ดังกล่าว ทั้งกำลังพลและพลเรือนไว้เป็นศพในพระบรมราชานุเคราะห์ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ผู้ว่าราชการจังหวัด ทุกจังหวัดที่เกี่ยวข้องหรือผู้แทนเชิญดอกไม้และตะกร้าสิ่งของพระราชทานไปมอบให้ผู้ได้รับบาดเจ็บและทรง พระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เชิญพวงมาลาของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและพวงมาลาของพระบรมวงศานุวงศ์ไปวางที่หน้าหีบศพผู้ที่เสียชีวิตและพระราชทานเพลิงศพกำลังพลที่เสียชีวิตอย่างสมเกียรติ พร้อมกันนี้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานพระบรมราชานุเคราะห์ในการบำเพ็ญกุศลออกเมรุ พร้อมพระราชทานเพลิงศพแก่พลเรือนผู้เสียชีวิต จากเหตุการณ์ความไม่สงบตามแนวชายแดนไทย–กัมพูชา ด้วย

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้กองทัพบกร่วมกับส่วนราชการ เร่งดำเนินการสำรวจความเสียหายและดำเนินการฟื้นฟู โดยศูนย์อำนวยการจิตอาสาพระราชทานจังหวัดบุรีรัมย์ ร่วมกับมณฑลทหารบกที่ 26 และภาคประชาชนได้ร่วมดำเนินการก่อสร้างบ้านหลังใหม่ให้กับครอบครัวของ ส.ต.ธีรยุทธ กระจ่างทอง ซึ่งเสียชีวิตจากการปฏิบัติหน้าที่ในเหตุการณ์ปะทะ ณ ฐานตาฮอง 2 ตำบลเสาธงชัย อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ

ส่วนกำลังพลที่ได้รับบาดเจ็บขาขาด พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทาน
ขาเทียมที่ดีที่สุดในโลกให้แก่ทหารทั้ง 3 นาย ได้แก่

1. ร้อยตรี เกียรติวงศ์ สถาวร

2. พลทหาร ธนพัฒน์ หุยวัน

3. จ่าสิบเอก พิชิตชัย บุญชูหล้า

โดยมีกระแสรับสั่งว่า เป็นทหารที่มีคุณภาพ มีไฟ ของกองทัพ ทั้งนี้หากไม่อยากทำงาน Light Duty ก็อย่าไปบังคับเขาให้เขาได้ฝึกฝนและทำงานหน่วยรบตามใจอยากต่อไปได้

ในส่วนของการปูนบำเหน็จแก่ทหารกล้า ที่สละชีพรักษาอธิปไตยจากเหตุสู้รบชายแดนไทย-กัมพูชา กองทัพบกได้ดำเนินการปูนบำเหน็จพิเศษขอพระราชทานยศทหารพร้อมมอบเงินพระราชทาน สินไหมทดแทนจากภัยสงคราม ประกันชีวิตกองทัพบก เงินช่วยเหลือและบำเหน็จตกทอดให้กับทายาท

ขณะที่มีการเผยแพร่สภาพความเป็นอยู่ของครอบครัว ส.ต.ธีรยุทธ กระจ่างทอง กำลังพลชาวบุรีรัมย์ ที่เสียชีวิตจากการปกป้องอธิปไตยของประเทศ นั้น นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เปิดเผยว่า ศูนย์เร่งรัดจัดการสวัสดิภาพประชาชน (ศรส.) กระทรวง พม. รายงานถึงการให้ความช่วยเหลือครอบครัวของ ส.ต.ธีรยุทธ ที่เป็นเสาหลักของครอบครัว ส่งเงินมาช่วยค่าใช้จ่ายของครอบครัวและต่อเติมบ้านจนกระทั่งเมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2568 ถูกสะเก็ดระเบิดเสียชีวิตจากการปะทะตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา โดยครอบครัวอาศัยอยู่ร่วมกัน รวม 8 คน อาชีพหลักคือเกษตรกรรม สภาพที่อยู่อาศัยของครอบครัวไม่มั่นคง เป็นเพียงการปลูกกระต๊อบบนดิน ทำจากไม้และสังกะสีสภาพเก่ามาปิดไว้ ไม่มีการลาดพื้นด้วยปูน ภายในเป็นแคร่ไม้ยกพื้นสูง ไว้ใช้สำหรับเป็นที่หลับนอน มีเครื่องนอนสภาพเก่า และมีโครงบ้านที่รอการสร้างอยู่บริเวณกลางที่ดิน และห้องนอน สร้างอยู่ด้านหลังที่ดิน ล้อมรอบด้วยสังกะสีสภาพเก่า ยังไม่มีการต่อน้ำ-ไฟฟ้ามาใช้ในครัวเรือน สร้างอยู่ในที่ดินตกทอดของบรรพบุรุษไม่มีเอกสารสิทธิ์

ทีม พม.จังหวัดบุรีรัมย์ ได้พิจารณาช่วยเหลือเป็นเงินสงเคราะห์ผู้ประสบปัญหาทางสังคม มอบถุงยังชีพเครื่องอุปโภคบริโภคที่จำเป็น เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนเฉพาะหน้า และศูนย์พัฒนาการจัดสวัสดิการสังคมผู้สูงอายุบ้านบุรีรัมย์ ได้สนับสนุนงบปรับปรุงสภาพที่อยู่อาศัยและสิ่งแวดล้อม นอกจากนี้ ได้ประสานความช่วยเหลือเรื่องสิทธิและรวบรวมเอกสาร เพื่อขอรับเงินเยียวยาจากกองทุนเงินช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณภัย
สำนักนายกรัฐมนตรีแก่ทายาทผู้เสียชีวิตจากสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชากรณีเสียชีวิต และประสานองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ในการอำนวยความสะดวกและดูแลด้านความเป็นอยู่ของครอบครัวผู้เสียชีวิต

สำหรับการช่วยเหลือญาติของกำลังพลที่เสียชีวิตซึ่งเป็นเกษตรกรกลุ่มลูกค้าของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) นายฉัตรชัย ศิริไล ผู้จัดการ ธ.ก.ส. เปิดเผยว่า เพื่อให้ความช่วยเหลือและสงเคราะห์ลูกหนี้ และลดภาระให้สามารถดำรงชีพต่อไปได้อย่างมั่นคง ธ.ก.ส. เห็นชอบการให้ความช่วยเหลือลูกหนี้ กรณีบุตร คู่สมรส ของลูกค้า ธ.ก.ส. ที่เป็นทหาร หรือตำรวจตระเวนชายแดน (ตชด.) ที่เสียชีวิตจากการปฏิบัติหน้าที่ในเหตุการณ์ความไม่สงบระหว่างประเทศไทย-กัมพูชา โดยธนาคารจะยกหนี้ในส่วนของต้นเงินกู้ทุกสัญญา และยกหนี้ในส่วนของดอกเบี้ยค้างรับและดอกเบี้ยปรับทั้งจำนวน ภายใต้สัญญาที่ใช้แหล่งเงินทุน ธ.ก.ส. เป็นกรณีพิเศษ

ด้านสถานศึกษาหลายแห่งได้เข้ามาเติมเต็มอนาคตทางการศึกษาของทายาทกำลังพล ได้แก่ กลุ่มสถาบันการศึกษาเครือวงษ์ชวลิตกุล (ตั้งแต่ประถมจนจบปริญญาตรี รวมถึงสายอาชีวะ) ได้แก่ โรงเรียนเกียรติคุณวิทยา วิทยาลัยเทคโนโลยีช่างกลพณิชยการนครราชสีมา (ช.พ.น.) และมหาวิทยาลัยวงษ์ชวลิตกุล ร่วมแสดงความกตัญญูต่อคุณงามความดีของทหารผู้เสียสละชีวิต ด้วยการมอบทุนการศึกษาเต็มจำนวน ให้แก่ บุตรหลานของทหารที่เสียชีวิตจากการปฏิบัติหน้าที่เพื่อชาติ โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายตลอดระยะเวลาการศึกษา ผู้สนใจสามารถติดต่อเพื่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมและยื่นเอกสารสมัครได้โดยตรงทั้ง 3 สถาบัน

มหาวิทยาลัยมหาสารคาม ตระหนักถึงความสำคัญของการเสียสละเพื่อรักษาอธิปไตยของชาติ และเพื่อเป็นการแสดงความขอบคุณและตอบแทนในความกล้าหาญของกำลังพล ผู้ปฏิบัติหน้าที่ในการปกป้องผืนแผ่นดินไทย โดยรองศาสตราจารย์ ดร.ประยุกต์ ศรีวิไล อธิการบดีมหาวิทยาลัยมหาสารคาม เปิดเผยว่า มหาวิทยาลัยมหาสารคามกำหนดแนวทางการสนับสนุนด้านการศึกษาแก่บุตรและภรรยาของทหารผู้เสียชีวิต และบุตรของกำลังพลผู้ที่ได้รับบาดเจ็บอย่างครอบคลุม โดยจะยกเว้นค่าธรรมเนียมการศึกษาตลอดหลักสูตร ให้แก่ผู้ที่ประสงค์จะเข้าศึกษาต่อในทุกระดับการศึกษาของมหาวิทยาลัย ได้แก่ โรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยมหาสารคาม (ฝ่ายประถมและมัธยม) ระดับปริญญาตรี ระดับปริญญาโท และระดับปริญญาเอก ติดต่อและยื่นความจำนงได้ที่ ฝ่ายวิชาการ กองทะเบียนและประมวลผล มหาวิทยาลัยมหาสารคาม โทรศัพท์: 0-4371-9888, 0-4371-9889, 08-0323-7706, 06-3827-3667 วันและเวลาทำการ: วันจันทร์ – วันศุกร์ เวลา 08.30 – 16.30 น. (ยกเว้นวันหยุดนักขัตฤกษ์)

รองศาสตราจารย์ ดร.พูลสุข เจนพานิชย์ วิสุทธิพันธ์ ผู้อำนวยการโรงเรียนพยาบาลรามาธิบดี คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล ประกาศรับ “น้องปิ่นมุก” บุตรสาวของ จ.ส.อ.ธีระยุทธ สีจุ้ยจ้าย ทหารกล้า
ผู้สละชีพปกป้องแผ่นดินไทย เข้าเรียนโดยโควตาพิเศษ ไม่ต้องสอบ โดยใช้เฟซบุ๊กส่วนตัวชื่อ “Poolsuk Janepanish Visudtibhan” โพสต์รูปภาพของโรงเรียนพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล พร้อมเขียนข้อความว่า “เห็นลูกสาวของทหารผู้เสียชีวิตร่ำไห้เสียใจ แต่หนูเข้มแข็งมาก อยากฝากไปบอกว่า ถ้าอยากเป็นพยาบาล…  แห่งอนาคต ครูและอาจารย์ทุกคน ของโรงเรียนพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล ยินดีรับหนูเข้าเรียนโดยโควตาพิเศษไม่ต้องสอบเพราะเราเชื่อว่าหนูต้องมี DNA ที่เสียสละ จิตใจดี จากคุณพ่อ และต้องเป็นพยาบาลที่ดีแน่นอน ใครรู้จักน้องเค้าฝากบอกด้วยนะคะ”

คณะผู้บริหารสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (NIDA) ได้กำหนดแนวทางดำเนินการ ดังนี้

1. มอบทุนการศึกษา ให้แก่ ทายาท คู่สมรส ของทหารและตำรวจตระเวนชายแดนที่เสียชีวิต และทหาร ตำรวจตระเวนชายแดนที่ทุพพลภาพทางร่างกายจากการปฏิบัติหน้าที่ปกป้องอธิปไตยชายแดนไทย-กัมพูชา เพื่อให้พวกเขามีโอกาสทางการศึกษาและอนาคตที่ดีขึ้น

 2. ระดมทุนผ่านการบริจาคสิ่งของ โดยเปิดรับบริจาคสิ่งของต่าง ๆ เพื่อนำไปจำหน่ายและรวบรวมรายได้ทั้งหมด มอบเป็นเงินสนับสนุนแก่ครอบครัวของทหารผู้เสียสละและได้รับบาดเจ็บ

3. บริจาคสิ่งของจำเป็น สถาบันได้ดำเนินการบริจาคสิ่งของจำเป็น เครื่องอุปโภคบริโภค ให้แก่ทหารและ
ผู้อพยพในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา โดยได้มีการส่งมอบสิ่งของดังกล่าวเป็นที่เรียบร้อย เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม 2568

จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ขอมีส่วนร่วมด้วยการมอบทุนการศึกษาฟรีที่จุฬาฯ จนเรียนจบแก่บุตรและคู่สมรสของทหาร ตำรวจตระเวนชายแดน และประชาชนผู้เสียชีวิตจากการปกป้องอธิปไตยชายแดนไทย-กัมพูชา   เพื่อยกย่องผู้เสียสละ และเป็นกำลังใจให้กับทหารและประชาชนผู้สูญเสียจากสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา      

กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) เปิดเผยว่า จากสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ชายแดนไทย – กัมพูชา ส่งผลให้มีเจ้าหน้าที่ทหารและประชาชนได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิตนั้น หากเป็นผู้กู้ยืมเสียชีวิตจากการปฏิบัติหน้าที่ กยศ. จะระงับหนี้ให้ทั้งหมด โดยขอให้ญาติส่งเอกสารหลักฐานแจ้งการถึงแก่กรรมมายังสำนักงาน กยศ. ได้แก่ สำเนาใบมรณบัตรของผู้กู้ยืม สำเนาทะเบียนบ้านของผู้กู้ยืม (ถ้ามี) สำเนาบัตรประจำตัวประชาชนของผู้กู้ยืม(ถ้ามี) และสำเนาบัตรประจำตัวประชาชนของผู้แจ้ง ทั้งนี้ กยศ. ขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อการสูญเสียที่เกิดขึ้น และขอส่งกำลังใจไปยังครอบครัวของผู้สูญเสีย รวมถึงแสดงความห่วงใยต่อประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ในครั้งนี้

ข่าวที่เกี่ยวข้อง